คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าพนักงาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,471 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าเจ้าพนักงาน: พิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลประกอบ
ตำรวจกำลังกอดปล้ำจับผู้กระทำผิดอยู่ จำเลยมาถึงก็ใช้ปืนยิงไป 1 นัดถูกตำรวจถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตาย และจำเลยกับผู้ตายก็เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกันจำเลยคงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามมาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริตเรียกทรัพย์จากประชาชน แม้ไม่ใช่การปล้นทรัพย์ ก็มีความผิดตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 - 2 เป็นพลตำรวจ ได้สมคบกันไปจับผู้เสียหายมา 2 คน บอกว่าสงสัยว่าลักควายของจำเลยที่ 3 และใส่กุญแจมือพามาบ้านจำเลยที่ 4 ในระหว่างเดินทาง จำเลยที่ 1 ได้เอาปืนยาวตีศีรษะผู้เสียหายให้เอาเงินมาคนละ 300 บาท ถ้าไม่ให้จะฆ่าทิ้งเสียในคืนนี้ ผู้เสียหายยอมรับจะให้คนละ 250 บาท แต่เวลานั้นยังไม่มีเงิน จำเลยจึงบอกให้ผู้เสียหายขายควายและให้เอา เรือนที่บ้านและไร่ยาสูบขายฝากผู้อื่นไว้แล้วจำเลยที่ 1 ก็รับเอาเงินที่ขายควายและขายฝากเรือน ที่บ้านและไร่ยาสูบไปดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 270 และมาตรา 136 ฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจจริต หาใช่เป็นการปล้นทรัพย์ เพราะมิใช่การขู่เข็ญชิงเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์ หากแต่เป็นการที่จำเลยบังคับให้เขาให้หรือให้เขาหาทรัพย์ หรือผลประโยชน์อันมิควรจะได้ตามกฎหมายมาให้แก่ตัวมันโดยมันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่บังคับโดยทางอันมิชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 268, 270, 301 แต่ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 270, 136 แต่โจทก์อ้างบทหรือมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรค 4.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริต บังคับให้ได้ทรัพย์สินโดยมิชอบ ไม่ใช่ปล้นทรัพย์
จำเลยที่ 1-2 เป็นพลตำรวจ ได้สมคบกันไปจับผู้เสียหายมา 2 คน บอกว่าสงสัยว่าลักควายของจำเลยที่ 3 และใส่กุญแจมือพามาบ้านจำเลยที่ 4 ในระหว่างเดินทาง จำเลยที่ 1 ได้เอาปืนยาวตีศีรษะผู้เสียหายให้เอาเงินมาคนละ 300 บาท ถ้าไม่ให้จะฆ่าทิ้งเสียในคืนนี้ ผู้เสียหายยอมรับจะให้คนละ 250 บาท แต่เวลานั้นยังไม่มีเงิน จำเลยจึงบอกให้ผู้เสียหายขายควายและให้เอาเรือน ที่บ้านและไร่ยาสูบขายฝากผู้อื่นไว้แล้วจำเลยที่ 1 ก็รับเอาเงินที่ขายควายและขายฝากเรือน ที่บ้านและไร่ยาสูบไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 270 และมาตรา 136 ฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต หาใช่เป็นการปล้นทรัพย์ เพราะมิใช่การขู่เข็ญชิงเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์ หากแต่เป็นการที่จำเลยบังคับให้เขาให้หรือให้เขาหาทรัพย์ หรือผลประโยชน์อันมิควรจะได้ตามกฎหมายมาให้แก่ตัวมันโดยมันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่บังคับโดยทางอันมิชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 268,270,301 แต่ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 270,136 แต่โจทก์อ้างบทหรือมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามปล้นทรัพย์ด้วยการขู่เข็ญและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยกับพวกรวมกันกว่า 3 คน มีศาตราวุธมาเรียกผู้เสียหายในเวลาดึก เพื่อทำการชิงทรัพย์ แต่หากผู้เสียหายรู้ทันไม่ยอมเปิด และเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับเสียก่อน ทั้งพวกจำเลยยังได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าพนักงานเพื่อให้หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาอีก ดังนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ทราบประกาศของเจ้าพนักงานเป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
ประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บเครื่องยนตร์ฉุดระหัส ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กับส่งกรมโฆษณาการโฆษณาทางวิทยุและทางหนังสือพิมพ์ แต่ไม่ปรากฎว่าได้ส่งประกาศนั้นไปทางอำเภอหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านเพื่อแจ้งให้ราษฎรทราบ ซึ่งเป็นการสมควรจะกระทำ จำเลยเป็นผู้อยู่ห่างไกล ดังนี้ เชื่อได้ว่าจำเลยมิได้ทราบข้อความแห่งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ การที่จำเลยมิได้บัญญัติตามประกาศ จึงไม่เป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน หรือฝ่าฝืนประกาศ อันจะเป็นผิดตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งประกาศของเจ้าพนักงาน และความรับรู้ของผู้ถูกบังคับใช้กฎหมาย หากไม่ทราบประกาศ ย่อมไม่มีความผิด
ประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บเครื่องยนต์ฉุดระหัด ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กับส่งกรมโฆษณาการโฆษณาทางวิทยุและทางหนังสือพิมพ์ แต่ไม่ปรากฏว่าได้ส่งประกาศนั้นไปทางอำเภอหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านเพื่อแจ้งให้ราษฏรทราบ ซึ่งเป็นการสมควรจะกระทำจำเลยเป็นผู้อยู่ห่างไกล ดังนี้เชื่อได้ว่าจำเลยมิได้ทราบข้อความแห่งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ การที่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามประกาศ จึงไม่เป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน หรือฝ่าฝืนประกาศ อันจะเป็นผิดตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ กรณีภารโรงผู้ดูแลทรัพย์สินของราชการนำไปใช้ส่วนตัว
จำเลยรับราชการเป็นภารโรงในกองหนังสือสำคัญกรมที่ดินมีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาด ปิดเปิดประตูหน้าต่างดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของทางราชการโดยทั่วไปในกองหนังสือสำคัญ จำเลยเลื่อนขึ้นรับเงินเดือนตำแหน่งเสมียน แต่ยังคงทำงานในหน้าที่ภารโรงตามเดิม จำเลยเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้ที่เก็บของ และถือลูกกุญแจห้องที่ไขตู้ด้วย เสมียนในกองหนังสือสำคัญเป็นผู้มอบทรัพย์ให้จำเลยดูแลรักษาตามคำสั่งหัวหน้ากอง จำเลยได้เอาทรัพย์สิ่งของต่างๆ อันเป็นของใช้ในราชการกองหนังสือสำคัญ ซึ่งเก็บไว้ในตู้เก็บของไป ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชันสูตรพลิกศพโดยเจ้าพนักงานที่ไม่ใช่แพทย์ ไม่ทำให้การฟ้องคดีอาญาเป็นโมฆะ
ในการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย มี ปลัดอำเภอกับผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ เพราะในท้องที่ใกล้เคียงนั้นไม่มีแพทย์ ดังนี้ ถือว่าการชันสูตรพลิกศพไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แต่ไม่ตัดอำนาจโจทก์ที่นำคดีมาฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่ออายุที่ไม่สมบูรณ์: หลีกเลี่ยงการทำสัญญาต่อเจ้าพนักงาน
ทำสัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลา 5 ปี ต่อเจ้าพนักงานกรมการอำเภอ หลังจากวันทำสัญญาฉะบับแรกได้ 1 ปี คู่สัญญาได้ตกลงกันทำสัญญาเช่าอีกฉะบับหนึ่ง มีข้อความว่าเมื่อครบกำหนด 5 ปีแล้วผู้ให้เช่ายอมให้ผู้เช่า, เช่าต่อไปอีก 3 ปี สัญญาฉะบับหลังทำกันเองและเขียนไว้หลังสัญญาฉะบับแรก ดังนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่เพื่อขยายเวลาเช่าในสัญญาเดิมออกไป รวมกันเป็น 8 ปีนั้น เป็นการหลีกเลี่ยงการไปทำสัญญาเช่า ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อตกลงกันใหม่ จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ใช้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่ออายุที่ไม่สมบูรณ์: หลีกเลี่ยงการทำสัญญาต่อหน้าเจ้าพนักงาน
ทำสัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลา 5 ปี ต่อเจ้าพนักงานกรมการอำเภอหลังจากวันทำสัญญาฉบับแรกได้ 1 ปี คู่สัญญาได้ตกลงกันทำสัญญาเช่าอีกฉบับหนึ่ง มีข้อความว่าเมื่อครบกำหนด 5 ปีแล้วผู้ให้เช่ายอมให้ผู้เช่าเช่าต่อไปอีก 3 ปี สัญญาฉบับหลังทำกันเองและเขียนไว้หลังสัญญาฉบับแรกดังนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่เพื่อขยายเวลาเช่าในสัญญาเดิมออกไป รวมกันเป็น 8 ปีนั้น เป็นการหลีกเลี่ยงการไปทำสัญญาเช่า ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อตกลงกันใหม่ จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ใช้ไม่ได้
of 148