คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,822 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1151/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความประมาทเลินเล่อทำให้เอกสารสำคัญสูญหาย ทำให้เจ้าหนี้แพ้คดีและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ได้มอบต้นฉบับสัญญากู้ยืมเงินให้จำเลยซึ่งเป็นทนายความฟ้องเรียกเงินตามสัญญาดังกล่าวจาก ด. จำเลยประมาทเลินเล่อทำให้ต้นฉบับสัญญากู้ยืมสูญหายไปตกอยู่ในครอบครองของ ด. อันเป็นเหตุให้โจทก์แพ้คดีที่ฟ้องเรียกเงินกู้ยืมจาก ด. และทำให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นละเมิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการละเมิด: ศาลยืนตามค่าซ่อมจริง, ผู้ละเมิดเสนอรถทดแทนไม่ได้, ฟ้องไม่ขาดอายุความ
โจทก์นำสืบฟังได้ว่า ต้องเสียค่าซ่อมรถจักรยานยนต์เป็นเงิน 41,600 บาทค่าซ่อมดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชดใช้ตามกฎหมาย จำเลยจะขอศาลบังคับให้โจทก์รับรถจักรยานยนต์คันอื่นแทน หากโจทก์ไม่ยอมรับ ให้รับชำระราคารถจักรยานยนต์ที่จำเลยหามาแทนโดยโจทก์ไม่ยินยอมไม่ได้ เพราะกฎหมายมิได้ให้สิทธิผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดกระทำได้เช่นนั้น
ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์คืออธิบดีหรือผู้ปฏิบัติราชการแทน คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งที่โจทก์แต่งตั้งไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมโจทก์เขียนบันทึกสั่งการไว้ท้ายบันทึกเสนอความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ 4 มีนาคม2528 เห็นชอบตามที่เสนอว่าคนขับรถของจำเลยกระทำละเมิด ไม่ปรากฏว่าอธิบดีหรือรองอธิบดีกรมโจทก์ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวก่อนหน้านั้น จึงต้องถือว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งได้แก่จำเลยตั้งแต่วันนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2529 ยังไม่พ้น 1 ปีจึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการละเมิด: ศาลยืนตามค่าซ่อมจริง แม้จำเลยเสนอรถทดแทน และฟ้องไม่ขาดอายุความเมื่อโจทก์ทราบการละเมิดภายใน 1 ปี
โจทก์นำสืบฟังได้ว่า ต้องเสียค่าซ่อมรถจักรยานยนต์เป็นเงิน41,600 บาท ค่าซ่อมดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชดใช้ตามกฎหมาย จำเลยจะขอศาลบังคับให้โจทก์รับรถจักรยานยนต์คันอื่นแทนหากโจทก์ไม่ยอมรับ ให้รับชำระราคารถจักรยานยนต์ที่จำเลยหามาแทนโดยโจทก์ไม่ยินยอมไม่ได้ เพราะกฎหมายมิได้ให้สิทธิผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดกระทำได้เช่นนั้น ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์คืออธิบดีหรือผู้ปฏิบัติราชการแทนคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งที่โจทก์แต่งตั้งไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมโจทก์เขียนบันทึกสั่งการไว้ท้ายบันทึกเสนอความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2528 เห็นชอบตามที่เสนอว่าคนขับรถของจำเลยกระทำละเมิด ไม่ปรากฏว่าอธิบดีหรือรองอธิบดีกรมโจทก์ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวก่อนหน้านั้น จึงต้องถือว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งได้แก่จำเลยตั้งแต่วันนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2529ยังไม่พ้น 1 ปี จึงยังไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีแพ่ง: การนับระยะเวลาเริ่มจากวันที่ทราบตัวผู้รับผิด แม้ยังไม่ทราบจำนวนเงินค่าเสียหาย
คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งรายงานว่าจำเลยต้องรับผิดในทางแพ่งแม้จะไม่ปรากฏชัดว่าอธิบดีโจทก์ลงนามรับทราบรายงานดังกล่าวเมื่อใด แต่โจทก์ได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จำเลยต้องรับผิดให้แน่นอนดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นผู้พึงใช้ค่าสินไหมทดแทนในช่วงเวลาก่อนหรืออย่างช้าที่สุดในวันที่ออกคำสั่งคือวันที่ 31พฤษภาคม 2525 และการที่โจทก์มีคำสั่งดังกล่าวไม่ใช่เหตุที่จะอ้างว่ายังไม่รู้ตัวผู้รับผิด มิฉะนั้นอายุความ 1 ปีที่กฎหมายกำหนดไว้ก็จะขยายออกไปแล้วแต่ความล่าช้าในการดำเนินการของโจทก์ โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2527 พ้นกำหนดเวลา 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การประเมินค่าเสียหายและค่าเช่ารถทดแทน
รถยนต์บรรทุกของโจทก์ได้ รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำโดย ประมาทของจำเลย โจทก์ต้อง เช่า รถยนต์บรรทุกอื่นมาใช้ แทนในระหว่างซ่อม แม้ได้ความว่าโจทก์ยังมีรถยนต์บรรทุกอีก 2 คันมาใช้ แทนกันได้ ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะเช่า รถยนต์บรรทุกอื่นมาแทนรถยนต์บรรทุกคันที่ได้ รับความเสียหายจำเลยต้อง รับผิดใช้ ค่าเช่ารถยนต์บรรทุกแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ค่าซ่อมรถยนต์ ค่าเช่ารถทดแทน และค่าเสียหายจากสินค้าที่เสียหาย
รถยนต์บรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย โจทก์ต้องเช่ารถยนต์บรรทุกอื่นมาใช้แทนในระหว่างซ่อม แม้โจทก์ยังมีรถยนต์บรรทุกอีก 2 คันมาใช้แทนกันได้ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะเช่ารถยนต์บรรทุกอื่นมาแทนรถยนต์บรรทุกคันที่ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเช่ารถยนต์บรรทุกแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้ว่าจ้างตามสัญญา การระบุชื่อคู่สัญญา และการบรรยายฟ้องค่าเสียหาย
ข้อความตอนต้น ของสัญญาระบุว่าโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ว่าจ้างมีวงเล็บ ชื่อ โจทก์ที่ 2 ต่อ ท้ายชื่อ ของโจทก์ที่ 1 เท่านั้น โจทก์ที่ 1 ลงชื่อในฐานะ คู่สัญญาฝ่ายผู้ว่าจ้างโดย ไม่ระบุว่ากระทำแทนโจทก์ที่ 2 การที่จำเลยเป็นผู้จัดทำสัญญานี้ขึ้น โดย ไม่ปรากฏพฤติการณ์ให้เข้าใจว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ดังนี้โจทก์ที่ 1 มีอำนาจฟ้อง โจทก์ที่ 1 บรรยายฟ้องในส่วนค่าเสียหายว่า การที่จำเลยที่ 1ผิดสัญญาทำให้โจทก์ที่ 1 ได้ รับความ เสียหายคือขาดประโยชน์จากการขายมันเม็ดแข็งแก่ลูกค้าซึ่ง ทำสัญญาซื้อ ไว้กับโจทก์ที่ 1 ภายหลังจากโจทก์ที่ 1 ตกลง ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ก่อสร้างเครื่องจักรแล้วเป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท เสียค่าทำแท่นลงเสาเข็มไว้รอรับเครื่องจักรและเสียค่าจ้างเพิ่มในการว่าจ้างให้ผู้อื่นทำเครื่องจักใหม่ โจทก์ขอค่าเสียหายทุกรายการเป็นเงินหนึ่งล้านบาท ดังนี้เป็นการบรรยายฟ้องที่แสดงโดย ชัดแจ้งซึ่ง สภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ฟ้องโจทก์ในส่วนค่าเสียหายไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่และการเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิในทรัพย์สิน โดยคดีก่อนหน้าไม่เป็นอุปสรรค
จำเลยฟ้อง ป. เป็นจำเลยต่อศาลว่า ป. ทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทแล้วไม่จดทะเบียนการเช่าให้ ขอให้พิพากษาบังคับให้ ป. จดทะเบียนการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลยซึ่งโจทก์มิใช่คู่ความในคดีดังกล่าว แม้ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่เป็นการห้ามมิให้โจทก์ซึ่งรับโอนกรรมสิทธิ์ตึกแถวพิพาทจาก ป. ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว
โจทก์ฟ้องขับไล่ อ. ออกจากตึกแถวพิพาท เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นบริวารของ อ. ขอให้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกไปจากตึกแถวพิพาท จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า จำเลยได้เช่าตึกแถวพิพาทจาก ป. และศาลพิพากษาให้ ป. จดทะเบียนสิทธิการเช่าให้แก่จำเลยแล้วจำเลยไม่ใช่บริวารของ อ. การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยเป็นบริวารของ อ. ในคดีดังกล่าว และศาลก็ยังไม่มีคำสั่งชี้ขาดว่าจำเลยเป็นบริวารของ อ. หรือไม่ มิใช่เป็นการยื่นฟ้องคดีต่อศาล ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวดังกล่าวขอให้ขับไล่ จึงมิใช่เป็นการยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีดังกล่าวคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่าว
จำเลยอยู่ในตึกแถวพิพาทเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของตลอดเวลาที่จำเลยยังอยู่ในตึกแถวของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายนับถึงวันฟ้องเป็นเวลา 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของทรัพย์สิน: การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิ
คดีที่จำเลยฟ้อง ป. ว่า ป.ทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทแล้วไม่จดทะเบียนการเช่าให้ ขอให้พิพากษาให้ ป. จดทะเบียนการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลยนั้น โจทก์ไม่ได้เป็นคู่ความด้วยแม้ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ไม่เป็นการห้ามมิให้โจทก์ซึ่งรับโอนกรรมสิทธิ์ตึกแถวพิพาทจาก ป. ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ อ. ออกจากตึกแถวพิพาท เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าจำเลยเป็นบริวารของ อ.ขอให้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกไปจากตึกแถวพิพาท จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่าจำเลยได้เช่าตึกแถวพิพาทจาก ป. และศาลพิพากษาให้ ป. จดทะเบียนสิทธิการเช่าให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยไม่ใช่บริวารของ อ. การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยเป็นบริวารของอ. และศาลก็ยังไม่มีคำสั่งชี้ขาดว่าจำเลยเป็นบริวารของอ.หรือไม่ มิใช่เป็นการยื่นฟ้องคดีต่อศาล ดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวดังกล่าว ขอให้ขับไล่ จึงมิใช่เป็นการยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีดังกล่าว คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่าว จำเลยอยู่ในตึกแถวพิพาทเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของตลอดเวลาที่จำเลยยังอยู่ในตึกแถวของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายนับถึงวันฟ้องเป็นเวลา 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินค่าเสียหายจากละเมิด: ค่ารักษาพยาบาลลดหย่อน-ค่าปลงศพ-ค่าใช้จ่ายจำเป็น
ผู้ตายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก่อนถึงแก่ความตาย ทางโรงพยาบาลคิดค่าใช้จ่ายแล้วลดค่ารักษาพยาบาลให้ครึ่งหนึ่งเนื่องจากผู้ตายเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน การที่ผู้ตายได้รับการลดค่ารักษาพยาบาลเป็นสิทธิของผู้ตาย ไม่เป็นผลให้ความรับผิดของจำเลยต้องลดลงไปด้วย จำเลยต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้เต็มจำนวน
โจทก์ซึ่งเป็นภริยาและบุตรของผู้ตายมีสิทธิเรียกค่าเหมารถพาญาติไปเยี่ยมผู้ตายก่อนถึงแก่ความตายได้
ค่าฉีดยาศพ ค่าจ้างรถบรรทุกศพ ค่าโลงศพ ค่าจัดงานศพ 5 วันค่าทำบุญครบ 7 วัน หรือ 100 วัน ค่าเลี้ยงพระ ค่าผ้าบังสกุลค่าติดกัณฑ์เทศน์ เป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นที่โจทก์มีสิทธิเรียกจากจำเลยผู้กระทำละเมิดได้.
of 283