พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรม: ผลกระทบต่อโมฆะของสัญญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าแม้จำเลยจะทำสัญญาลงไปโดยความสำคัญผิด แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญอันจะทำให้ตกเป็นโมฆะ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญโดยเข้าใจผิดในตัวทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งนิติกรรม ตกเป็นโมฆะ ดังนี้เมื่อโจทก์ฎีกาต่อสู้ในทางข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้มีความสำคัญผิด แต่หาได้ยกข้อ ก.ม.ที่ว่า แม้จะสำคัญผิด ก็หาใช่เป็นข้อสำคัญอันจะทำให้เป็นโมฆะไม่ แล้วเมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยสำคัญผิดแล้ว ฎีกาโจทก์ก็ฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160-1161/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาความกับผลตอบแทนที่ดิน: โมฆะตามมาตรา 113 และผลของการมอบครอง
ลูกความทำสัญญากับบุตรของทนายผู้ว่าคดีให้ว่า ถ้าความที่จะฎีกานั้นชนะก็จะให้ที่นาพิพาททั้งหมดนั้นแก่บุตรของทนาย แต่บุตรทนายความต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการฎีกาดังนี้ ถือได้ว่าบุตรของทนายออกเงินให้เขาเพื่อเป็นความเกี่ยวกับนาพิพาทโดยหวังจะได้ที่นาพิพาทเป็นสิทธิของตน เป็นสัญญาให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการเป็นความจึงเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขา แม้สัญญายกให้นั้นจะเป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ดี เมื่อได้มอบที่ดินให้เขาครอบครองเด็ดขาดแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าผู้ให้ได้เจตนาสละสิทธิครอบครองที่นั้นให้เขา เขาย่อมได้สิทธิครอบครองที่นั้น
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขา แม้สัญญายกให้นั้นจะเป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ดี เมื่อได้มอบที่ดินให้เขาครอบครองเด็ดขาดแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าผู้ให้ได้เจตนาสละสิทธิครอบครองที่นั้นให้เขา เขาย่อมได้สิทธิครอบครองที่นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมร่วมเป็นโมฆะ การอ้างอิงพินัยกรรมเดิมที่ตกเป็นโมฆะไม่มีผล
สามีภรรยาเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกันจึงร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์ให้หลานนั้น เป็นการขัดกับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 มาตรา 23 ที่ว่า 'บุคคลสองคนหรือมากกว่านั้นจะทำพินัยกรรมโดยเอกสารฉบับเดียวกันไม่ได้'
สามีภรรยาร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์หลายอย่างให้หลาน รวมทั้งโจทก์ด้วย สำหรับโจทก์ได้ที่ดินและตึกภายหลังสามีผู้เดียวทำพินัยกรรมฉบับหลัง เพิกถอนข้อความในพินัยกรรมเดิมบางข้อในข้อที่ยกทรัพย์ให้หลานอื่นบางคน แล้วมีข้อความว่า ส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิมดังนี้ เมื่อพินัยกรรมฉบับแรกไม่สมบูรณ์เพราะต้องห้ามตาม พระราชัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 แล้วก็ต้องถือว่าไม่มีการยกที่ดินและตึกให้โจทก์ด้วย ส่วนพินัยกรรมฉบับหลังแม้จะสมบูรณ์ก็ไม่มีข้อความว่าได้ยกที่ดินและตึกให้โจทก์ เป็นแต่กล่าวว่าส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิม ซึ่งเมื่อพินัยกรรมเดิมใช้ไม่ได้แล้ว จะอ้างข้อความในเอกสารอื่นซึ่งมิใช่พินัยกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของพินัยกรรมจึงไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ที่ดินและตึก
สามีภรรยาร่วมกันทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์หลายอย่างให้หลาน รวมทั้งโจทก์ด้วย สำหรับโจทก์ได้ที่ดินและตึกภายหลังสามีผู้เดียวทำพินัยกรรมฉบับหลัง เพิกถอนข้อความในพินัยกรรมเดิมบางข้อในข้อที่ยกทรัพย์ให้หลานอื่นบางคน แล้วมีข้อความว่า ส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิมดังนี้ เมื่อพินัยกรรมฉบับแรกไม่สมบูรณ์เพราะต้องห้ามตาม พระราชัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 แล้วก็ต้องถือว่าไม่มีการยกที่ดินและตึกให้โจทก์ด้วย ส่วนพินัยกรรมฉบับหลังแม้จะสมบูรณ์ก็ไม่มีข้อความว่าได้ยกที่ดินและตึกให้โจทก์ เป็นแต่กล่าวว่าส่วนข้อความอื่นๆ ในพินัยกรรมนั้นคงเป็นไปตามเดิม ซึ่งเมื่อพินัยกรรมเดิมใช้ไม่ได้แล้ว จะอ้างข้อความในเอกสารอื่นซึ่งมิใช่พินัยกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของพินัยกรรมจึงไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ที่ดินและตึก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมออกจากที่เช่าเป็นสาระสำคัญของสัญญายอมความ หากไม่ยินยอม สัญญาเป็นโมฆะ
การที่ผู้ให้เช่าและผู้เช่าเคหะทำยอมกันว่า ผู้เช่ายอมออกไปภายในกำหนดวันแน่นอน ฝ่ายผู้ให้เช่ายอมจะชำระเงินให้หนึ่งหมื่นบาท และยอมให้ผู้เช่ารื้อสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าทำไว้ไป แต่แล้วผู้เช่ากลับไม่ยอมออกไป จนศาลต้องมีหมายจับมาขัง จึงยอมออกไปและเป็นเวลาล่วงเลยมาถึง 1 ปี 4 เดือน นับจากวันยอม ดังนี้ ถือว่าผู้เช่าและบริวารมิได้ออกจากที่เช่าไปโดยความยินยอม หรือสมัครใจ ผู้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับผู้ให้เช่าให้ปฏิบัติตามยอมมิได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1817/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดิน ทำให้สิทธิในที่ดินเป็นโมฆะ ผู้รับโอนสิทธิไม่มีทางชนะคดี
เมื่อศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือสำคัญและรายการจดทะเบียนตามพ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486 มาตรา 12 ก็ต้องถือว่ารายการจดทะเบียนนั้นมิได้มีอยู่ ผู้ใดจะมาอ้างทรัพย์สิทธิอย่างใด เนื่องมาจากการจดทะเบียนนั้นมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเอาทรัพย์สินชำระหนี้แทนเงินโมฆะ: สัญญากู้ที่ระบุโอนที่นาหากไม่ชำระหนี้
สัญญากู้เงินมีใจความว่ากู้เงินไปจำนวนหนึ่ง สัญญาจะใช้คืนภายในกำหนดและมีข้อความว่าผู้กู้ได้นำนาแปลงหนึ่งมาให้ผู้กู้ยึดถือไว้เป็นปะกันโดยมีบันทึกว่า "นายรายนี้ข้าพเจ้าไม่นำต้นเงินและดอกเบี้ยมาให้ท่านตามสัญญานี้ ข้าพเจ้าขอยอมโอนที่นารายนี้ให้แก่ท่านเป็นกรรมนสิทธิ" ดังนี้ถือว่าเป็นสัญญากู้หนี้ธรรมดาไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายที่นาฉะนั้นจึงต้องบังคับตาม ก.ม.ว่าด้วยการยืมใช้สิ้นเปลือง คือ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 650 เมื่อตกลงกันล่วงหน้าว่าถ้าไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดยอมโอนที่นาให้เป็นกรรมสิทธิจึงเป็นการเอาทรัพย์สินอย่าง อื่นชำระหนี้แทนเงินกันทีเดียวโดยมิได้คำนึงถึงราคาเสียเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 656 วรรค 2 และตกเป็นโมฆะตาม วรรค 3 ผู้ให้กู้จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้บังคับผู้กู้โอนที่นาให้แก่ตนตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้ที่มีข้อตกลงโอนที่ดินเมื่อผิดนัดชำระ เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656
สัญญากู้เงินมีใจความว่ากู้เงินไปจำนวนหนึ่ง สัญญาจะใช้คืนภายในกำหนด และมีข้อความว่า ผู้กู้ได้นำนาแปลงหนึ่งมาให้ผู้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันโดยมีบันทึกว่า "นารายนี้ข้าพเจ้าไม่นำต้นเงินและดอกเบี้ยมาให้ท่านตามสัญญานี้ ข้าพเจ้าขอยอมโอนที่นารายนี้ให้แก่ท่านเป็นกรรมสิทธิ์" ดังนี้ ถือว่าเป็นสัญญากู้หนี้ธรรมดาไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายที่นา ฉะนั้นจึงต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยยืมใช้สิ้นเปลือง คือตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 650 เมื่อตกลงกันล่วงหน้าว่า ถ้าไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดยอมโอนที่นาให้เป็นกรรมสิทธิ์ จึงเป็นการเอาทรัพย์สินอย่างอื่นชำระหนี้แทนเงินกันทีเดียวโดยมิได้คำนึงถึงราคานาเสียเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 656 วรรคสองและตกเป็นโมฆะตามวรรคสาม ผู้ให้กู้จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้บังคับผู้กู้โอนที่นาให้แก่ตนตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสซ้อนและการรับมรดก: การสมรสที่จดทะเบียนภายหลังการมีภรรยาอยู่แล้วเป็นโมฆะ ทำให้สิทธิในการรับมรดกเป็นอันตกไป
ชายมีภรรยาอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 ครั้นเมื่อใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 แล้วมีภรรยาอีกคนหนึ่ง แม้จะได้ทะเบียนสมรสกับภรรยาคนหลังนี้การสมรสนั้นก็เป็นโมฆะภรรยาคนหลังจึงไม่มีสิทธิได้รับมรดกของชายผู้ เป็นสามี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือนหอเป็นสินสมรส พินัยกรรม์ไม่มีวันที่ทำเป็นโมฆะ ที่ดินยังเป็นสิทธิของผู้วางพินัยกรรม
เรือนที่ยกให้เป็นเรือนหอแก่คู่สมรสเมื่อแต่งงาน เป็นสินสมรสของคู่สมรส
พินัยกรรม์ที่ไม่ลงวันที่ทำพินัยกรรม์ เป็นโมฆะ
พินัยกรรม์ที่ไม่ลงวันที่ทำพินัยกรรม์ เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์มรดกขัดต่อสิทธิผู้รับพินัยกรรมก่อนเจ้ามรดกเสียชีวิต สัญญาเป็นโมฆะ
เจ้ามฤดกได้ทำพินัยกรรม์ยกที่ดินให้แก่ผู้รับพินัยกรรม แต่ก่อนเจ้ามฤดกถึงแก่ความตาย ผู้รับพินัยกรรมต่างตกลงแบ่งทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นกันใหม่ โดยไม่ถือสิทธิที่จะได้ตามพินัยกรรม ดังนี้ สัญญาแบ่งทรัพย์ย่อมไม่มีผล เพราะขัดต่อ ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1619.