คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ล้มละลาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5898/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่มิชอบตามกฎหมายล้มละลายและการเพิกถอนการพิจารณา
คดีล้มละลาย ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกและส่งสำเนาคำฟ้องให้แก่ลูกหนี้โดยวิธีปิดหมายซึ่งจะมีผลต่อเมื่อ 15 วันล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 19 และต้องให้ลูกหนี้ทราบก่อนวันนัดพิจารณาไม่น้อยกว่า 7 วัน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 13 การที่ศาลชั้นต้นให้เวลาน้อยกว่า7 วันและสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไป จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ ศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่ง โดยมิต้องคำนึงว่าคู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบแล้วหรือไม่ เพราะมิใช่กรณีที่คู่ความยกขึ้นคัดค้านตามมาตรา 27 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5898/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนัดพิจารณาคดีล้มละลายที่ไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกและส่งสำเนาคำฟ้องไปยังลูกหนี้ให้ทราบก่อนวันนัดพิจารณาคดีล้มละลายน้อยกว่า 7 วัน การนัดสืบพยานโจทก์จึงมิได้เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปจึงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคหนึ่ง โดยมิต้องคำนึงว่าคู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบแล้วหรือไม่ เพราะมิใช่เป็นกรณีที่คู่ความยกขึ้นคัดค้านตามมาตรา 27วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5894/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้, อายุความ 10 ปี, การเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยทำบันทึกข้อตกลงกับโจทก์ยอมชำระหนี้แทนมารดาจำเลยโดยในวันทำบันทึกจำเลยได้มอบทั้งเงินสดและ เช็คชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้บันทึกดังกล่าวเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากมารดาจำเลยเป็นจำเลย การฟ้องคดีตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงที่จะชำระหนี้ให้โจทก์แทนมารดาจำเลยพร้อมทั้งแนบภาพถ่ายบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย โดยจำเลยได้ออกเช็ครวม 5 ฉบับชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้ถือว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คแต่เป็นการบรรยายถึงมูลหนี้เดิมว่ามีความเป็นมา อย่างไรอันเป็นการฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4379/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับระยะเวลาการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การโฆษณาซ้ำโดยความผิดพลาดของโรงพิมพ์ไม่ถือเป็นวันเริ่มต้น
การโฆษณาประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์ซึ่งมิใช่เป็นการโฆษณาตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หากแต่เป็นการกระทำโดยพลการและด้วยความบกพร่องของโรงพิมพ์เองนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการโฆษณาประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 28

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4357/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย: ศาลพิจารณาความสุจริตและราคาซื้อขายที่แท้จริง
การโอนทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในระหว่าง 3 ปีก่อนล้มละลาย พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา114 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนต้องแสดงให้ศาลพอใจว่าการโอนนั้นได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ผู้คัดค้านจึงจะต่อสู้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ยอมให้เพิกถอนการโอนได้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ต้องนำสืบแสดงความไม่สุจริตของผู้รับโอนเมื่อปรากฏว่า ส. บิดาผู้คัดค้านกับจำเลยผู้ล้มละลายได้ติดต่อการค้ากันมานานถึง 10 ปี และที่ดินทั้ง 4 โฉนดที่ขายให้แก่ผู้คัดค้านมีรายการจดทะเบียนติดจำนองมาตลอด ดังนี้ ส. และผู้คัดค้านย่อมอยู่ในฐานะรู้ดีว่าจำเลยเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวอยู่แล้ว ฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านรับโอนไว้โดยสุจริตศาลมีอำนาจเพิกถอนการโอนดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4273/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีล้มละลาย: เงินบำเหน็จไม่ใช่ทรัพย์สินพิพาท
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลาย ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งอายัดเงินบำเหน็จของจำเลยไว้ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ในวันที่ยื่นอุทธรณ์โจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาโดยขอให้ศาลมีคำสั่งงดปล่อยการอายัดเงินบำเหน็จหรือให้จำเลยนำเงินดังกล่าวมาวางศาล ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องภายหลังจากจำเลยรับเงินบำเหน็จไปจากศาลแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้จำเลยนำเงินบำเหน็จที่รับไปแล้วมาวางศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนี้ เงินบำเหน็จดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินหรือเงินพิพาทกันโดยตรงในคดีล้มละลาย ศาลจะสั่งให้จำเลยนำเงินดังกล่าวมาวางต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3733/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้มละลาย: การมีหนี้สินล้นพ้นตัวและการพิสูจน์ทรัพย์สินที่อาจชำระหนี้ได้
การโอนการขายสิทธิการเช่าตึกแถวจำเลยจะต้องขอนุญาตจากผู้ให้เช่าก่อนเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ให้เช่ายินยอมให้โอนขายสิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าจะสามารถโอนขายสิทธิการเช่าตึกแถวนั้นได้ จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกนอกจากสิทธิการเช่าตึกแถว ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเมื่อจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่า 50,000 บาท โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3733/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้มละลาย: หนี้สินล้นพ้นตัว แม้มีทรัพย์สินที่อาจขายได้ แต่ยังต้องรอความยินยอมจากเจ้าของทรัพย์ก่อน
การโอนการขายสิทธิการเช่าตึกแถวจำเลยจะต้องขออนุญาตจากผู้ให้เช่าก่อนเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ให้เช่ายินยอมให้โอนขายสิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าจะสามารถโอนขายสิทธิการเช่าตึกแถวนั้นได้ จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกนอกจากสิทธิการเช่าตึกแถว ถือได้ว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเมื่อจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่า 50,000 บาท โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3732/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำขอรับชำระหนี้หลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์และการสิ้นสุดคดีล้มละลาย ศาลอนุญาตได้หากมีเหตุพลั้งเผลอ
การยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้มีประกันที่ไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกัน โดยอ้างว่าเกิดขึ้นเพราะความพลั้งเผลอตามความในพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 97 ซึ่งศาลอาจอนุญาตให้แก้ไขโดยกำหนดให้คืนส่วนแบ่งหรือกำหนดการอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรนั้น คำว่าให้คนส่วนแบ่ง แสดงว่าผู้ขอได้รับชำระหนี้ไปแล้ว จึงต้องมีการคืน และการได้รับชำระหนี้ แสดงว่าศาลได้สั่งอนุญาตให้รับชำระหนี้แล้ว ดังนั้น การขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ย่อมทำได้จนกว่าจะได้จัดการแบ่งทรัพย์สินครั้งที่สุด แม้คำสั่งให้รับชำระหนี้จะถึงที่สุดไปแล้ว หรือเจ้าหนี้ผู้นั้นจะได้เคยยื่นคำขอแก้ไขมาแล้วและได้ขอถอนคำร้องไปก็ตาม
ความพลั้งเผลออันเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ของผู้ร้อง และเกิดขึ้นในระหว่างมีการสับเปลี่ยนหน่วยงานของผู้ร้อง โดยไม่มีเหตุผลที่ผู้ร้องจะต้องปกปิดเพื่อเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่น จึงไม่เหตุผลสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้แก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีล้มละลายต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามมาตรา 14 พ.ร.บ.ล้มละลาย แม้ไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องหนี้ในชั้นอุทธรณ์
การพิจารณาคดีล้มละลายผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญเพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน มีผลในทางตัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่ถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายศาลจึงต้องพิจารณาเอาความจริงตาม มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483ว่าคดีมีเหตุควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่ ฉะนั้น แม้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาคดีจะไม่มีประเด็นโต้เถียงกันโดยตรงว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 90,000 บาท จริงหรือไม่ศาลก็มีอำนาจพิจารณาไปถึงประเด็นดังกล่าวได้ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้เงินกู้โจทก์เพียง 8,000 บาท จึงไม่เข้าองค์ประกอบที่โจทก์จะฟ้องให้จำเลยล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 9(2) ที่แก้ไขแล้ว
of 192