คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4100/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเนื่องจากไม่วางค่าธรรมเนียมตามกำหนด แม้ศาลขยายเวลาภายหลังก็ไม่สมบูรณ์
จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2537 โดยมิได้เสียค่าขึ้นศาล และมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางพร้อมอุทธรณ์ด้วย ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 229 และจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินดังกล่าวออกไป 7 วัน ซึ่งศาลชั้นต้นก็สั่งอนุญาตแล้ว จึงยังไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในวันยื่นอุทธรณ์นั้น และต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ก็มิได้นำเงินดังกล่าวมาวางภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตขยายให้ แม้ต่อมาภายหลังศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้อีก แต่ก็มิได้สั่งก่อนสิ้นระยะเวลาที่อนุญาตให้ขยายไว้เดิม และไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลชั้นต้นจะสั่งขยายระยะเวลาดังกล่าวอีกได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 และไม่ใช่กรณีที่ศาลกำหนดเวลาเองโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 เพิ่งวางเงินดังกล่าวเมื่อวันที่23 มิถุนายน 2537 ซึ่งล่วงเลยกำหนดระยะเวลาการวางเงินตามที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ในครั้งแรกดังกล่าวแล้ว แม้ศาลชั้นต้นยังสั่งรับไว้ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์โดยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา229 หรือภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายให้โดยชอบ การยื่นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4100/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้วางค่าขึ้นศาลและค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ แม้ศาลจะขยายเวลาให้แต่จำเลยมิได้ดำเนินการตามกำหนด
จำเลยที่2ยื่นอุทธรณ์โดยมิได้เสียค่าขึ้นศาลและมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางพร้อมอุทธรณ์ด้วยแต่ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินออกไป7วันซึ่งศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตดังนี้จึงไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับอุทธรณ์ของจำเลยที่2ในวันยื่นอุทธรณ์นั้น จำเลยที่2มิได้ชำระค่าขึ้นศาลและมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้หลังจากนั้นเดือนเศษศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่2ชำระค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วนภายใน3วันหากไม่ชำระในกำหนดจะสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อครบกำหนด3วันไปแล้วจำเลยที่2นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลกับชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับไว้เนื่องจากพ้นกำหนดเวลาเพียงวันเดียวดังนี้เมื่อจำเลยที่2มิได้นำเงินดังกล่าวมาชำระและวางภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้ในครั้งแรกแม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้อีกแต่ก็มิได้สั่งก่อนสิ้นระยะเวลาอนุญาตให้ขยายไว้เดิมและไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลชั้นต้นจะสั่งขยายระยะเวลาดังกล่าวไว้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23และไม่ใช่กรณีที่ศาลกำหนดเวลาเองโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะการที่ศาลชั้นต้นยังสั่งรับไว้ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่2ยื่นอุทธรณ์โดยวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา229 การยื่นอุทธรณ์ของจำเลยที่2จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4100/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่วางค่าขึ้นศาลและค่าธรรมเนียมตามกำหนด แม้ศาลจะขยายเวลาให้แล้ว
จำเลยที่2ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่15เมษายน2537โดยมิได้เสียค่าขึ้นศาลและมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางพร้อมอุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา229และจำเลยที่2ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินดังกล่าวออกไป7วันซึ่งศาลชั้นต้นก็สั่งอนุญาตแล้วจึงยังไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่2ในวันยื่นอุทธรณ์นั้นและต่อมาปรากฎว่าจำเลยที่2ก็มิได้นำเงินดังกล่าวมาวางภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตขยายให้แม้ต่อมาภายหลังศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้อีกแต่ก็มิได้สั่งก่อนสิ้นระยะเวลาที่อนุญาตให้ขยายไว้เดิมและไม่ปรากฎว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลชั้นต้นจะสั่งขยายระยะเวลาดังกล่าวอีกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23และไม่ใช่กรณีที่ศาลกำหนดเวลาเองโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะดังนั้นเมื่อจำเลยที่2เพิ่งวางเงินดังกล่าวเมื่อวันที่23มิถุนายน2537ซึ่งล่วงเลยกำหนดระยะเวลาการวางเงินตามที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ในครั้งแรกดังกล่าวแล้วแม้ศาลชั้นต้นยังสั่งรับไว้ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่2ยื่นอุทธรณ์โดยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา229หรือภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายให้โดยชอบการยื่นอุทธรณ์ของจำเลยที่2จึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4002/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษและต้องยื่นก่อนครบกำหนด ศาลไม่อนุญาตขยายเวลาหากเหตุผลไม่สมเหตุสมผล
การขอขยายหรือย่นระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15 จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2537 วันที่ครบกำหนด1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟัง คือ วันที่ 9 ตุลาคม2537 เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดทำการ ดังนั้น วันสุดท้ายที่โจทก์มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ คือ วันที่ 10 ตุลาคม 2537 โจทก์มีเวลาเพียงพอที่จะเสนอความเห็นให้อัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ได้ทันกำหนดระยะเวลาดังกล่าว แต่โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์เพียง3 วัน อ้างว่าต้องเสนออัยการสูงสุดรับรองอุทธรณ์ ทั้งที่ปรากฏว่าเป็นคดีที่ไม่มีข้อเท็จจริงยุ่งยากซับซ้อน จำเลยก็ให้การรับสารภาพ ข้ออ้างของโจทก์ถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4002/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์: พฤติการณ์พิเศษและเหตุผลที่รับฟังได้
การขอขยายหรือย่นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้นเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่9กันยายน2537วันที่ครบกำหนด1เดือนนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟ้องคือวันที่9ตุลาคม2537เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดทำการดังนั้นวันสุดท้ายที่โจทก์มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คือวันที่10ตุลาคม2537โจทก์มีเวลาเพียงพอที่จะเสนอความเห็นให้อัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ได้ทันกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแต่โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์เพียง3วันอ้างว่าต้องเสนออัยการสูงสุดรับรองอุทธรณ์ทั้งที่ปรากฏว่าเป็นคดีที่ไม่มีข้อเท็จจริงยุ่งยากซับซ้อนจำเลยก็ให้การรับสารภาพข้ออ้างของโจทก์ถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นที่สุด โจทก์อุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในเหตุฉุกเฉินเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา267วรรคสองไม่ว่าจำเลยทั้งหกจะขอให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา262หรือศาลชั้นต้นได้พิจารณาคำขอในกรณีธรรมดาก็ตามโจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งดังกล่าวอีกไม่ได้การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกเลิกคำสั่งเดิมของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3021/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ไม่เป็นสาระเมื่อข้อเท็จจริงในชั้นอุทธรณ์ไม่เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิม
เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าตามพฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้ง จึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยมิใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นเรื่องหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจะระงับไปแล้วหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลคดีส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป ถือว่าเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เป็นสาระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2776/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ไม่ชัดแจ้ง – สิทธิฎีกา – ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไร หรือเพราะเหตุใด จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้แล้วพิพากษายืน จึงเป็นการไม่ชอบและไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฎีกา เมื่อโจทก์ฎีกาทำนองเดียวกับที่อุทธรณ์ขึ้นมาอีก โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2776/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งและการไม่มีสิทธิฎีกา กรณีศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไรหรือเพราะเหตุใดจึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้แล้วพิพากษายืนจึงเป็นการไม่ชอบและไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฎีกาเมื่อโจทก์ฎีกาทำนองเดียวกับที่อุทธรณ์ขึ้นมาอีกโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2560/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาจ้างเหมา การบังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการอุทธรณ์ที่มิได้มีลักษณะต้องห้าม
พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการพ.ศ.2530มาตรา26(4)ห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลเว้นแต่ผู้พิพากษาซึ่งไต่สวนคดีนั้นมีความเห็นแย้งหรือได้รับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้เมื่อปรากฎว่าผู้พิพากษาซึ่งไต่สวนคดีให้คำรับรองแล้วว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้อุทธรณ์ของผู้คัดค้านจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ เงื่อนไขการจ่ายเงินค่าจ้างเป็นข้อกำหนดในสัญญาจ้างเหมาระหว่างผู้ร้องและผู้คัดค้านซึ่งกำหนดถึงเรื่องการตั้งอนุญาโตตุลาการด้วยอนุญาโตตุลาการจะต้องชี้ขาดตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาดังนั้นการที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้ผู้คัดค้านจ่ายเงินร้อยละ40เป็นเงินเยนโดยไม่ต้องคำนึงถึงการขึ้นหรือลงของค่าเงินเยนหรือบาทโดยเทียบได้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา196วรรคสองโดยมิได้ให้วิศวกรปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตามข้อกำหนดจึงเป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ข้อพิพาทในคดีนี้ศาลไม่อาจให้บังคับตามคำชี้ขาดนั้นได้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการพ.ศ.2530มาตรา24วรรคแรก
of 349