พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ความสำคัญของการจดทะเบียนภายในกำหนดเวลา และขอบเขตการฟ้องร้องเมื่อยังมิได้จดทะเบียน
คดีที่ฟ้องขอแสดงสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ดีกว่าผู้อื่นตามความใน มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ.2474 นั้น เป็นคดีที่ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวนเป็นราคาเงินได้ตามมาตรา 189(3) แม้ในฟ้องจะได้กล่าวอ้างว่าเครื่องหมายการค้ามีราคาถึง 10,000 บาทก็ตามก็ไม่ใช่เรื่องทุนทรัพย์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
แม้โจทก์จะมีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ดีกว่าจำเลยก็ตามแต่โจทก์มิได้จดทะเบียนไว้ภายในกำหนดเวลา 5 ปี ตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 มาตรา 29วรรคต้นแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าได้ ฎีกาที่ 1843/2497
แม้โจทก์จะมีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ดีกว่าจำเลยก็ตามแต่โจทก์มิได้จดทะเบียนไว้ภายในกำหนดเวลา 5 ปี ตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 มาตรา 29วรรคต้นแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าได้ ฎีกาที่ 1843/2497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยสุจริตและจดทะเบียน ย่อมมีสิทธิเหนือการครอบครองที่ไม่จดทะเบียน แม้จะครอบครองนาน
โจทก์กล่าวในฟ้องได้ความว่าโจทก์ได้ซื้อที่มีโฉนดมาโดยสุจริตและ เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้ว จำเลยต่อสู้แต่เพียงว่าได้ครอบครองมากว่า 10 ปี ไม่ได้ต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยไม่สุจริตเช่นนี้คดีย่อมไม่มีประเด็นจะต้องนำสืบต่อไป
คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดินโจทก์กล่าวในฟ้องว่ามีเนื่อที่ ประมาณ 2 ไร่เศษ แม้ความจริงปรากฎต่อมาว่ามี 4 ไร่เศษ แต่คู่ความก็รับกันว่าที่พิพาทคือ 4 ไร่เศษนี้และศาลสั่งให้เสียค่าขึ้นศาลครบจำนวนที่ดินแล้ว ศาลย่อมมีคำพิพากษาถึงที่ทั้ง 4 ไร่เศษนั้นได้
คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดินโจทก์กล่าวในฟ้องว่ามีเนื่อที่ ประมาณ 2 ไร่เศษ แม้ความจริงปรากฎต่อมาว่ามี 4 ไร่เศษ แต่คู่ความก็รับกันว่าที่พิพาทคือ 4 ไร่เศษนี้และศาลสั่งให้เสียค่าขึ้นศาลครบจำนวนที่ดินแล้ว ศาลย่อมมีคำพิพากษาถึงที่ทั้ง 4 ไร่เศษนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียนย่อมมีผลเหนือการครอบครองก่อน
โจทก์กล่าวในฟ้องได้ความว่าโจทก์ได้ซื้อที่มีโฉนดมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้ว จำเลยต่อสู้แต่เพียงว่าได้ครอบครองมากว่า 10 ปี ไม่ได้ต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยไม่สุจริตเช่นนี้ คดีย่อมไม่มีประเด็นจะต้องนำสืบต่อไป
คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดินโจทก์กล่าวในฟ้องว่ามีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ แม้ความจริงปรากฏต่อมาว่ามี4 ไร่เศษ แต่คู่ความก็รับกันว่าที่พิพาทคือ 4 ไร่เศษนี้และศาลสั่งให้เสียค่าขึ้นศาลครบจำนวนที่ดินแล้วศาลย่อมมีคำพิพากษาถึงที่ทั้ง 4 ไร่เศษนั้นได้
คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดินโจทก์กล่าวในฟ้องว่ามีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ แม้ความจริงปรากฏต่อมาว่ามี4 ไร่เศษ แต่คู่ความก็รับกันว่าที่พิพาทคือ 4 ไร่เศษนี้และศาลสั่งให้เสียค่าขึ้นศาลครบจำนวนที่ดินแล้วศาลย่อมมีคำพิพากษาถึงที่ทั้ง 4 ไร่เศษนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิโดยการครอบครองปรปักษ์หลังการซื้อขายโดยมิได้จดทะเบียน และประเด็นการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเดิมเจ้ามรดกได้จำนองไว้แล้วได้โอนขายให้โจทก์ได้หักกลบลบหนี้จำนองแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนปลดหนี้จำนองและทำหนังสือสัญญาซื้อขายต่อหอทะเบียนที่ดิน แต่โจทก์ได้ยึดถือครอบครองมาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์โดยทางครอบครอง
จำเลย(ทายาทเจ้ามรดก)ต่อสู้เพียงว่าเจ้ามรดกไม่ได้ขายและมิได้ทำใบมอบฉันทะให้โจทก์ไปโอนกรรมสิทธิดังฟ้อง เป็นแต่มอบที่พิพาทให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ย เจ้ามรดกและจำเลยเคยไปขอไถ่จำนองแต่โจทก์ผัดผ่อนเรื่อยมา หากโจทก์มีใบมอบฉันทะ ก็เป็นใบมอบฉันทะปลอม
ดังนี้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาจำเลยยกปัญหาข้อ ก.ม.ว่าสัญญาจำนองยังไม่ระงับไปเพราะใบมอบฉันทะไม่มีวันเดือนปีเป็นใบมอบฉันทะที่ไม่ชอบด้วย ก.ม.ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ได้ว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นทั้งกรณีเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลสูงจึงไม่รับพิจารณาให้
จำเลย(ทายาทเจ้ามรดก)ต่อสู้เพียงว่าเจ้ามรดกไม่ได้ขายและมิได้ทำใบมอบฉันทะให้โจทก์ไปโอนกรรมสิทธิดังฟ้อง เป็นแต่มอบที่พิพาทให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ย เจ้ามรดกและจำเลยเคยไปขอไถ่จำนองแต่โจทก์ผัดผ่อนเรื่อยมา หากโจทก์มีใบมอบฉันทะ ก็เป็นใบมอบฉันทะปลอม
ดังนี้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาจำเลยยกปัญหาข้อ ก.ม.ว่าสัญญาจำนองยังไม่ระงับไปเพราะใบมอบฉันทะไม่มีวันเดือนปีเป็นใบมอบฉันทะที่ไม่ชอบด้วย ก.ม.ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ได้ว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นทั้งกรณีเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลสูงจึงไม่รับพิจารณาให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์เรือนที่รื้อถอนได้หลังซื้อขาย แต่ไม่จดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดิน ย่อมตกเป็นของเจ้าของที่ดินที่ซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน
การซื้อขายเรือนโดยทำสัญญาซื้อขายกันที่กรมการอำเภอโดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะได้รื้อเอาไปภายในกำหนด 3 วันนั้นเป็นการขายสังหาริมทรัพย์
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเรือนกับเจ้าของเดิม ณ ที่ว่าการอำเภอโดยตกลงกันว่าจะรื้อเรือนไปภายใน 3 วัน แต่แล้วโจทก์กลับไม่รื้อเรือนไปตามข้อตกลงและกลับยอมให้เจ้าของเดิมเช่าเรือนพิพาทต่อไปอีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี ถ้าโจทก์จะมีสิทธิเหนือพื้นดินของเจ้าของเดิมก็ต้องจดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ. ม.1299 จึงจะใช้ยันจำเลยผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ แต่คดีนี้ปรากฏว่าไม่มีนิติกรรมจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและโดยเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานอีกด้วยเรือนซึ่งเป็นส่วนความย่อมติดไปกับที่ดิน จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในเรือนนี้ด้วย.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2499).
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเรือนกับเจ้าของเดิม ณ ที่ว่าการอำเภอโดยตกลงกันว่าจะรื้อเรือนไปภายใน 3 วัน แต่แล้วโจทก์กลับไม่รื้อเรือนไปตามข้อตกลงและกลับยอมให้เจ้าของเดิมเช่าเรือนพิพาทต่อไปอีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี ถ้าโจทก์จะมีสิทธิเหนือพื้นดินของเจ้าของเดิมก็ต้องจดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ. ม.1299 จึงจะใช้ยันจำเลยผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ แต่คดีนี้ปรากฏว่าไม่มีนิติกรรมจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและโดยเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานอีกด้วยเรือนซึ่งเป็นส่วนความย่อมติดไปกับที่ดิน จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในเรือนนี้ด้วย.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2499).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินหลังจดทะเบียน: โอนโดยสุจริตมีผลเหนือการครอบครองเดิม แม้มีฐานะจดทะเบียนได้ก่อน
แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมามีฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนก่อนมีการออกโฉนดแล้วก็ดี เมื่อยังมิได้จดทะเบียนสิทธินั้น และโจทก์ได้รับโอนมาโดยมีค่าตอบแทนโดยสุจริตแลได้จดทะเบียนโอนโฉนดกันเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งโจทก์ได้และไม่มีสิทธิครอบครองที่ชายเลนให้เป็นที่กีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ได้
ข้อเท็จจริงและข้อ ก.ม.ที่คู่ความมิได้กล่าวชัดแจ้งในฎีกาเพียงแต่ให้ทนายความแถลงคารมนั้นศาลไม่วินิจฉัยให้
เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสิบในวันนัด (เพราะโจทก์ยื่นระบุพยานก่อนวัดนัดเพียง 1 วัน ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม.88 ศาลสั่งไม่อนุญาต)ก็ชอบที่จำเลยจะขอให้ตัดพยานโจทก์ในวันนั้นหรือก่อนนั้นโจทก์กลับระบุยื่นพยานใหม่ เมื่อจำเลยยอมให้เลื่อนไปและโจทก์ได้กลับยื่นระบุพยานใหม่ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง.ม.88 แล้วจำเลยจะคัดค้านให้ตัดพยานอีกไม่ได้
ข้อเท็จจริงและข้อ ก.ม.ที่คู่ความมิได้กล่าวชัดแจ้งในฎีกาเพียงแต่ให้ทนายความแถลงคารมนั้นศาลไม่วินิจฉัยให้
เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสิบในวันนัด (เพราะโจทก์ยื่นระบุพยานก่อนวัดนัดเพียง 1 วัน ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม.88 ศาลสั่งไม่อนุญาต)ก็ชอบที่จำเลยจะขอให้ตัดพยานโจทก์ในวันนั้นหรือก่อนนั้นโจทก์กลับระบุยื่นพยานใหม่ เมื่อจำเลยยอมให้เลื่อนไปและโจทก์ได้กลับยื่นระบุพยานใหม่ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง.ม.88 แล้วจำเลยจะคัดค้านให้ตัดพยานอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินหลังจดทะเบียน: โจทก์ซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียนแล้ว แม้จำเลยครอบครองก่อนก็ไม่มีสิทธิโต้แย้ง
แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมามีฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนก่อนมีการออกโฉนดแล้วก็ดี เมื่อยังมิได้จดทะเบียนสิทธินั้นและโจทก์ได้รับโอนมาโดยมีค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนโฉนดกันเรียบร้อยแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งโจทก์ได้และไม่มีสิทธิครอบครองที่ชายเลนให้เป็นที่กีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ได้
ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่คู่ความมิได้กล่าวชัดแจ้งในฎีกาเพียงแต่ให้ทนายความแถลงคารมกันศาลไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสืบในวันนัด (เพราะโจทก์ยื่นระบุพยานก่อนวันนัดเพียง 1 วัน ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ศาลสั่งไม่อนุญาต) ก็ชอบที่จำเลยจะขอให้ตัดพยานโจทก์ในวันนั้นหรือก่อนนั้น โจทก์กลับระบุยื่นพยานใหม่ เมื่อจำเลยยอมให้ เลื่อนไปและโจทก์ได้กลับยื่นระบุพยานใหม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แล้วจำเลยจะคัดค้านให้ตัดพยานอีกไม่ได้
ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่คู่ความมิได้กล่าวชัดแจ้งในฎีกาเพียงแต่ให้ทนายความแถลงคารมกันศาลไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสืบในวันนัด (เพราะโจทก์ยื่นระบุพยานก่อนวันนัดเพียง 1 วัน ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ศาลสั่งไม่อนุญาต) ก็ชอบที่จำเลยจะขอให้ตัดพยานโจทก์ในวันนั้นหรือก่อนนั้น โจทก์กลับระบุยื่นพยานใหม่ เมื่อจำเลยยอมให้ เลื่อนไปและโจทก์ได้กลับยื่นระบุพยานใหม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แล้วจำเลยจะคัดค้านให้ตัดพยานอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส: การเปลี่ยนทรัพย์สินเดิมเป็นทรัพย์สินใหม่ และการจดทะเบียนเป็นสินส่วนตัว
ขายนาสินเดิมไปแล้วเอาเงินนั้นซื้อนาอีกแปลงหนึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง ดังนี้แสดงให้เห็นชัดว่าได้ทรัพย์ใหม่นั้นมาแทนทรัพย์เก่า ทรัพย์ใหม่ที่ได้มาจึงเป็นสินเดิม มาตรา 1464 บัญญัติไว้เป็นหลักกว้าง ๆ รวมทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ว่า การยกให้สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวให้ทำเป็นหนังสือโดยไม่บัญญัติว่าจะต้องจดทะเบียนหรือไม่ ก็เมื่อการยกอสังหาริมทรัพย์ให้กันโดยธรรมดา กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนจึงจะสมบูรณ์ ดังนั้นการยกอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวก็จะต้องจดทะเบียนด้วยจึงจะสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินเดิมแปลงเป็นสินสมรส-สินส่วนตัว: การซื้อขายทรัพย์สินทดแทนและผลของการไม่ได้จดทะเบียน
ขายนาสินเดิมไปแล้วเอาเงินไปซื้อนาอีกแปลงหนึ่งในวันเดียวกันนั้นเองดังนี้แสดงให้เห็นชัดว่าได้ทรัพย์ใหม่นั้นมาแทนทรัพย์เก่าทรัพย์ใหม่ที่ได้มาจึงเป็นสินเดิม
มาตรา 1464 บัญญัติไว้เป็นหลักกว้างๆ รวมทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ว่าการยกให้สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวให้ทำเป็นหนังสือโดยไม่บัญญัติว่าจะต้องจดทะเบียนหรือไม่ก็เมื่อการยกอสังหาริมทรัพย์ให้กันโดยธรรมดา กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนจึงจะสมบูรณ์ ดังนั้นการยกอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวก็จะต้องจดทะเบียนด้วยจึงจะสมบูรณ์
มาตรา 1464 บัญญัติไว้เป็นหลักกว้างๆ รวมทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ว่าการยกให้สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวให้ทำเป็นหนังสือโดยไม่บัญญัติว่าจะต้องจดทะเบียนหรือไม่ก็เมื่อการยกอสังหาริมทรัพย์ให้กันโดยธรรมดา กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนจึงจะสมบูรณ์ ดังนั้นการยกอสังหาริมทรัพย์ใดให้เป็นสินส่วนตัวก็จะต้องจดทะเบียนด้วยจึงจะสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายไม่สุจริตและสิทธิครอบครองปรปักษ์: โจทก์มีสิทธิเหนือที่ดินเพราะซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน แม้จำเลยครอบครองก่อน
ตามคำให้การของจำเลยอ่านรวมกันพออนุมานได้ว่าจำเลยโต้เถียงเรื่องการซื้อขายที่พิพาทว่า เป็นการไม่สุจริต ก็ถือว่าจำเลยโต้เถียงว่า โจทก์ทำการโดยไม่สุจริตแล้ว
ในข้อโต้เถียงเรื่องสุจริตหรือไม่นั้นมี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนสิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ได้
ในข้อโต้เถียงเรื่องสุจริตหรือไม่นั้นมี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนสิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ได้