คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การบุกรุกที่ดินและอำนาจฟ้อง
ก่อนโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยโจทก์เป็นผู้เสียหายในข้อหาร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นการกระทำอันเดียวกันในที่พิพาทคดีนี้ เมื่อคดีอาญาถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์ฟังว่าหนังสือ น.ส. 3 ก ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกให้แก่โจทก์เป็นการออกทับที่ดินตามน.ส. 3 ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นการออกโดยมิชอบ พยานหลักฐานโจทก์ฟังมิได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ดังนี้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาดังกล่าวว่าที่พิพาทมิใช่เป็นของโจทก์จึงผูกพันโจทก์ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4119/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีอาญาต่อศาล มีผลทำให้ฟ้องของโจทก์มีมูล
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าได้มีการตกลงประนีประนอมในเรื่องเช็คทั้ง 23 ฉบับเสร็จสิ้นไปแล้ว กลับมาเบิกความว่าไม่ได้มีการประนีประนอม ซึ่งหากศาลในคดีก่อนฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจำเลย อาจเป็นผลทำให้โจทก์ได้รับโดยในคดีอาญา ดังนี้ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดี
การเบิกความเท็จอันจะเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4119/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในการประนีประนอม ถือเป็นข้อสำคัญในคดี
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าได้มีการตกลงประนีประนอมในเรื่องเช็คทั้ง 23 ฉบับเสร็จสิ้นไปแล้ว กลับมาเบิกความว่าไม่ได้มีการประนีประนอม ซึ่งหากศาลในคดีก่อนฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจำเลย อาจเป็นผลทำให้โจทก์ได้รับโดยในคดีอาญา ดังนี้ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดี
การเบิกความเท็จอันจะเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4093/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยถอนอุทธรณ์บางส่วน และการรับฟังพยานหลักฐาน
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอน อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะ จำเลยที่ 1 โจทก์ไม่อุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเฉพาะ จำเลยที่ 1 ย่อมเด็ดขาดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 202หมายความว่า จำเลยที่ถอน อุทธรณ์แล้วจะยื่นอุทธรณ์อีกไม่ได้ แต่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หากจำเลยผู้หนึ่งคัดค้านคำพิพากษาซึ่งให้ลงโทษจำเลยหลายคนในความผิดฐานเดียวกัน ถ้า ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ลงโทษจำเลยและเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ด้วยตามที่ ป.วิ.อ. มาตรา 213 บัญญัติให้อำนาจไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสิทธิที่ดิน: คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง
ในคดีอาญาที่โจทก์ร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทและเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทยังโต้เถียงสิทธิกันอยู่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร แม้จำเลยจะเข้าไปไถที่ดินพิพาท ก็ขาดเจตนาบุกรุกจำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก ดังนี้ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่มีผลผูกพันถึงคดีแพ่งซึ่งพิพาทกันภายหลังเกี่ยวกับสิทธิในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทที่ดิน: คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง, อายุความ, พยานหลักฐาน
ในคดีอาญาที่โจทก์ร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทและเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทยังโต้เถียง สิทธิกันอยู่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร แม้จำเลยจะเข้าไปไถที่ดินพิพาทก็ขาดเจตนาบุกรุก จำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุกดังนี้ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร ข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่มีผลผูกพันถึงคดีแพ่งซึ่งพิพาทกันภายหลังเกี่ยวกับสิทธิในที่พิพาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4028/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงจากความเห็นพนักงานสอบสวน ไม่ผูกพันศาลในคดีแพ่ง หากไม่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญา
ความเห็นของพนักงานสอบสวนที่วินิจฉัยว่าเหตุเกิดขึ้น เป็นการสุดวิสัยนั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏใน คำพิพากษาคดีส่วนอาญา จึงไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามความเห็นของพนักงานสอบสวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4028/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงจากความเห็นพนักงานสอบสวนไม่ผูกพันคดีแพ่ง ศาลไม่จำต้องยึดตามคำพิพากษาคดีอาญา
ความเห็นของพนักงานสอบสวนที่วินิจฉัยว่าเหตุเกิดขึ้นเป็นการสุดวิสัยนั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามความเห็นของพนักงานสอบสวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง: สิทธิในที่ดินยังไม่ชัดเจน การไถที่ดินไม่ถึงขั้นบุกรุก
ในคดีอาญาที่โจทก์ร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทและเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทยังโต้เถียงสิทธิกันอยู่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร แม้จำเลยจะเข้าไปไถที่ดินพิพาท ก็ขาดเจตนาบุกรุกจำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก ดังนี้ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่มีผลผูกพันถึงคดีแพ่งซึ่งพิพาทกันภายหลังเกี่ยวกับสิทธิในที่พิพาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4007-4008/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหาย แม้พนักงานอัยการได้ฟ้องไปแล้ว และการยกฟ้องเนื่องจากข้อเท็จจริงไม่สนับสนุน
แม้พนักงานอัยการจะยื่นฟ้องจำเลยข้อหายักยอกแล้ว โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายก็มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดเดียวกันเป็นคดีใหม่ต่างหากได้ ไม่มีกฎหมายห้ามไว้ และเมื่อศาลสั่งรวมพิจารณาคดีเข้าด้วยกันแล้วคดีของโจทก์ร่วมก็ไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162.
of 312