คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3057/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการจดทะเบียนสมรสของบุคคลสัญชาติไทยกับชาวต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่ผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสกับนางสาว น. บุคคลเชื้อชาติสัญชาติญวน และเจ้าหน้าที่บันทึกเสนอผู้คัดค้านว่า นางสาว น. ฝ่ายหญิงเป็นคนญวนอพยพเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ ปลัดอำเภอบันทึกความเห็นต่อไปว่า เห็นควรแจ้งให้ผู้ร้องฝ่ายหญิงทราบว่าจะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวก่อนจึงจะจดทะเบียนสมรสให้ได้ ผู้คัดค้านสั่งในรายการความเห็นของนายอำเภอว่ารายงานจังหวัดขอความเห็นชอบ ให้สารวัตรใหญ่สืบสวน แจ้งให้ผู้ร้องทราบนั้น พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 มาตรา 15 มิได้ระบุว่านายทะเบียนไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสด้วยเหตุใดบ้าง ผู้มีส่วนได้เสียจึงจะยื่นคำร้องต่อศาลได้ ดังนั้นเมื่อผู้คัดค้านซึ่งเป็นนายทะเบียนไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสดังกล่าว จึงเป็นการไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสตามความหมายแห่งบทบัญญัติของกฎหมายมาตราดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จดทะเบียนสมรสให้ผู้ร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทนายความผู้รับราชการ: การใช้ใบอนุญาตเดิมก่อนเข้าทำงานราชการยังคงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย
ป. ทนายจำเลยจดทะเบียนเป็นทนายความมาก่อน ต่อมาจึงเข้ารับราชการป. จึงมีสิทธิใช้ใบอนุญาตว่าความที่ได้รับไว้จากเนติบัณฑิตยสภาก่อนการเข้าเป็นข้าราชการได้ต่อไปจนกว่าใบอนุญาตนั้นจะสิ้นอายุ ตามพระราชบัญญัติทนายความ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2514 มาตรา 13 เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในขณะที่ ป. เข้าทำหน้าที่เป็นทนายความให้จำเลย ใบอนุญาตว่าความของ ป. ได้สิ้นอายุแล้ว ป.จึงมีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2735/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจนและเหตุผลที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) คำร้องกล่าวว่า บ. ใช้จ่ายเงินเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกินกว่า 350,000 บาท ไม่ได้กล่าวว่าใช้จ่ายเงินในกิจการอย่างใดพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการใดและเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วย มาตรา 172 คดีร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีผลกระทบกระเทือนถึงความมั่นคงของรัฐและเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาคำร้องเคลือบคลุมจึงเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม มาตรา142(5)เมื่อคำร้องเคลือบคลุม ศาลย่อมไม่รับไว้พิจารณา
พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ มาตรา 78 บัญญัติถึงเหตุอันจะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้โดยเฉพาะว่าจะต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 26, 32,34, 51 หรือ 52 การให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่ผู้ใดนั้น เป็นการกระทำอันฝ่าฝืนมาตรา 35ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องระวางโทษตาม มาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาทำก่อนสมรสมีผลผูกพันได้หากไม่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม แม้จะทำหลังจดทะเบียนสมรส
ก่อนจดทะเบียนสมรสโจทก์จำเลยทำสัญญากันว่า 'ฝ่ายภรรยาจะไม่ประพฤติตัวให้ผิดจารีตประเพณีและให้อยู่กินปรนนิบัติในฐานะให้เป็นสามีภรรยาอยู่กินร่วมกันตลอดไปและจะไม่ประพฤติปฏิบัตินอกใจสามีอีกต่อไป เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้กระทำผิดพลาดเงื่อนไขดังกล่าวยินยอมให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท' สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาอย่างหนึ่งมีลักษณะเป็นทัณฑ์บนในเรื่องความประพฤติของภรรยาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(8) ซึ่งเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าภรรยาได้ หากผิดทัณฑ์บนที่ทำกันเป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ และไม่เป็นการฝ่าฝืนศีลธรรมอันดีหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพในส่วนบุคคล ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นที่ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายใด ๆ อีกทั้งมิได้เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ต่อมาโจทก์และจำเลยได้จดทะเบียนสมรสก็ได้ยอมรับสัญญาฉบับนี้ให้มีผลผูกพันบังคับระหว่างกันได้ สัญญาฉบับนี้จึงมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'บิดา' ในประกาศคณะปฏิวัติเรื่องถอนสัญชาติ ต้องตีความตามกฎหมายว่าหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 ที่ว่า ให้ถอนสัญชาติไทยของบรรดาบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาเป็นคนต่างด้าว หรือมารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และในขณะที่เกิดบิดาหรือมารดานั้นเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองนั้น คำว่า "บิดา" ในประโยคที่ว่า "บิดาเป็นคนต่างด้าว" กฎหมายมิได้กล่าวว่าให้หมายรวมทั้งบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย กฎหมายบทนี้เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการถอนสิทธิของบุคคลจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด คำว่า "บิดา" ในที่นี้เป็นคำในกฎหมาย จึงต้องตีความว่าหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
บ. คนสัญชาติญวนซึ่งเป็นบิดาโจทก์มิได้เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนสัญชาติไทย บ. จึงมิใช่เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ โจทก์ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7 (3) จึงไม่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'บิดา' ในประกาศคณะปฏิวัติฯ เกี่ยวกับการถอนสัญชาติไทย ต้องตีความตามกฎหมายหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 ที่ว่า ให้ถอนสัญชาติไทยของบรรดาบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาเป็นคนต่างด้าว หรือมารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และในขณะที่เกิดบิดาหรือมารดานั้นเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองนั้น คำว่า 'บิดา' ในประโยคที่ว่า 'บิดาเป็นคนต่างด้าว' กฎหมายมิได้กล่าวว่าให้หมายรวมทั้งบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายกฎหมายบทนี้เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการถอนสิทธิของบุคคลจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด คำว่า 'บิดา' ในที่นี้เป็นคำในกฎหมาย จึงต้องตีความว่าหมายถึงบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
บ. คนสัญชาติญวนซึ่งเป็นบิดาโจทก์มิได้เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นคนสัญชาติไทย บ. จึงมิใช่เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ โจทก์ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508มาตรา 7(3) จึงไม่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2383/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพและการจดทะเบียนบริษัท: การจำกัดสิทธิโดยมติคณะรัฐมนตรีขัดต่อกฎหมาย
การที่โจทก์มีความประสงค์จะจัดตั้งบริษัทเพื่อประกอบกิจการซื้อขายสินค้าล่วงหน้าและการเล่นแชร์ เป็นสิทธิและเสรีภาพที่จะกระทำได้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ การจำกัดสิทธิเช่นว่านี้จะกระทำได้ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้ง ฉะนั้นเมื่อโจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ต้องห้ามหรือต้องควบคุมตามกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องพิจารณาว่าคำขอของโจทก์ครบถ้วนถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1019 บัญญัติไว้หรือไม่เท่านั้น จำเลยจะสั่งให้รอการรับจดทะเบียนไว้ก่อนตามมติของคณะรัฐมนตรีเพื่อที่จะแก้ไขกฎหมายให้ควบคุมถึงการประกอบอาชีพของโจทก์ดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2383/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ: การจำกัดสิทธิโดยมติคณะรัฐมนตรีขัดต่อหลักกฎหมาย
การที่โจทก์มีความประสงค์จะจัดตั้งบริษัทเพื่อประกอบกิจการซื้อขายสินค้าล่วงหน้าและการเล่นแชร์ เป็นสิทธิและเสรีภาพที่จะกระทำได้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ การจำกัดสิทธิเช่นว่านี้จะกระทำได้ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้ง ฉะนั้นเมื่อโจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ต้องห้ามหรือต้องควบคุมตามกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องพิจารณาว่าคำขอของโจทก์ครบถ้วนถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1019 บัญญัติไว้หรือไม่เท่านั้น จำเลยจะสั่งให้รอการรับจดทะเบียนไว้ก่อนตามมติของคณะรัฐมนตรีเพื่อที่จะแก้ไขกฎหมายให้ควบคุมถึงการประกอบอาชีพของโจทก์ดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311-2313/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเนื่องจากเหตุผลทางเศรษฐกิจและการคุ้มครองสิทธิลูกจ้างตามกฎหมาย
นายจ้างประสบปัญหาขาดทุน จำเป็นต้องยุบหน่วยงานที่ขาดทุนและเลิกจ้างลูกจ้างที่ประจำอยู่หน่วยงานนั้น การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับฐานะทางเศรษฐกิจและความอยู่รอดของนายจ้าง เป็นกรณีมีเหตุอันสมควร มิใช่การกลั่นแกล้ง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้าง
แม้สัญญาจ้างแรงงานจะระบุว่า นายจ้างมีสิทธิเลิกสัญญาได้ทุกขณะโดยลูกจ้างไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายใด ๆ ก็ตาม แต่ค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เป็นเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างจึงมิใช่ค่าเสียหายใด ๆ ตามสัญญาจ้าง เมื่อนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิดและไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะไม่ต้องจ่าย นายจ้างจะอ้างสัญญาจ้างมาเป็นข้อยกเว้นที่จะไม่จ่ายเงินดังกล่าวแก่ลูกจ้างหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311-2313/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการคุ้มครองสิทธิลูกจ้างตามกฎหมาย
นายจ้างประสบปัญหาขาดทุน จำเป็นต้องยุบหน่วยงานที่ขาดทุนและเลิกจ้างลูกจ้างที่ประจำอยู่หน่วยงานนั้น การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับฐานะทางเศรษฐกิจและความอยู่รอดของนายจ้างเป็นกรณีมีเหตุอันสมควร มิใช่การกลั่นแกล้ง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้าง
แม้สัญญาจ้างแรงงานจะระบุว่า นายจ้างมีสิทธิเลิกสัญญาได้ทุกขณะโดยลูกจ้างไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายใด ๆ ก็ตาม แต่ค่าชดเชยค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างจึงมิใช่ค่าเสียหายใด ๆ ตามสัญญาจ้าง เมื่อนายจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิดและไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะไม่ต้องจ่าย นายจ้างจะอ้างสัญญาจ้างมาเป็นข้อยกเว้นที่จะไม่จ่ายเงินดังกล่าวแก่ลูกจ้างหาได้ไม่
of 238