คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,003 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข และผลของการเลิกสัญญาเมื่อทรัพย์สูญหาย โดยศาลพิจารณาดอกเบี้ยตามกฎหมาย
ข้อสัญญาว่ากรณีผิดนัดหรือทรัพย์ตามสัญญาสูญหายก็ยังให้สิทธิผู้ขายได้รับค่ารถส่วนที่ยังค้างชำระเต็มราคาแสดงให้เห็นว่ากรณีจะเป็นประการใดก็ตามคู่สัญญามีเจตนาให้ผู้ขายได้รับชำระราคารถยนต์ที่ซื้อขายจนครบถ้วนเท่านั้นหาได้มีข้อตกลงที่พอจะแสดงให้เห็นว่าถ้าผู้ซื้อผิดนัดให้ผู้ขายริบบรรดาเงินที่ผู้ซื้อได้ใช้มาแล้วและผู้ขายเข้าครองรถยนต์เป็นของตนแต่อย่างใดไม่ข้อสัญญาดังนี้จึงเป็นสัญญาซื้อขายโดยมีเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์หาใช่สัญญาเช่าซื้อไม่ ป.พ.พ.มาตรา372วรรคแรกไม่ใช่กฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนคู่สัญญาย่อมตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้ โจทก์บอกเลิกสัญญาจำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาแล้วเป็นผลให้สัญญาสิ้นสุดลงจำเลยจึงไม่ต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15ต่อปีตามข้อสัญญาแต่จะต้องนำป.พ.พ.มาตรา224มาใช้แทนโดยคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7ครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกสัญญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข vs. เช่าซื้อ: การสูญหายของทรัพย์สิน และผลผูกพันสัญญา
ในสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีข้อความตอนใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์ผู้ขายเอาทรัพย์สินออกให้เช่าและให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าโดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราวดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา572แต่สัญญาดังกล่าวนอกจากใช้ชื่อว่าหนังสือสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไขแล้วข้อความตามหนังสือสัญญาดังกล่าวเห็นได้ว่าเป็นสัญญาซื้อขายรถยนต์โดยโจทก์ผู้ขายยอมให้จำเลยผู้ซื้อผ่อนชำระราคามีเงื่อนไขว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ให้เมื่อผู้ซื้อผ่อนชำระราคาครบถ้วนแล้วทั้งในกรณีผิดนัดผิดสัญญาหรือทรัพย์ตามสัญญาสูญหายก็ยังให้สิทธิผู้ขายได้รับชำระค่ารถส่วนที่ยังค้างชำระเต็มราคาค่ารถที่ซื้อขายแสดงให้เห็นว่ากรณีจะเป็นประการใดก็ตามคู่กรณีมีเจตนาให้ผู้ขายได้รับชำระราคารถยนต์ที่ซื้อขายจนครบถ้วนเท่านั้นไม่มีข้อตกลงว่าถ้าผู้ซื้อผิดนัดผิดสัญญาให้ผู้ขายริบบรรดาเงินที่ผู้ซื้อได้ใช้มาแล้วและผู้ขายเข้าครองรถยนต์เป็นของตนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา574สัญญาพิพาทจึงเป็นสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิตามมาตรา459หาใช่สัญญาเช่าซื้อไม่การที่ผู้ขายกำหนดเงื่อนไขการรักษาการใช้และการเอาประกันภัยรถยนต์ในระหว่างผ่อนใช้ราคาไม่ครบก็ดีให้ผู้ซื้อต้องมีผู้ค้ำประกันในการปฏิบัติตามสัญญาก็ดีก็เป็นเพียงการสงวนทรัพย์สินและแสวงหาหลักประกันของผู้เขายเพื่อให้ได้รับชำระราคาครบถ้วนแน่นอนยิ่งขึ้นเท่านั้นหาเป็นเหตุให้สัญญากลายเป็นการเช่าซื้อไม่ สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไขระบุว่าแม้ว่าสัญญาฉบับนี้จะผ่านการโอนการต่ออายุหรือการเปลี่ยนมืออย่างใดหรือตัวยานยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาต้องประสบความสูญเสียเสียหายหรือย่อยยับประการใดผู้ซื้อก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่รับผิดตามสัญญาฉบับนี้แต่อย่างใดไม่ข้อสัญญาดังกล่าวมีความหมายรวมตลอดถึงยานยนต์สูญหายไปเพราะเหตุถูกคนร้ายลักไปด้วยฉะนั้นเมื่อระหห่างที่จำเลยชำระเงินค่าซื้อรถยนต์ตามสัญญายังไม่ครบถ้วนรถถูกคนร้ายลักไปยังไม่ได้กลับคืนมาจำเลยก็ยังคงต้องรับผิดชำระราคารถยนต์แก่โจทก์จนครบถ้วนข้อสัญญาดังกล่าวข้างต้นเป็นการยกเว้นบทบัญญัติมาตรา372วรรคแรกซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวมิใช่กฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนคู่สัญญาย่อมตกลงกันให้เป็นอย่างอื่นได้ข้อสัญญานั้นจึงไม่ตกเป็นโมฆะตามมาตรา114 เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระราคารถยนต์ให้โจทก์แม้รถนั้นจะสูญหายไปแต่จำเลยมิได้ชำระจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้เมื่อโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้วจึงเป็นผลให้สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไขฉบับพิพาทสิ้นสุดลงคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามมาตรา391จำเลยต้องคืนรถให้โจทก์และโจทก์ต้องคืนเงินค่ารถที่ได้รับไว้แล้วพร้อมดอกเบี้ยให้จำเลยแต่ปรากฏว่ารถยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาสูญหายเพราะถูกลักไปยังไม่ได้คืนจำเลยไม่สามารถส่งรถยนต์คืนให้โจทก์ได้จำเลยที่1จึงต้องชำระราคารถให้แทนโดยชำระเฉพาะส่วนที่ยังส่งไม่ครบพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกสัญญาตามมาตรา224.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3974/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์หลังสัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
ผู้ร้องซื้อที่พิพาทมีโฉนดจาก ป. เมื่อ ป. รับชำระราคาแล้วก็มอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่ โดยสัญญาว่าจะไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว แต่ ป. เป็นลมถึงแก่กรรมเสียก่อน เมื่อผู้ร้องครอบครองที่พิพาทมาด้วยความสงบ เปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสิบปี ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3974/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์หลังสัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
ผู้ร้องซื้อที่พิพาทมีโฉนดจาก ป. เมื่อ ป. รับชำระราคาแล้วก็มอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่ โดยสัญญาว่าจะไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว แต่ ป. เป็นลมถึงแก่กรรมเสียก่อน เมื่อผู้ร้องครอบครองที่พิพาทมาด้วยความสงบเปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสิบปีผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3974/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์หลังสัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
ผู้ร้องซื้อที่พิพาทมีโฉนดจากป.เมื่อป.รับชำระราคาแล้วก็มอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่โดยสัญญาว่าจะไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวแล้วแต่ป.เป็นลมถึงแก่กรรมเสียก่อนเมื่อผู้ร้องครอบครองที่พิพาทมาด้วยความสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสิบปีผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับเงินรางวัลสลากแม้สลากสูญหายหรือถูกทำลาย สัญญาซื้อขายสลากมีผลผูกพันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
แม้จำเลยจะได้กำหนดเงื่อนไขในสลากกินแบ่งทุกฉบับว่าเงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับก็ตามแต่เงื่อนไขดังกล่าวก็กำหนดขึ้นเพียงเพื่อให้จำเลยมีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้นไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายหรือถูกไฟไหม้การที่จำเลยจัดให้มีการออกสลากกินแบ่งถือได้ว่าเป็นสัญญาอันมีผลผูกพันระหว่างผู้จัดการออกสลากกินแบ่งกับผู้ถูกรางวัลเมื่อโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากถูกไฟไหม้โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับเงินรางวัลจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเช็ค – การสั่งระงับการจ่ายเช็คเมื่อคู่สัญญาผิดสัญญาซื้อขาย ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยตกลงซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากโจทก์แต่ในวันทำสัญญาจำเลยชำระค่ามัดจำให้โจทก์ไม่ครบส่วนที่ขาดอยู่จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินให้โจทก์ไว้พร้อมทั้งออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวการออกเช็คพิพาทจึงเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการวางเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมโอนที่ให้จำเลยการที่จำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้จำเลยไม่ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นวันชี้สองสถานไว้2ข้อคือจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระเงิน12,800บาทตามที่ตกลงกันต่อหน้าศาลหรือไม่และโจทก์เสียหายเพียงใดเมื่อสืบพยานเสร็จศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นขึ้น4ข้อแล้วพิพากษาไปในวันนั้นคือ 1.จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระเงิน12,800บาทตามที่ตกลงกับโจทก์ในวันที่1กันยายนหรือไม่ 2.โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนหรือไม่ 3.โจทก์ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงโอนที่ดินให้จำเลยตามฟ้องแย้งของจำเลยหรือไม่ 4.โจทก์เสียหายหรือไม่เพียงใดดังนี้ประเด็นข้อ1เป็นการเน้นให้ชัดลงไปว่าจำเลยผิดสัญญาในวันที่1กันยายน2524หรือไม่เพราะประเด็นเดิมกล่าวไว้กว้างๆว่าผิดสัญญาตามที่ตกลงกันต่อหน้าศาลหรือไม่ซึ่งการนัดชำระราคาหลังจากตกลงกันที่ศาลแล้วมีครั้งเดียวคือวันที่1กันยายน2524เท่านั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการกำหนดขึ้นใหม่ โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินนัดจำเลยไปรับโอนที่ดินที่ซื้อในวันที่1กันยายน2524โดยเจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือเมื่อวันที่26สิงหาคม2524เจ้าหน้าที่ส่งหนังสือนั้นแก่จำเลยวันถัดมาโจทก์จึงมิได้เป็นผู้แจ้งให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้เองจะถือว่าเจ้าพนักงานที่ดินเป็นตัวแทนหาได้ไม่กำหนดเวลาที่ให้จำเลยชำระหนี้เพียง4วันนับว่ากระชั้นชิดเกินไปไม่ใช่ระยะเวลาพอสมควรตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา387แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์การบอกกล่าวแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยจึงมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยและยังไม่มีอำนาจฟ้อง ประเด็นข้อ3ที่ศาลชั้นต้นกำหนดเพิ่มเติมไม่ขัดต่อวิธีพิจารณาเพราะรวมอยู่ในประเด็นแรกที่กำหนดไว้แต่เดิมแล้วคือหากจำเลยไม่ผิดสัญญาย่อมมีประเด็นตามมาว่าโจทก์ต้องโอนที่ดินให้จำเลยตามฟ้องแย้งหรือไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2590/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาซื้อขายโรงโม่หิน: ศาลยืนตามอุทธรณ์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินที่รับไปจากโจทก์และค่าเสียหายที่จำเลยผิดสัญญาซื้อขายนำโรงโม่หินและอุปกรณ์ซึ่งไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลยมาหลอกลวงขายให้โจทก์ทำให้ถูกยึดทรัพย์สินบางส่วนไปจำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนทรัพย์สินนอกเหนือจากที่ถูกยึดแก่จำเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ไม่ชำระเงินค่าซื้อโรงโม่หินให้แก่จำเลยตามสัญญาซื้อขาย พิพากษายกฟ้องโจทก์และให้ส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายซึ่งอยู่ในครอบครองของโจทก์แก่จำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาขอให้บังคับคดีตามฟ้อง โดยไม่ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยด้วย ดังนี้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งซึ่งถึงที่สุดแล้ว ย่อมผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 และต้องฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยผิดสัญญานำโรงโม่หินและอุปกรณ์ซึ่งไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลยมาหลอกลวงขายให้โจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจึงรับฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายที่ดิน และผลบังคับใช้ต่อคู่กรณีเดิม
โจทก์ที่1ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดสรรที่ดินชำระราคาแล้วบางส่วนจำเลยจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้เมื่อแบ่งแยกโฉนดเสร็จต่อมาโจทก์ที่1ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินรายเดียวกันนี้ให้แก่โจทก์ที่2โดยโจทก์ที่1ตกลงโอนเฉพาะสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่1ตามสัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์ที่1กับจำเลยให้แก่โจทก์ที่2ส่วนหนี้ของโจทก์ที่1ที่จะต้องชำระราคาส่วนที่เหลือยังคงอยู่กับโจทก์ที่1ตามเดิมดังนี้สิทธิที่จะขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนที่ดินให้โดยสภาพย่อมเปิดช่องให้โอนกันได้ไม่เป็นการเฉพาะตัวหรือมีกฎหมายห้ามโอนแต่ประการใดกรณีนี้โจทก์ที่1ยังคงเป็นลูกหนี้ที่จะต้องชำระค่าที่ดินให้จำเลยและจำเลยก็ยังคงเป็นลูกหนี้ที่จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่ไม่มีการเปลี่ยนตัวลูกหนี้อันจะต้องมีการทำสัญญากันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา350โจทก์ที่1มีสิทธิโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อขายให้แก่โจทก์ที่2ได้เมื่อการโอนได้ทำเป็นหนังสือและโจทก์ที่1ได้มีหนังสือบอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา306แล้วโจทก์ทั้งสองจึงร่วมกันฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่2ได้.
of 201