พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,471 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าหนี้ร่วมและการถือว่าลูกหนี้ละเลยหนี้เมื่อเจ้าพนักงานพร้อมโอนแต่จำเลยไม่ดำเนินการ
ทำสัญญาขายที่ดินกันแล้ว คู่สัญญาไปขอทำการโอนที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินในเรื่องนี้ตลอดมา ไม่ปรากฎว่าเจ้าพนักงานได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทำการโอน เหตุทางอำเภอยังไม่โอนให้ ก็เพราะรอฟังคำสั่งกรมที่ดินอยู่เท่านั้น ซึ่งในระหว่างนั้นทางการยังดำเนินการพิจารณาเรื่องราวที่ขอโอนอยู่ ดังนี้ไม่ถือว่าการโอนหรือการชำระหนี้เป็ฯพ้นวิสัยอันจะทำให้ผู้ขายหลุดพ้นจากการชำระหนี้ตามมาตรา 219 และถือว่า สัญญาซื้อขายจะถือเอาการที่เจ้าพนักงานยังมิได้ทำสัญญาให้ดังกล่าวแล้ว เป็นเหตุบอกเลิกสัญญาไม่ได้
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่า ลูกหนี้ละเลยไม่ชำระหนี้ของตน
ทำสัญญาจะขายทรัพย์สินแก่ผู้ซื้อซึ่งร่วมกันหลายคน ถือว่าผู้ซื้อแต่ละคนเป็นเจ้าหนึ้ร่วมกันตามมาตรา 298 เจ้าหนี้ร่วมเพียงคนเดียวก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะมอบอำนาจให้ผูแทนฟ้องลูกหนี้ให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้
โจทก์ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้คนหนึ่งให้ฟ้องจำเลยโดยส่งสำเนาใบมอบอำนาจพร้อมกับฟ้อง จำเลยต่อสู้ในเรื่องอำนาจฟ้องเพียงว่าใบมอบอำนาจฟ้องร้องไม่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย ในวันชี้สองสถาน จำเลยแถลงว่าโจทก์ไมีมีอำนาจฟ้อง เพราะเจ้าหนี้ร่วมอีก2คน มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้อง ิได้โต้แย้งในเรื่องความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจนั้นแต่ประการใด จนเมื่อศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจึงยกเป็นข้ออ้างว่าโจทก์ไม่ได้ส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจ ดังนี้ถือว่าไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความจริงแห่งใบมอบอำนาจ และถือได้ว่าจำเลยยอมรับในความแท้จริง แห่งใบมอบอำนาจนั้นแล้ว
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่า ลูกหนี้ละเลยไม่ชำระหนี้ของตน
ทำสัญญาจะขายทรัพย์สินแก่ผู้ซื้อซึ่งร่วมกันหลายคน ถือว่าผู้ซื้อแต่ละคนเป็นเจ้าหนึ้ร่วมกันตามมาตรา 298 เจ้าหนี้ร่วมเพียงคนเดียวก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะมอบอำนาจให้ผูแทนฟ้องลูกหนี้ให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้
โจทก์ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้คนหนึ่งให้ฟ้องจำเลยโดยส่งสำเนาใบมอบอำนาจพร้อมกับฟ้อง จำเลยต่อสู้ในเรื่องอำนาจฟ้องเพียงว่าใบมอบอำนาจฟ้องร้องไม่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย ในวันชี้สองสถาน จำเลยแถลงว่าโจทก์ไมีมีอำนาจฟ้อง เพราะเจ้าหนี้ร่วมอีก2คน มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้อง ิได้โต้แย้งในเรื่องความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจนั้นแต่ประการใด จนเมื่อศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจึงยกเป็นข้ออ้างว่าโจทก์ไม่ได้ส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจ ดังนี้ถือว่าไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความจริงแห่งใบมอบอำนาจ และถือได้ว่าจำเลยยอมรับในความแท้จริง แห่งใบมอบอำนาจนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์ให้เชื่อว่าเป็นเจ้าพนักงาน ไม่เข้าข่ายความผิดมาตรา 128 ที่เกี่ยวกับยศบรรดาศักดิ์
ความในมาตรา 128 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาเป็นเรื่องแต่งกายด้วยเครื่องอาภรณ์ โดยประสงค์ให้เขาเชื่อถือว่า เป็นผู้มียศบรรดาศักดิ์
จำเลยสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์จะให้เขาเชื่อถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 128
จำเลยสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์จะให้เขาเชื่อถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 128
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนคดีอาญา: การมีเจ้าพนักงานสอบสวนร่วม และความสมบูรณ์ของการสอบสวน
คำสั่งข้าหลวงประจำจังหวัดมีข้อความว่า "ขอตั้งปลัดจังกวัดและผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต หรือผู้แทนนั่งทำการสอบสวนเรื่องนี้พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองภูเก็ต สอบสวนดำเนินคดีตามหน้าที่พนักงานสอบสวน" ดังนี้ เป็นการสั่งให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้เป็นคดีอาญาตาม ป.ม.วิ.อาญา
นายอำเภอเมืองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนอยู่ด้วยตนเองแล้ว แม้จะมีผู้อื่นมานั่งร่วมทำการสอบสวนด้วย การสอบสวนนั้นก็สมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย
(อ้างฎีกา 45/2490)
นายอำเภอเมืองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนอยู่ด้วยตนเองแล้ว แม้จะมีผู้อื่นมานั่งร่วมทำการสอบสวนด้วย การสอบสวนนั้นก็สมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย
(อ้างฎีกา 45/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนคดีอาญาโดยเจ้าพนักงานหลายคนยังคงชอบด้วยกฎหมาย แม้มีผู้ร่วมสอบสวน
คำสั่งข้าหลวงประจำจังหวัดมีข้อความว่า "ขอตั้งปลัดจังหวัดและผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตหรือผู้แทนนั่งทำการสอบสวนเรื่องนี้พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองภูเก็ต สอบสวนดำเนินคดีตามหน้าที่พนักงานสอบสวน" ดังนี้ เป็นการสั่งให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้เป็นคดีอาญาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
นายอำเภอเมืองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนอยู่ด้วยตนเองแล้ว แม้จะมีผู้อื่นมานั่งร่วมทำการสอบสวนด้วยการสอบสวนนั้นก็สมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย(อ้างฎีกา45/2490)
นายอำเภอเมืองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนอยู่ด้วยตนเองแล้ว แม้จะมีผู้อื่นมานั่งร่วมทำการสอบสวนด้วยการสอบสวนนั้นก็สมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย(อ้างฎีกา45/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งการของเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค และความต่อเนื่องของความผิดแม้มีประกาศยกเลิก
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ใบออกคำสั่งเพื่อให้การเป็นไปตาม พ.ร.บ. เมื่อผู้ใดฝ่าฝืนประกาศที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งการไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นก็ย่อมมีผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานอันมีโทษตาม พ.ร.บ.นี้
ประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคฯ นั้นหาใช่กฎหมายไม่ ประกาศที่ออกมาภายหลังยกเลิกการควบคุมสิ่งของบางอย่าง จึงไม่ใช่กฎหมายที่ยกเลิกความผิดหรือไม่เอาโทษแก่ผู้ที่กระทำผิดฐานฝ่าฝืนประกาศฉะบับแรก กรณีไม่ต้องด้วย ป.ม.วิ.อาญา ม. 39(5) หรือ ก.ม.อาญา ม. 8 ผู้ฝ่าฝืนจึงยังคงมีความผิดและมีโทษ
ประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคฯ นั้นหาใช่กฎหมายไม่ ประกาศที่ออกมาภายหลังยกเลิกการควบคุมสิ่งของบางอย่าง จึงไม่ใช่กฎหมายที่ยกเลิกความผิดหรือไม่เอาโทษแก่ผู้ที่กระทำผิดฐานฝ่าฝืนประกาศฉะบับแรก กรณีไม่ต้องด้วย ป.ม.วิ.อาญา ม. 39(5) หรือ ก.ม.อาญา ม. 8 ผู้ฝ่าฝืนจึงยังคงมีความผิดและมีโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค แม้มีประกาศยกเลิกภายหลัง ก็ไม่ทำให้ความผิดนั้นระงับ
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ไปออกคำสั่งเพื่อให้การเป็นไปตามพ.ร.บ. เมื่อผู้ใดฝ่าฝืนประกาศที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งการไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นก็ย่อมมีผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานอันมีโทษตามพ.ร.บ.นี้
ประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคฯนั้นหาใช่กฎหมายไม่ประกาศที่ออกมาภายหลังยกเลิกการควบคุมสิ่งของบางอย่างจึงไม่ใช่กฎหมายที่ยกเลิกความผิดหรือไม่เอาโทษแก่ผู้ที่กระทำผิดฐานฝ่าฝืนประกาศฉบับแรกกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5) หรือกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 8 ผู้ฝ่าฝืนจึงยังคงมีความผิดและมีโทษ
ประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคฯนั้นหาใช่กฎหมายไม่ประกาศที่ออกมาภายหลังยกเลิกการควบคุมสิ่งของบางอย่างจึงไม่ใช่กฎหมายที่ยกเลิกความผิดหรือไม่เอาโทษแก่ผู้ที่กระทำผิดฐานฝ่าฝืนประกาศฉบับแรกกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5) หรือกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 8 ผู้ฝ่าฝืนจึงยังคงมีความผิดและมีโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสมคบกันเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา แม้ผู้รับเงินไม่ใช่เจ้าพนักงานสอบสวน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานสอบสวน จำเลยที่ 2 เป็นตำรวจ ประจำกอง 2 ตำรวจสันติบาลสมคบกันทำผิดกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1 เรียกเงินเป็นสินน้ำใจจากผู้ต้องหา ในการที่อุปการะแก่การที่จำเลยที่ 1 ให้คุณแก่ผู้ต้องหาตามอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้ไปรับเงินมาจากผู้ต้องหา มาเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้ง 2 ดังนี้ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนและถือว่า อยู่ในฐานะเสมือนราษฎร ทำผิดร่วมกับเจ้าพนักงาน ควรมีผิดเพียงฐานสมรู้เท่านั้นก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้ได้ ไม่เรียกว่า ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดร่วมสมคบกันเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา แม้ผู้รับเงินไม่ใช่เจ้าพนักงาน แต่ความผิดฐานสมรู้ยังคงมีอยู่
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานสอบสวน จำเลยที่ 2 เป็นตำรวจประจำกอง 2 ตำรวจสันติบาล สมคบกันทำผิดกฎหมายโดยจำเลยที่ 1 เรียกเงินเป็นสินน้ำใจจากผู้ต้องหา ในการที่อุปการะแก่การที่จำเลยที่ 1 ให้คุณแก่ผู้ต้องหาตามอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ส่วน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ไปรับเงินมาจากผู้ต้องหา มาเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้ง 2 ดังนี้ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนและถือว่า อยู่ในฐานะเสมือนราษฎร ทำผิดร่วมกับเจ้าพนักงาน ควรมีผิดเพียงฐานสมรู้เท่านั้นก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้ได้ ไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจมอบหมายหน้าที่เจ้าพนักงานเรียกเก็บค่าธรรมเนียม: ปลัดอำเภอที่ถูกมอบหมายให้ทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์
พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ มิได้บังคับไว้เด็ดขาดว่า นายอำเภอหรือผู้ทำการแทนต้องเป็นผู้ตรวจสัตว์พาหนะ และทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณด้วยตนเอง โดยฉะเพาะให้ผู้อื่นทำการแทนไม่ได้
ปลัดอำเภอประจำตำบลเมื่อทางราชการสั่งย้ายมาประจำทำงานที่อำเภอแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องทำงานอยู่ในบังคับบัญชาของนายอำเภอ และเมื่อนายอำเภอใช้ให้ไปทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์พาหนะและรับเงินค่าธรรมเนียม ก็ต้องถือว่าเป็นเจ้าพนักงานท่านใช้ให้มีหน้าที่เรียกเก็บส่วย, ภาษี, อากร ฯลฯ ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 135
ปลัดอำเภอประจำตำบลเมื่อทางราชการสั่งย้ายมาประจำทำงานที่อำเภอแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องทำงานอยู่ในบังคับบัญชาของนายอำเภอ และเมื่อนายอำเภอใช้ให้ไปทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์พาหนะและรับเงินค่าธรรมเนียม ก็ต้องถือว่าเป็นเจ้าพนักงานท่านใช้ให้มีหน้าที่เรียกเก็บส่วย, ภาษี, อากร ฯลฯ ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 135
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจมอบหมายหน้าที่ปลัดอำเภอทำตั๋วรูปพรรณสัตว์พาหนะ และการเป็นเจ้าพนักงานเรียกเก็บค่าธรรมเนียม
พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ มิได้บังคับไว้เด็ดขาดว่านายอำเภอหรือผู้ทำการแทนต้องเป็นผู้ตรวจสัตว์พาหนะ และทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณด้วยตนเอง โดยเฉพาะ ให้ผู้อื่นทำการแทนไม่ได้
ปลัดอำเภอประจำตำบลเมื่อทางราชการสั่งย้ายมาประจำทำงานที่อำเภอแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องทำงานอยู่ในบังคับบัญชาของนายอำเภอและเมื่อนายอำเภอใช้ให้ไปทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์พาหนะ และรับเงินค่าธรรมเนียม ก็ต้องถือว่าเป็นเจ้าพนักงานท่านใช้ให้มีหน้าที่เรียกเก็บ ส่วย, ภาษี, อากร ฯลฯ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 135
ปลัดอำเภอประจำตำบลเมื่อทางราชการสั่งย้ายมาประจำทำงานที่อำเภอแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องทำงานอยู่ในบังคับบัญชาของนายอำเภอและเมื่อนายอำเภอใช้ให้ไปทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์พาหนะ และรับเงินค่าธรรมเนียม ก็ต้องถือว่าเป็นเจ้าพนักงานท่านใช้ให้มีหน้าที่เรียกเก็บ ส่วย, ภาษี, อากร ฯลฯ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 135