คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3307/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง และขอบเขตการอุทธรณ์/ฎีกาในประเด็นที่ยุติแล้ว
เดิมจำเลยที่ 1 ถูกฟ้องเป็นคดีอาญา ซึ่งมีโจทก์ที่ 1 เป็นโจทก์ร่วมด้วย ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ อ.ถึงแก่ความตายคดีถึงที่สุด การพิพากษาคดีส่วนแพ่งจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญา จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่1 ว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาท ส่วนจำเลยที่ 2,3 มิได้เป็นคู่ความในคดีอาญา คำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2,3 ฉะนั้นเมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าพยานหลักฐานของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2,3 ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาท จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2,3 หรือไม่ โจทก์ไม่อุทธรณ์ในประเด็นที่ว่าจำเลยที่ 1 ประมาทหรือไม่ ประเด็นนี้จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2,3 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะรับวินิจฉัยและโจทก์ย่อมฎีกาต่อมาอีกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2899/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ความผิดเกี่ยวพันและการนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตรวมกันมากับความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษต่อศาลจังหวัดซึ่งมีอำนาจชำระในฐานความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ โดยอ้างว่าเป็นความผิดเกี่ยวพันกัน แต่ความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นความผิดที่แยกเป็นคนละกรรมต่างกัน กฎหมายมิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าในคดีความผิดที่เกี่ยวพันกันนั้น ให้ถือเอาคดีที่มีโทษสูงเป็นหลักที่จะพิจารณาว่า ต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับหรือไม่ ความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ จึงต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ เมื่อในชั้นสอบสวนมิได้มีการขอผัดฟ้องให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในข้อหาความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2857/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีความมั่นคงของรัฐ: สิทธิของผู้เสียหายโดยตรง
ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตาม ป.อ.มาตรา 113,114 และ 116 เป็นการกระทำผิดต่อรัฐโดยตรง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิด ผู้ร้องแม้จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มิใช่ผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2857/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีความมั่นคงของรัฐ: รัฐเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113,114 และ 116 อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร เป็นการกระทำความผิดต่อรัฐโดยตรง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด แม้ผู้ร้องจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มิใช่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ตามมาตรา 28.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญาต่อเนื่อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและศาลทราบถึงคดีก่อนหน้า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อพร้อมกับระบุหมายเลขคดีดำของศาลชั้นต้นที่จำเลยต้องขังอยู่มาในฟ้อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยที่ขอให้นับโทษต่อจริง โดยที่คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาติดต่อกันไป ดังนั้นโจทก์ย่อมไม่อาจแถลงต่อศาลได้ว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้นมีหมายเลขคดีแดงที่เท่าใด เมื่อความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้โดยที่ไม่แถลงต่อศาลซ้ำอีก ศาลก็ให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญาต่อเนื่อง: ศาลพิจารณาจากความเชื่อมโยงของคดีและข้อมูลที่ปรากฏต่อศาล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อพร้อมกับระบุหมายเลขคดีดำของศาลชั้นต้นที่จำเลยต้องขังอยู่มาในฟ้อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยที่ขอให้นับโทษต่อจริง โดยที่คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาติดต่อกันไป ดังนั้นโจทก์ย่อมไม่อาจแถลงต่อศาลได้ว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้นมีหมายเลขคดีแดงที่เท่าใด เมื่อความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้โดยที่ไม่แถลงต่อศาลซ้ำอีก ศาลก็ให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนของผู้ตายในคดีอาญา: สิทธิในการริบระงับเมื่อผู้กระทำความผิดเสียชีวิต
ผู้กระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องผู้กระทำความผิดย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 และโทษก็เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 38 ดังนั้น อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นที่ผู้ตายใช้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจจึงไม่อาจริบได้ตามบทกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนของผู้ตายในคดีอาญา: สิทธิในการริบระงับเมื่อผู้กระทำความผิดเสียชีวิต
ผู้กระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องผู้กระทำความผิดย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 และโทษก็เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 ดังนั้น อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นที่ผู้ตายใช้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจจึงไม่อาจริบได้ตามบทกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับเอกสารปลอม จำเลยต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงหรือไม่
ก่อนโจทก์จำเลยจะมีกรณีพิพาทในกรรมสิทธิ์ของบ้านพิพาทกันจำเลยได้นำคำร้องซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอมไปยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอเพื่อขอเลขบ้านพิพาทใหม่ โดยต้องการเอาบ้านนั้นเป็นของจำเลย แต่เลขบ้านมิใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ แม้จำเลยจะได้เลขบ้านใหม่มาก็หาทำให้โจทก์หมดสิทธิที่จะใช้เลขบ้านเดิมไม่ ความเสียหายอันเกิดจากการใช้เอกสารปลอมจึงเกิดขึ้นแก่นายทะเบียนเท่านั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาและการประเมินความประมาทของผู้ขับขี่รถบรรทุกที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
เจ้าของรถยนต์คันที่ผู้ตายขับขี่และเกิดเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่งซึ่งขับด้วยความประมาทไม่ใช่ผู้เสียหาย หรือผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายแก่กาย ตาม ป.อ. มาตรา 291,390 และความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรพ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 จึงไม่อาจขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการได้ แม้คู่ความมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ แต่อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาย่อมยกปัญหาดังกล่าวไปวินิจฉัยได้ จำเลยขับรถยนต์บรรทุกออกจากไหล่ถนนและเลี้ยวขวาทันทีโดยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังดู รถที่แล่นมาในช่องทางเดินรถว่ามีรถแล่นมาหรือไม่เป็นเหตุให้ผู้ตายซึ่งขับรถมาในช่องทางดังกล่าว หยุดรถไม่ทันและหักหลบไม่พ้น จึงพุ่งชนท้ายรถจำเลยทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และว.จ.กับอ. ซึ่งนั่งมาในรถที่ผู้ตายขับได้รับอันตรายแก่กายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291,300 ลงโทษบทหนักตามมาตรา 291.
of 312