พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก 1 ปี เริ่มนับแต่วันรู้ความตาย แม้มีการฟ้องร้องเรียกทรัพย์มรดกก่อนหน้านี้
ทายาทคนหนึ่งฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของผู้ตายจากผู้ที่ยึดถือไว้ จนชนะคดีได้ทรัพย์มรดกนั้นมา ภายหลังเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปีแล้ว ดังนี้ ทายาทคนอื่นจะฟ้องขอแบ่งมรดกนี้จากทายาทผู้ได้มรดกมานั้นอีก ย่อมถือว่า ขาดอายุความมรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินหลังมรณะและการบังคับคดี: สิทธิทายาท vs. เจ้าหนี้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องขัดทรัพย์ กล่าวว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นของพี่สาวผู้ร้อง พี่สาวผู้ร้องตายเสียประมาณ 3 ปีเศษมานี้ ผู้ร้องเป็นทายาทได้ครอบครองตลอดมาโดยไม่มีทายาทอื่นโต้แย้งสิทธิแต่ประการใด จึงตกเป็นของผู้ร้องตามกฎหมาย ดังนี้คดิมีประเด็นที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องครอบครองมาฝ่ายเดียวเกิน 1 ปี ตามที่ผู้ร้องอ้างมาในคำร้องหรือหาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์จากเจ้าหนี้และการครอบครองทรัพย์สินหลังมรณะ: สิทธิทายาท vs. สิทธิเจ้าหนี้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ ร้องขัดทรัพย์ กล่าวว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นของพี่สาวผู้ร้อง พี่สาวผู้ร้องตายเสียประมาณ 3 ปีเศษมานี้ ผู้ร้องเป็นทายาทได้ครอบครองตลอดมาโดยไม่มีทายาทอื่นโต้แย้งสิทธิแต่ประการใด จึงตกเป็นของผู้ร้องตามกฎหมาย ดังนี้คดีมีประเด็นที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องครอบครองมาฝ่ายเดียวเกิน 1 ปี ตามที่ผู้ร้องอ้างมาในคำร้องหรือหาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกผสม: สิทธิทายาท, การจัดการทรัพย์สิน, เงินกู้, และการแบ่งมรดก
พ่อตาได้ยกครัวมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวกับลูกสาวลูกเขย จนลูกสาวตายลงแล้วได้ยกลูกสาวคนเล็กให้เป็นภริยาลูกเขยอีก ส่วนตนก็ยังคงอยู่ร่วมเป็นครัวเดียวกับลูกเขยต่อมาโดยไม่ขอแบ่งหรือฟ้องขอแบ่งมฤดกของลูกสาวคนแรกเกิน 1 ปี ก็ยังถือไม่ได้ว่าพ่อตาได้ทอดทิ้งไม่ฟ้องร้องว่ากล่าวขอแบ่งมรดกของลูกสาวคนแรกในอายุความล่วงเลยเกิน 1 ปี เพราะพฤตติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าพ่อตาได้เป็นเจ้าของในทรัพย์สินร่วมกับลูกเขยอยู่ด้วย
ทายาทด้วยกันบางคนขอให้ทนายความเข้ามาจัดการเกี่ยวข้องในเรื่องทรัพย์มรดกโดยลำพัง ถือว่าทนายนั้นไม่ใช่ผู้จัดการมรดกอันจะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีจัดการและปันมรดกแต่มีฐานะเพียงแต่เป็นผู้เข้ามาจัดการทรัพย์สิน แทนทายาทผู้ที่ขอให้เข้ามาจัดการเท่านั้น
ทายาทด้วยกันทำความตกลงกนเองให้ทายาทคนหนึ่งเอาที่ดินของกองมรดกเป็นของตนโดยเอาเงินเข้ากองมรดก จำนวนหนึ่ง ดังนี้เรียกว่าเป็นการประมูลระหว่างทายาท มิใช่เป็นการขายทรัพย์มรดกให้พ้นจากการเป็นทรัพย์มรดำไปได้ หากเป็นการแบ่งมรดกกันเองฉะนั้นที่ดินนั้นยังคงเป็นทรัพย์สินในกองมรดกอยู่ ส่วนเงินจำนวนหนึ่งที่ทายาทผู้นั้นชำระในการประมูลไม่กลายเป็นทรัพย์สินกองมรดกฉะนั้นถ้าในภายหลังเกิดมี การแบ่งที่ดินแปลงนี้กันใหม่ ทายาทผู้ชำระราคาในการประมูลไปแล้วย่อมมีสิทธิหักเงินจำนวนที่ชำระไปแล้วคืนได้
ถ้าได้มีการขายทรัพย์สินกองมรดกให้แก่บุคคลภายนอกแล้วและไม่ปรากฎว่ามีเหตุไม่สุจริตในการขาย ก็ควรต้องถือเอาจำนวนเงินที่ขายได้นั้นเป็นกองมรดกโดยหักค่าใช้จ่ายในการนั้น ๆ ออกได้
ชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภริยา แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงมอบเงินให้กับชายเพื่อให้หาผลประโยชน์ให้ชายจึงเอาเงินนั้นไปให้คนอื่นกู้ ดังนี้หาใช่เป็นการตั้งชายเป็นตัวแทนไม่ กรณีดังนี้ชายต้องรับผิดคืนเงินนั้นให้หญิงโดยต้องถือว่า ชายเป็นผู้ให้กู้ย่อมมีสิทธิและความรับผิดต่อผู้กู้โดยตรง
เงินทีหญิงมอบให้ชายไว้นั้น ก็เท่ากับเงินฝากซึ่งผู้รับฝากจำต้องคืนให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 672
จำเลยให้การว่าสินสมรสไม่มีตามบัญชีท้ายฟ้องโจทก์ บางสิ่งก็ได้มาภายหลังที่ภรรยาตายแล้ว ซึ่งจำเลยนำสืบเวลาพิจารณาดังนี้ไม่เป็นการแสดงให้ชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในราย การใดจำเลยจะกล่าวเอาเองว่าจะนำสืบในเวลาพิจารณานั้นย่อมไม่ได้
ทายาทด้วยกันบางคนขอให้ทนายความเข้ามาจัดการเกี่ยวข้องในเรื่องทรัพย์มรดกโดยลำพัง ถือว่าทนายนั้นไม่ใช่ผู้จัดการมรดกอันจะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีจัดการและปันมรดกแต่มีฐานะเพียงแต่เป็นผู้เข้ามาจัดการทรัพย์สิน แทนทายาทผู้ที่ขอให้เข้ามาจัดการเท่านั้น
ทายาทด้วยกันทำความตกลงกนเองให้ทายาทคนหนึ่งเอาที่ดินของกองมรดกเป็นของตนโดยเอาเงินเข้ากองมรดก จำนวนหนึ่ง ดังนี้เรียกว่าเป็นการประมูลระหว่างทายาท มิใช่เป็นการขายทรัพย์มรดกให้พ้นจากการเป็นทรัพย์มรดำไปได้ หากเป็นการแบ่งมรดกกันเองฉะนั้นที่ดินนั้นยังคงเป็นทรัพย์สินในกองมรดกอยู่ ส่วนเงินจำนวนหนึ่งที่ทายาทผู้นั้นชำระในการประมูลไม่กลายเป็นทรัพย์สินกองมรดกฉะนั้นถ้าในภายหลังเกิดมี การแบ่งที่ดินแปลงนี้กันใหม่ ทายาทผู้ชำระราคาในการประมูลไปแล้วย่อมมีสิทธิหักเงินจำนวนที่ชำระไปแล้วคืนได้
ถ้าได้มีการขายทรัพย์สินกองมรดกให้แก่บุคคลภายนอกแล้วและไม่ปรากฎว่ามีเหตุไม่สุจริตในการขาย ก็ควรต้องถือเอาจำนวนเงินที่ขายได้นั้นเป็นกองมรดกโดยหักค่าใช้จ่ายในการนั้น ๆ ออกได้
ชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภริยา แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงมอบเงินให้กับชายเพื่อให้หาผลประโยชน์ให้ชายจึงเอาเงินนั้นไปให้คนอื่นกู้ ดังนี้หาใช่เป็นการตั้งชายเป็นตัวแทนไม่ กรณีดังนี้ชายต้องรับผิดคืนเงินนั้นให้หญิงโดยต้องถือว่า ชายเป็นผู้ให้กู้ย่อมมีสิทธิและความรับผิดต่อผู้กู้โดยตรง
เงินทีหญิงมอบให้ชายไว้นั้น ก็เท่ากับเงินฝากซึ่งผู้รับฝากจำต้องคืนให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 672
จำเลยให้การว่าสินสมรสไม่มีตามบัญชีท้ายฟ้องโจทก์ บางสิ่งก็ได้มาภายหลังที่ภรรยาตายแล้ว ซึ่งจำเลยนำสืบเวลาพิจารณาดังนี้ไม่เป็นการแสดงให้ชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในราย การใดจำเลยจะกล่าวเอาเองว่าจะนำสืบในเวลาพิจารณานั้นย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับมรดกและการอ้างอายุความมรดก: ทายาทโดยธรรมและผู้รับมรดกแทนกัน
โจทก์และบิดาจำเลยเป็นทายาทของเจ้ามฤดกตามมาตรา 1629(4)ลำดับเดียวกัน บิดาจำเลยยังมีชีวิตอยู่ ตัวจำเลยจึงหาใช่เป็นทายาทของเจ้ามฤดกไม่จึงไม่มีสิทธิอ้างอายุความมฤดก 1 ปียกขึ้นต่อสู้แก่โจทก์ผู้เป็นทายาทของเจ้ามฤดกตามมาตรา 1755 ได้
ในกรณีเช่นนี้จำเลยจะรับมฤดกเจ้ามฤดกแทนที่บิดาจำเลยได้แต่เมื่อบิดาได้ถึงแก่ความตายแล้ว หรือถูกจำกัดมิให้รับมฤดกมิฉะนั้นจะเข้ามารับมฤดกแทนที่บิดาไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้จำเลยจะรับมฤดกเจ้ามฤดกแทนที่บิดาจำเลยได้แต่เมื่อบิดาได้ถึงแก่ความตายแล้ว หรือถูกจำกัดมิให้รับมฤดกมิฉะนั้นจะเข้ามารับมฤดกแทนที่บิดาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมรดกและการอ้างอายุความมรดก: ทายาทโดยธรรม vs. ผู้รับมรดกแทน
โจทก์และบิดาจำเลยเป็นทายาทของเจ้ามรดกตามมาตรา 1629(4)ลำดับเดียวกัน บิดาจำเลยยังมีชีวิตอยู่ ตัวจำเลยจึงหาใช่เป็นทายาทของเจ้ามรดกไม่จึงไม่มีสิทธิอ้างอายุความมรดก 1 ปียกขึ้นต่อสู้แก่โจทก์ผู้เป็นทายาทของเจ้ามรดกตามมาตรา 1755 ได้
ในกรณีเช่นนี้จำเลยจะรับมรดกเจ้ามรดกแทนที่บิดาจำเลยได้แต่เมื่อบิดาได้ถึงแก่ความตายแล้ว หรือถูกจำกัดมิให้รับมรดก มิฉะนั้นจะเข้ามารับมรดกแทนที่บิดาไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้จำเลยจะรับมรดกเจ้ามรดกแทนที่บิดาจำเลยได้แต่เมื่อบิดาได้ถึงแก่ความตายแล้ว หรือถูกจำกัดมิให้รับมรดก มิฉะนั้นจะเข้ามารับมรดกแทนที่บิดาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความที่ไม่ผูกพันทายาทอื่น: สิทธิในการแบ่งมรดกยังคงมีอยู่
ทายาทหลายคนได้ปกครองเป็นเจ้าของทรัพย์มฤดกร่วมกันมาโดยยังไม่ได้แบ่งปันกัน ต่อมาทายาทคนหนึ่งฟ้องขอแบ่งทรัพย์มฤดกนั้น จากทายาทอีกคนหนึ่งเพียงคนเดียวมิได้ฟ้องทายาทอันเป็นเจ้าของร่วมคนอื่นเข้ามาในคดีด้วย ทายาทคนที่ถูกฟ้องยอมความเอาทรัพย์มฤดกที่ทายาทอื่นซึ่งเป็นคนนอกคดีเป็นเจ้าของร่วมด้วยไปแบ่งปันเอาเสียคนเดียว และยอมรับเงินจำนวนหนึ่งตกลงโอนทรัพย์นั้นให้เป็นของทายาทผู้ฟ้องคดีทั้งหมดโดยทายาทคนนอกคดีไม่ได้รู้ เห็นยินยอมด้วยนั้น ย่อมไม่ผูกพันทายาทคนนอกคดีตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1361 วรรค 2
การกระทำของทายาทผู้เป็นโจทก์และทายาทผู้เป็นจำเลย เป็นเหตุให้ทายาทคนนอกคดีเสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของทายาทคนนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นจึงใช้ยันทายาทคนนอกคดีไม่ได้ ทายาทคนนอกคดีมีสิทธิฟ้องทายาทผู้เป็นโจทก์และจำเลยขอให้ศาลแบ่งทรัพย์นั้นใหม่ได้ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา
คำว่าสิ่งปลูกสร้างย่อมหมายถึงเรือนด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นมฤดก จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ประการใดจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลก็รับฟังได้ว่าเรือนเป็นทรัพย์มฤดกด้วยตายนัยแห่งฎีกาที่ 218/2488
การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้องนั้น เป็นการประมาณราคาเพื่อเรียกค่าธรรมเนียมเมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควรสงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม
การกระทำของทายาทผู้เป็นโจทก์และทายาทผู้เป็นจำเลย เป็นเหตุให้ทายาทคนนอกคดีเสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของทายาทคนนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นจึงใช้ยันทายาทคนนอกคดีไม่ได้ ทายาทคนนอกคดีมีสิทธิฟ้องทายาทผู้เป็นโจทก์และจำเลยขอให้ศาลแบ่งทรัพย์นั้นใหม่ได้ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา
คำว่าสิ่งปลูกสร้างย่อมหมายถึงเรือนด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นมฤดก จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ประการใดจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลก็รับฟังได้ว่าเรือนเป็นทรัพย์มฤดกด้วยตายนัยแห่งฎีกาที่ 218/2488
การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้องนั้น เป็นการประมาณราคาเพื่อเรียกค่าธรรมเนียมเมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควรสงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของทายาทเมื่อผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ และผลกระทบต่อฟ้องเดิม
บิดากู้เงินเขามาและมอบนาให้เขาทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ บุตรมาฟ้องขอชำระเงินกู้และขอนาคืนโดยอ้างว่าบิดาตายแล้วบุตรเป็นทายาทผู้รับมฤดก ดังนี้ เมื่อปรากฎว่าบิดายังมีชีวิตอยู่ อำนาจฟ้องคดีของบุตรก็หมดไป บิดาจะขอเข้มาเป็นโจทก์ร่วมด้วยก็ไม่ได้ เพราะฟ้องเดิมใช้ไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีฟ้องที่สมบูรณ์ ซึ่งบิดาจะร่วมเป็นโจทก์ด้วยได้
อำนาจฟ้องเช่นนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นพิจารณาเองได้ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา142(5)
อำนาจฟ้องเช่นนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นพิจารณาเองได้ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา142(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของทายาทเมื่อผู้ตายยังมีชีวิตอยู่: ศาลพิจารณาได้เองตามมาตรา 142(5)
บิดากู้เงินเขามาและมอบนาให้เขาทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ บุตรมาฟ้องขอชำระเงินกู้และขอนาคืนโดยอ้างว่าบิดาตายแล้ว บุตรเป็นทายาทผู้รับมรดก ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าบิดายังมีชีวิตอยู่ อำนาจฟ้องคดีของบุตรก็หมดไป บิดาจะขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยก็ไม่ได้ เพราะฟ้องเดิมใช้ไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีฟ้องที่สมบูรณ์ซึ่งบิดาจะร่วมเป็นโจทก์ด้วยได้
อำนาจฟ้องเช่นนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นพิจารณาเองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5)
อำนาจฟ้องเช่นนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นพิจารณาเองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องเกี่ยวกับที่ดินที่ตกเป็นของทายาท โดยอ้างสัญญาต่างตอบแทน มิใช่การบังคับตามสัญญาหลังมรณะ
โจทก์ฟ้องว่า ช.บิดาโจทก์จำเลยได้เอาที่ดินเนื้อที่ 19 ไร่เศษมาตีเป็นทองคำหมั้นให้แก่ ข. 6 ไร่ในเวลาที่โจทก์กับ ข.สมรสกัน และกองทุนให้โจทก์กับ ข. อีก 4 ไร่ รวมเป็น 10 ไร่ โจทก์กับ ข.มีบุตรคนหนึ่ง ข.ตาย ที่ 10 ไร่จึงตกได้แก่โจทก์และบุตร จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่นา 10 ไร่ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง ดังนี้ ต้องแปลฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้รับมฤดก ช. ให้โอนที่ให้แก่โจทก์ตามสัญญาที่ ช.ทำไว้กับโจทก์และ ข. แต่ฟ้องโดยถือว่าที่ตกเป็นของ ข. และโจทก์แล้ว 10 ไร่.