พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีใหม่เพื่อแก้ไขคำสั่งศาลเดิมในคดีบังคับคดีถือเป็นการฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินแต่ความจริงปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาก่อนแล้ว ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้จำเลยส่วนหนึ่ง ครั้นเมื่อจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัด โจทก์อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดบุกรุกที่โจทก์ไม่ตรงตามคำพิพากษา ศาลสั่งว่าแผนที่ ๆ นำรังวัดนั้นถูกต้องแล้ว โจทก์ไม่อุทธรณ์คำสั่งในคดีก่อนแต่มาฟ้องใหม่ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ กรณีจึงเป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีแบ่งที่ดินซ้ำซ้อนหลังศาลสั่งงดสืบพยานในคดีก่อน โจทก์ควรใช้วิธีอุทธรณ์คำสั่งเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินแต่ความจริงปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาก่อนแล้ว ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้จำเลยส่วนหนึ่ง ครั้นเมื่อจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดโจทก์อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดบุกรุกที่โจทก์ไม่ตรงตามคำพิพากษาศาลสั่งว่าแผนที่ที่นำรังวัดนั้นถูกต้องแล้วโจทก์ไม่อุทธรณ์คำสั่งในคดีก่อนแต่มาฟ้องใหม่ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ กรณีจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำเรื่องกรรมสิทธิที่ดินเมื่อศาลเคยชี้ขาดแล้วว่าผู้ซื้อได้มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ได้เกี่ยวเป็นคู่ความในคดีพิพาทเรื่องที่ดินรายนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดในดคีนั้นไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิแล้วโจทก์ทั้งสองจะหยิบยกเอาการครอบครองโดยปรปักษ์มาต่อสู้ใช้ยันจำเลยที่ 1 ไม่ได้ แต่มาในคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างถึงกรรมสิทธิที่โจทก์ควรมีควรได้ตาม ป.พ.พ. ม.1300 ซึ่งในมาตราเดียวกันนี้วางข้อยกเว้นไว้และศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนตามประเด็นที่โต้เถียงกันตามข้อยกเว้นนี้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เห็นได้ชัดว่เพื่อประสงค์นำสืบถึงเหตุผลซึ่งโจทก์นำสืบไว้ในคดีก่อนไม่สมบูรณ์เท่านั้น การที่จำเลยที่ 2 มิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีก่อนไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่เคยมีคำพิพากษาแล้ว ศาลยกฟ้องเนื่องจากเป็นการนำสืบเหตุผลเดิมที่ไม่สมบูรณ์
ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ได้เกี่ยวเป็นคู่ความในคดีพิพาทเรื่องที่ดินรายนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดในคดีนั้นไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิแล้วโจทก์ทั้งสองจะหยิบยกเอาการครอบครองโดยปรปักษ์มาต่อสู้ใช้ยันจำเลยที่ 1 ไม่ได้แต่มาในคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างถึงกรรมสิทธิ์ที่โจทก์ควรมีควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300 ซึ่งในมาตราเดียวกันนี้วางข้อยกเว้นไว้และศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนตามประเด็นที่โต้เถียงกันตามข้อยกเว้นนี้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เห็นได้ชัดว่าเพื่อประสงค์นำสืบถึงเหตุผลซึ่งโจทก์นำสืบไว้ในคดีก่อนไม่สมบูรณ์เท่านั้นการที่จำเลยที่ 2 มิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีก่อนไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้เพราะต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: แม้ประเด็นต่างกัน หากเหตุฟ้องร้องเดียวกัน คดีถึงที่สุดแล้ว ห้ามฟ้องซ้ำ
คดีจะเป็นฟ้องซ้ำนั้นตาม ม.148 วางหลักสำคัญไว้ว่าคู่ความเดียวกันอย่างหนึ่ง ได้ฟ้องร้องกันจนคดีดึงที่สุดแล้วอย่างหนึ่ง เหตุแห่งการฟ้องร้องเป็นอันเดียวกันอีกอย่างหนึ่ง ต้องห้ามมิให้รื้อฟื้นร้องฟ้องกันอีก
เมื่อปรากฏว่าคดีเรื่องก่อนเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีนี้และได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้ประเด็นในคดีเรื่องก่อนจะเป็นการให้คืนหนองน้ำ ส่วนคดีเรื่องนี้ก็เป็นการใช้ค่าเสียหายก็ดี แต่ก็คงรวมอยู่ในเหตุแห่งการฟ้องร้องอย่างเดียวกันคือ จำเลยที่ 1 ประพฤติผิดสัญญานั่นเอง (ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ได้ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายใหม่ดังที่ได้ขอไว้) ดังนั้นการที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีนี้จึงต้องห้าม เพราะเป็นฟ้องซ้ำ.
เมื่อปรากฏว่าคดีเรื่องก่อนเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีนี้และได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้ประเด็นในคดีเรื่องก่อนจะเป็นการให้คืนหนองน้ำ ส่วนคดีเรื่องนี้ก็เป็นการใช้ค่าเสียหายก็ดี แต่ก็คงรวมอยู่ในเหตุแห่งการฟ้องร้องอย่างเดียวกันคือ จำเลยที่ 1 ประพฤติผิดสัญญานั่นเอง (ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ได้ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายใหม่ดังที่ได้ขอไว้) ดังนั้นการที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีนี้จึงต้องห้าม เพราะเป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: แม้ประเด็นต่างกัน หากเหตุฟ้องร้องเป็นเดียวกัน (ผิดสัญญา) และเคยขอสงวนสิทธิไว้แล้ว ถือเป็นฟ้องซ้ำตามมาตรา 148
คดีจะเป็นฟ้องซ้ำนั้นตาม มาตรา148 วางหลักสำคัญไว้ว่าคู่ความเดียวกันอย่างหนึ่ง ได้ฟ้องร้องกันจนคดีถึงที่สุดแล้วอย่างหนึ่งเหตุแห่งการฟ้องร้องเป็นอันเดียวกันอีกอย่างหนึ่ง ต้องห้ามมิให้รื้อฟื้นร้องฟ้องกันอีก
เมื่อปรากฏว่าคดีเรื่องก่อนเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีนี้และได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วแม้ประเด็นในคดีเรื่องก่อนจะเป็นการให้คืนหนองน้ำ ส่วนคดีเรื่องนี้เป็นการใช้ค่าเสียหายก็ดีแต่ก็คงรวมอยู่ในเหตุแห่งการฟ้องร้องอย่างเดียวกันคือจำเลยที่ 1 ประพฤติผิดสัญญานั่นเอง(ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ได้ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายใหม่ดังที่ได้ขอไว้) ดังนั้นการที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีนี้จึงต้องห้ามเพราะเป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อปรากฏว่าคดีเรื่องก่อนเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีนี้และได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วแม้ประเด็นในคดีเรื่องก่อนจะเป็นการให้คืนหนองน้ำ ส่วนคดีเรื่องนี้เป็นการใช้ค่าเสียหายก็ดีแต่ก็คงรวมอยู่ในเหตุแห่งการฟ้องร้องอย่างเดียวกันคือจำเลยที่ 1 ประพฤติผิดสัญญานั่นเอง(ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ได้ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายใหม่ดังที่ได้ขอไว้) ดังนั้นการที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีนี้จึงต้องห้ามเพราะเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การระบุเวลาทำผิดเป็นสาระสำคัญของฟ้อง หากศาลยกฟ้องเพราะขาดรายละเอียดนี้ การฟ้องใหม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ป.วิ.อ. ม.158 (5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าเวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตาม ป.วิ.อาญา ม.39 (4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดี เพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในใบฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญาหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ระบุรายละเอียดสำคัญ ทำให้เกิดคำพิพากษาเด็ดขาด
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัสศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าการกระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดีเพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีหมิ่นประมาท การถอนฟ้องเฉพาะบางข้อหา และการฟ้องซ้ำในประเด็นที่ยุติแล้ว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความอธิบดีกรมอัยการขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 282,116 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 282 และลงโทษปรับจำเลย จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่มีความผิดตาม มาตรา 282 ฝ่ายโจทก์ไม่อุทธรณ์มาตรา 116 จึงถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้น ไม่มีประเด็นในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ในชั้นอุทธรณ์คงมีประเด็นว่าจำเลยจะมีความผิดตาม มาตรา 282 หรือไม่มาตราเดียวเท่านั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบพยานตามที่แถลงไว้และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปตามกระบวนความและศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าให้ดำเนินการเกี่ยวแก่ มาตรา 282 มาตราเดียวเท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกาและระหว่างพิจารณาจำเลยได้ขออภัยต่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ติดใจว่ากล่าวเอาความแก่จำเลย โจทก์จึงแถลงขอถอนฟ้องเฉพาะข้อหาในฐานหมิ่นประมาทใส่ความตาม มาตรา 282 แต่โจทก์ย้อนหวนมาเอาความแก่จำเลยตาม มาตรา 116 ซึ่งไม่มีประเด็นอีกนั้นไม่ได้เพราะประเด็นตาม มาตรา 116 ได้ยุติในศาลชั้นต้นตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีและฟ้องซ้ำ: การขอให้พนักงานอัยการฟ้องแทนกรณีศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีอำนาจฟ้อง
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่หลานฟ้องปู่เป็นคดีอุหลุมโดยอ้างเหตุว่าไม่มีอำนาจฟ้องยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีนั้นไม่ตัดสิทธิที่จะให้หลานขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีเป็นโจทก์แทน ฟ้องของอัยการโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.