พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ แม้จะแสดงเจตนาฝ่ายเดียวก็ได้ หากสิทธิเรียกร้องยังไม่ขาดอายุความ
การหักกลบลบหนี้นั้น แม้จำเลยจะแสดงเจตนาไปฝ่ายเดียวก็เป็นอันหักกลบลบหนี้กันได้
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ กำหนดชำระภายในวันที่ 1 เมษายน 2497และโจทก์เป็นหนี้ค่าจ้างว่าความจำเลยอยู่สองคดี คดีแรกคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2501 คดีที่สองคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2504 ดังนี้ จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่อาจหักกลบลบหนี้ได้แม้จำเลยจะได้แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2505 ซึ่งสิทธิเรียกร้องชำระหนี้ค่าจ้างว่าความของจำเลยขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่สิทธิในการหักกลบลบหนี้ของจำเลยย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 344 และการแสดงเจตนาของจำเลยดังกล่าวก็มีผลย้อนหลังขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 342 วรรค 2กล่าวคือ หนี้ค่าจ้างว่าความคดีแรกย้อนไปถึง พ.ศ.2501 หนี้ค่าจ้างว่าความคดีที่สอง ย้อนไปถึง พ.ศ.2504 ซึ่งสิทธิเรียกร้องของจำเลยยังไม่ขาด จึงหักกลบลบกันกับหนี้เงินกู้ของโจทก์หมดสิ้นแล้วไม่มีหนี้ที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้อีก
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ กำหนดชำระภายในวันที่ 1 เมษายน 2497และโจทก์เป็นหนี้ค่าจ้างว่าความจำเลยอยู่สองคดี คดีแรกคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2501 คดีที่สองคดีถึงที่สุดใน พ.ศ.2504 ดังนี้ จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่อาจหักกลบลบหนี้ได้แม้จำเลยจะได้แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2505 ซึ่งสิทธิเรียกร้องชำระหนี้ค่าจ้างว่าความของจำเลยขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่สิทธิในการหักกลบลบหนี้ของจำเลยย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 344 และการแสดงเจตนาของจำเลยดังกล่าวก็มีผลย้อนหลังขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 342 วรรค 2กล่าวคือ หนี้ค่าจ้างว่าความคดีแรกย้อนไปถึง พ.ศ.2501 หนี้ค่าจ้างว่าความคดีที่สอง ย้อนไปถึง พ.ศ.2504 ซึ่งสิทธิเรียกร้องของจำเลยยังไม่ขาด จึงหักกลบลบกันกับหนี้เงินกู้ของโจทก์หมดสิ้นแล้วไม่มีหนี้ที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ก่อหนี้ใหม่ แต่เป็นหลักฐานการสงวนสิทธิเรียกร้องเดิม และการชำระหนี้บางส่วนเป็นการรับสภาพหนี้ทั้งหมด ทำให้คดีไม่ขาดอายุความ
การรับสภาพหนี้ มิใช่เป็นการก่อให้เกิดหนี้ขึ้นใหม่ในตัวเองแต่ก็เป็นนิติกรรมประเภทสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมให้คงอยู่ต่อไปและไม่ขาดอายุความ เจ้าหนี้ย่อมฟ้องบังคับตามสิทธิเรียกร้องที่ปรากฏในหนังสือรับสภาพหนี้ได้ ถ้าหากจำเลยได้รับสภาพหนี้โดยชอบและหนังสือรับสภาพหนี้ถูกต้อง
ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวดๆงวดแรกคือวันที่ 31 ตุลาคม 2506 แล้วจำเลยได้ผ่อนชำระมาเป็นคราวๆ แต่ไม่ตรงตามงวด ครั้งหนึ่งชำระด้วยเช็คเงินสดลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2511 ถือได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้ด้วยการชำระหนี้เงินบางส่วนแก่โจทก์ อันเป็นผลให้อายุความ 5 ปีสำหรับการชำระเงินงวดแรกซึ่งยังไม่ครบ กำหนดสะดุดหยุดลงและการที่จำเลยมิได้ชำระเงินครบถ้วนตามงวดดังที่ตกลงกันไว้ต้องถือว่าการชำระหนี้บางส่วนดังกล่าวเป็นการรับสภาพหนี้รายพิพาททั้งหมดด้วย
ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวดๆงวดแรกคือวันที่ 31 ตุลาคม 2506 แล้วจำเลยได้ผ่อนชำระมาเป็นคราวๆ แต่ไม่ตรงตามงวด ครั้งหนึ่งชำระด้วยเช็คเงินสดลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2511 ถือได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้ด้วยการชำระหนี้เงินบางส่วนแก่โจทก์ อันเป็นผลให้อายุความ 5 ปีสำหรับการชำระเงินงวดแรกซึ่งยังไม่ครบ กำหนดสะดุดหยุดลงและการที่จำเลยมิได้ชำระเงินครบถ้วนตามงวดดังที่ตกลงกันไว้ต้องถือว่าการชำระหนี้บางส่วนดังกล่าวเป็นการรับสภาพหนี้รายพิพาททั้งหมดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตนายจ้างกับลูกจ้าง: สิทธิเรียกร้องเงินประกันเต็มจำนวน แม้ไม่มีมูลค่าความเสียหายที่แท้จริง
1. โจทก์เอาประกันชีวิตลูกจ้างซึ่งขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันของโจทก์นั้นเห็นได้ว่าจะต้องรับผิดต่อการกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของลูกจ้าง และยังต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่ทายาทผู้อยู่ใต้อุปการะของลูกจ้างผู้ตายตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ประกอบกับการขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันย่อมต้องอาศัยบุคคลที่มีความชำนาญและไว้วางใจ เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนได้เสียที่จะเอาประกันชีวิตลูกจ้างดังกล่าวนี้ได้
2. สัญญาประกันอุบัติเหตุของบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตถือว่าเป็นสัญญาประกันชีวิต เพราะอาศัยความมรณะเป็นเงื่อนไขการใช้เงินตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 3. สัญญาประกันชีวิตมิใช่สัญญาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังเช่นสัญญาประกันวินาศภัย แต่เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันภัยตกลงใจใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ โดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อโจทก์นายจ้างเอาประกันชีวิตของลูกจ้างในกรณีอุบัติเหตุไว้กับจำเลยเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนบาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และลูกจ้างที่ระบุในกรมธรรม์ได้ประสพอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตระหว่างอายุสัญญา จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ตามเงื่อนไขแห่งสัญญา
(ข้อ 1 และ 3 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2515)
2. สัญญาประกันอุบัติเหตุของบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตถือว่าเป็นสัญญาประกันชีวิต เพราะอาศัยความมรณะเป็นเงื่อนไขการใช้เงินตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 3. สัญญาประกันชีวิตมิใช่สัญญาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังเช่นสัญญาประกันวินาศภัย แต่เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันภัยตกลงใจใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ โดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อโจทก์นายจ้างเอาประกันชีวิตของลูกจ้างในกรณีอุบัติเหตุไว้กับจำเลยเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนบาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และลูกจ้างที่ระบุในกรมธรรม์ได้ประสพอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตระหว่างอายุสัญญา จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ตามเงื่อนไขแห่งสัญญา
(ข้อ 1 และ 3 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสมาชิกสมาคมกับการเรียกร้องเงินค่าสงเคราะห์ แม้ถูกตัดสมาชิกภาพหลังเกิดสิทธิ
โจทก์ฟ้องเรียกร้องตามสิทธิของโจทก์ในขณะที่โจทก์ยังเป็นสมาชิกสมาคมจำเลยอยู่ ไม่ได้ขอให้เพิกถอนมติของสมาคมจำเลยที่ให้โจทก์ขาดจากสมาชิกภาพ จะยกบทบัญญัติมาตรา1291 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นมาปรับกับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสมาชิกสมาคมและการเรียกร้องเงินค่าณาปนกิจ แม้ถูกตัดสมาชิกภาพ สิทธิยังคงอยู่หากเกิดเหตุการณ์ก่อนถูกตัด
โจทก์ฟ้องเรียกร้องตามสิทธิของโจทก์ในขณะที่โจทก์ยังเป็นสมาชิกสมาคมจำเลยอยู่ ไม่ได้ขอให้เพิกถอนมติของสมาคมจำเลยที่ให้โจทก์ขาดจากสมาชิกภาพ จะยกบทบัญญัติมาตรา1291 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นมาปรับกับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายเพิ่มเติมที่ดิน แม้ไม่ได้จดทะเบียนก็มีผลผูกพันได้ หากโจทก์รู้เห็นยินยอมการเข้าใช้ประโยชน์ของจำเลย ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้รื้อถอน
หนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินเพิ่มเติมซึ่งทำภายหลังจากได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับเดิม มีข้อความตกลงว่าผู้แทนโจทก์กับเจ้าของร่วมคนอื่นยินยอมยกที่ดินในโฉนดที่3878 ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย เพื่อเป็นการตอบแทนที่จำเลยสละสิทธิ์ที่จะไม่ขอทำทางเท้าให้กว้างขึ้นเป็นถนนจากที่ดินโฉนดที่ 7386 ผ่านที่ดินโฉนดที่ 3878 ไปสู่ถนนใหญ่ อันเป็นสิทธิที่จำเลยพึงเรียกร้องได้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับแรกที่ทำไว้แต่เดิม ข้อตกลงเช่นนี้แม้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็มีผลผูกพันบังคับระหว่างคู่สัญญากันได้ ไม่ใช่สัญญาให้โดยเสน่หาและไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายจึงไม่อยู่ใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 456,525 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยปลูกเรือนในที่ดินของจำเลยล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดอื่น อันเป็นส่วนที่จำเลยได้รับยกให้ตามสัญญาจะซื้อขายเพิ่มเติมดังกล่าวโดยโจทก์รู้เห็น และมิได้ทักท้วง เท่ากับโจทก์รับว่าจำเลยปลูกเรือนในที่ดินพิพาทได้โจทก์ ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนหลังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ภาษีและการล้มละลาย: สิทธิเรียกร้องชำระหนี้เมื่อผู้ประกอบการล้มละลาย พิจารณาจากกำหนดชำระหนี้และคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
"เงินเพิ่ม" ประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ตรี ให้ถือว่าเป็นเงินภาษีและ ถือว่าได้เกิดขึ้นแล้วพร้อมกับหนี้ภาษีการค้า เมื่อกรมสรรพากรมีสิทธิได้รับชำระหนี้ภาษีการค้าก็ย่อมมีสิทธิได้รับชำระเงินเพิ่มด้วยแม้ว่ามูลหนี้ภาษีการค้าจะเกิดขึ้นก่อนผู้ประกอบการค้าถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และเจ้าพนักงานประเมินจะมิได้แจ้งการประเมินไปยังผู้ประกอบการค้าก็ตาม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1826/2511)
ห้างจำเลยและผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์และพิพากษาให้ล้มละลาย กรมสรรพากรยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าภาษีการค้าซึ่งห้างจำเลยค้างชำระในฐานะหนี้บุริมสิทธิ(ลำดับ 6) ศาลชั้นต้นสั่งให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนเท่านั้น เพราะกรมสรรพากรมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของห้างจำเลยภายในกำหนด กรมสรรพากรมิได้อุทธรณ์โต้แย้ง การที่กรมสรรพากรจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในลำดับใด ต้องถือวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนเป็นเกณฑ์พิจารณา จะถือเอาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างจำเลยซึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้กรมสรรพากรได้รับชำระหนี้เป็นยุติไปแล้วมาเป็นเกณฑ์หาได้ไม่ เมื่อปรากฏว่าหนี้ค่าภาษีการค้าที่ขอรับชำระหนี้ถึงกำหนดชำระเกินกว่าหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนกรมสรรพากรย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดังกล่าวจากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนในลำดับ 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา 130 คงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานะหนี้อื่นๆ ตามลำดับ 8 เท่านั้น
ห้างจำเลยและผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์และพิพากษาให้ล้มละลาย กรมสรรพากรยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าภาษีการค้าซึ่งห้างจำเลยค้างชำระในฐานะหนี้บุริมสิทธิ(ลำดับ 6) ศาลชั้นต้นสั่งให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนเท่านั้น เพราะกรมสรรพากรมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของห้างจำเลยภายในกำหนด กรมสรรพากรมิได้อุทธรณ์โต้แย้ง การที่กรมสรรพากรจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในลำดับใด ต้องถือวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนเป็นเกณฑ์พิจารณา จะถือเอาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างจำเลยซึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้กรมสรรพากรได้รับชำระหนี้เป็นยุติไปแล้วมาเป็นเกณฑ์หาได้ไม่ เมื่อปรากฏว่าหนี้ค่าภาษีการค้าที่ขอรับชำระหนี้ถึงกำหนดชำระเกินกว่าหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนกรมสรรพากรย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดังกล่าวจากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนในลำดับ 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา 130 คงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานะหนี้อื่นๆ ตามลำดับ 8 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ภาษีและเงินเพิ่มในคดีล้มละลาย: สิทธิเรียกร้องและการลำดับการชำระหนี้
"เงินเพิ่ม" ประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ตรี ให้ถือว่าเป็นเงินภาษี และ ถือว่าได้เกิดขึ้นแล้วพร้อมกับหนี้ภาษีการค้า เมื่อกรมสรรพากรมีสิทธิได้รับชำระหนี้ภาษีการค้าก็ย่อมมีสิทธิได้รับชำระเงินเพิ่มด้วย แม้ว่ามูลหนี้ภาษีการค้าจะเกิดขึ้นก่อนผู้ประกอบการค้าถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และเจ้าพนักงานประเมินจะมิได้แจ้งการประเมินไปยังผู้ประกอบการค้าก็ตาม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1826/2511)
ห้างจำเลยและผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์และพิพากษาให้ล้มละลาย กรมสรรพากรยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าภาษีการค้าซึ่งห้างจำเลยค้างชำระในฐานะหนี้บุริมสิทธิ (ลำดับ 6) ศาลชั้นต้นสั่งให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนเท่านั้น เพราะกรมสรรพากรมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของห้างจำเลยภายในกำหนด กรมสรรพากรมิได้อุทธรณ์โต้แย้งการที่กรมสรรพากรจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในลำดับใด ต้องถือวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนเป็นเกณฑ์พิจารณา จะถือเอาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างจำเลย ซึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้กรมสรรพากรได้รับชำระหนี้เป็นยุติไปแล้วมาเป็นเกณฑ์หาได้ไม่ เมื่อปรากฏว่าหนี้ค่าภาษีการค้าที่ขอรับชำระหนี้ ถึงกำหนดชำระเกินกว่าหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนกรมสรรพากรย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดังกล่าวจากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนในลำดับ 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 130 คงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานะหนี้อื่นๆ ตามลำดับ 8 เท่านั้น
ห้างจำเลยและผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์และพิพากษาให้ล้มละลาย กรมสรรพากรยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าภาษีการค้าซึ่งห้างจำเลยค้างชำระในฐานะหนี้บุริมสิทธิ (ลำดับ 6) ศาลชั้นต้นสั่งให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนเท่านั้น เพราะกรมสรรพากรมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของห้างจำเลยภายในกำหนด กรมสรรพากรมิได้อุทธรณ์โต้แย้งการที่กรมสรรพากรจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในลำดับใด ต้องถือวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนเป็นเกณฑ์พิจารณา จะถือเอาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างจำเลย ซึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้กรมสรรพากรได้รับชำระหนี้เป็นยุติไปแล้วมาเป็นเกณฑ์หาได้ไม่ เมื่อปรากฏว่าหนี้ค่าภาษีการค้าที่ขอรับชำระหนี้ ถึงกำหนดชำระเกินกว่าหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เป็นหุ้นส่วนกรมสรรพากรย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดังกล่าวจากกองทรัพย์สินของผู้เป็นหุ้นส่วนในลำดับ 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 130 คงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานะหนี้อื่นๆ ตามลำดับ 8 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คของผู้สั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องเรียกเงินได้ ผู้สั่งจ่ายยกข้อต่อสู้ไม่ได้หากไม่มีเจตนาฉ้อฉล
เช็ครายพิพาทเป็นเช็คของจำเลยสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
เมื่อจำเลยให้การอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริตแต่จำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดว่า ไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีประเด็นนำสืบ
เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายไปแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดตามเช็คที่ออกจำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ ท. (ผู้ทรงคนก่อน) ขึ้นต่อสู้โจทก์มิได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล แต่ตามคำให้การจำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทจาก ท. โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย ดังนี้จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลย
เมื่อจำเลยให้การอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริตแต่จำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดว่า ไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีประเด็นนำสืบ
เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายไปแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดตามเช็คที่ออกจำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ ท. (ผู้ทรงคนก่อน) ขึ้นต่อสู้โจทก์มิได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล แต่ตามคำให้การจำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทจาก ท. โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย ดังนี้จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คของผู้สั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย แม้จะมีการโอนเช็ค
เช็ครายพิพาทเป็นเช็คของจำเลยสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
เมื่อจำเลยให้การอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริตแต่จำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดว่า ไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีประเด็นนำสืบ
เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายไปแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดตามเช็คที่ออกจำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ ท. (ผู้ทรงคนก่อน) ขึ้นต่อสู้โจทก์มิได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล แต่ตามคำให้การจำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทจาก ท. โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลย
เมื่อจำเลยให้การอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริตแต่จำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดว่า ไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีประเด็นนำสืบ
เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายไปแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดตามเช็คที่ออกจำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ ท. (ผู้ทรงคนก่อน) ขึ้นต่อสู้โจทก์มิได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล แต่ตามคำให้การจำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทจาก ท. โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลย