คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนเช็คโดยชอบ ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามตั๋วเงิน และอำนาจศาลในการงดสืบพยานที่ไม่เป็นประโยชน์
ร. และจำเลยที่ 2 นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยทั้งสองเป็นผู้สั่งจ่ายไปแลกเงินสดจากโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทมาในฐานะผู้รับเงินตามเช็ค จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904
จำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อในเช็ค ซึ่งเป็นตั๋วเงินประเภทหนึ่ง ย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น ตามมาตรา 900
ศาลต้องเลื่อนคดีเพราะพยานจำเลยปากหนึ่งไม่มาศาลถึง 6 ครั้ง เนื่องจากพยานไม่เต็มใจมาเบิกความโดยพยานหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับหมาย พยานเคยมีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่า พยานไม่เคยเกี่ยวข้องกับจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะอ้างเป็นพยานในประเด็นข้อใด แสดงว่าพยานปากนี้อาจจะมิใช่ผู้ที่รู้ข้อเท็จจริงในคดีก็ได้ ทั้งไม่ปรากฏจากคำแถลงหรือข้อนำสืบของจำเลยว่าพยานดังกล่าวเป็นพยานสำคัญเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีที่จะนำสืบอย่างไรฉะนั้นการที่จะให้ได้ตัวพยานปากนี้มาเบิกความนอกจากจะทำให้คดีต้องล่าช้าแล้ว คำเบิกความของพยานน่าจะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีจำเลยแต่อย่างใด พยานดังกล่าวจึงเป็นพยานที่ประวิงให้ชักช้าแม้การที่ไม่ได้ตัวพยานมาเบิกความจะมิใช่ความผิดของจำเลย ศาลก็มีอำนาจที่จะงดสืบพยานเช่นว่านั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในเช็ค: ผู้ออกเช็คต้องรับผิดใช้เงินตามเช็ค เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าไม่มีมูลหนี้
จำเลยเป็นผู้ออกเช็คในเบื้องต้นก็ต้องถือว่าจำเลยต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา900 เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คโดยไม่มีมูลหนี้ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นเช่นนั้น เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารละเลยไม่เรียกเก็บเงินตามเช็คจากบัญชีลูกค้าที่มีเงินเพียงพอ ทำให้ลูกค้าเสียสิทธิเรียกร้อง
จำเลยเป็นธนาคาร ละเลยไม่เรียกเก็บเงินตามเช็คให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกค้า ทั้ง ๆ ที่เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีพอที่จะหักเข้าบัญชีให้โจทก์ได้ก่อน และบัญชีของผู้สั่งจ่ายก็อยู่ในธนาคารจำเลยเอง เป็นเหตุให้เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายกลับไม่พอชำระหนี้ตามเช็คให้โจทก์ เพราะได้มีการถอนเงินรายอื่นหลายรายการจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายในวันนั้น และจำเลยก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องและคืนเช็คให้โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารละเลยไม่เรียกเก็บเงินจากเช็ค ทั้งที่บัญชีผู้สั่งจ่ายมีเงินพอ ทำให้ผู้รับเช็คเสียหาย ธนาคารต้องรับผิด
จำเลยเป็นธนาคาร ละเลยไม่เรียกเก็บเงินตามเช็คให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกค้า ทั้ง ๆ ที่เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมีพอที่จะหักเข้าบัญชีให้โจทก์ได้ก่อนและบัญชีของผู้สั่งจ่ายก็อยู่ในธนาคารจำเลยเอง เป็นเหตุให้เงินในบัญชีของผู้สั่งจ่ายกลับไม่พอชำระหนี้ตามเช็คให้โจทก์เพราะได้มีการถอนเงินรายอื่นหลายรายการจากบัญชีของผู้สั่งจ่ายในวันนั้น และจำเลยก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องและคืนเช็คให้โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสลักหลังเช็คเพื่อค้ำประกัน (อาวัล) และสิทธิของผู้ทรงเช็คในฐานะหัวหน้าวงแชร์
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือย่อมเป็นการสลักหลังเป็นประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงอย่างเดียวกับผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นหัวหน้าวงแชร์ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ แทนลูกวงแชร์และได้รับเช็คคืนมาไว้ในครอบครอง โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรง จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อหลังเช็คของผู้ถือ ถือเป็นการอาวัลจำเลยที่ 1 ผู้ทรงมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้ลงลายมือชื่อ
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือย่อมเป็นการสลักหลังเป็นประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงอย่างเดียวกับผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นหัวหน้าวงแชร์ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ แทนลูกวงแชร์และได้รับเช็คคืนมาไว้ในครอบครอง โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกเช็คโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีมูลหนี้ ถือเป็นการคบคิดฉ้อฉล
คำให้การจำเลยที่ว่า จำเลยได้จ่ายเช็คพิพาทให้แก่ ส. และต่อมาได้มีการหักกลบลบหนี้กัน เช็คพิพาททั้งสามฉบับไม่มีมูลหนี้ต่อกันอีกการที่โจทก์ซึ่งเป็นมารดาของ ส. ได้นำเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลยโดยอ้างว่าได้รับโอนมาจาก ส. นั้น. จะเห็นได้ชัดแจ้งว่าโจทก์กับ ส. ได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยเพื่อสมคบกันเรียกเงินจากจำเลยอีกนั้น พอเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าเมื่อโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจาก ส. มาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยนั้น โจทก์รู้อยู่แล้วว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ต่อกันแล้วแต่โจทก์รู้เห็นเป็นใจกับ ส. บุตรสาวของตนอันเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย คำให้การของจำเลยเช่นนี้เป็นการแสดงโดยชัดแจ้งถึงข้อต่อสู้ของจำเลยรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้ว
โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจาก ส. โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีมูลหนี้ต่อกันการที่โจทก์เอาเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก จึงเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยจำเลยจึงยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วย มาตรา 989

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ค่าขายลดเช็คที่ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิของผู้ทรงเช็ค
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3567/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสลักหลัง-สัญญาซื้อขายลดเช็ค: การรับผิดของผู้อ้างสลักหลังและผู้สลักหลังต่อผู้ทรง
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คที่จำเลยที่ 1 นำมาทำสัญญาขายลดรับเงินสดจากโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในข้อนี้จึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเช็คดังกล่าวจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังไว้ดังโจทก์ฟ้อง
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีเพียงว่ามีเหตุไม่ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ หาได้ต่อสู้ในข้อไม่ต้องรับผิดในต้นเงินด้วยไม่ ฉะนั้นปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดในต้นเงินหรือไม่ จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยที่ 1 นำเช็คซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังมาทำสัญญาขายลดรับเงินสดจากโจทก์ โดยสัญญาว่าหากเช็คดังกล่าวถึงกำหนดชำระเงิน โจทก์ไม่ได้รับชำระเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1 ยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแก่โจทก์เมื่อได้ความว่าโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามเช็ค จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีส่วนจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
เช็คคือหนังสือตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งหรือให้ใช้ ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่าผู้รับเงิน จึงเป็นทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 99 ซึ่งอาจโอนกรรมสิทธิ์กันได้ตามมาตรา 904, 917 และ 989 โจทก์จึงทำสัญญาซื้อขายลดเช็คอันเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่งซึ่งมีมูลหนี้อยู่ และนำสัญญาดังกล่าวมาฟ้องบังคับได้ และปัญหาว่าโจทก์จะใช้สิทธิฟ้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็คได้หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้องจะมีต้นฉบับอยู่หรือไม่โจทก์ได้รับเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายแล้วหรือไม่จำเลยไม่ทราบ และตามภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลังไว้โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ทั้งโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องนั้นไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยอำนาจฟ้องของโจทก์ เพราะไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิเป็นคู่ความได้หรือไม่เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็ค แม้มีเหตุระงับการจ่าย ผู้ทรงต้องสุจริต การต่อสู้ต้องชัดเจน
จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค ย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตาม ป.พ.พ. ม.900 ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าจำเลยมอบเช็คให้บุคคลอื่นโดยไม่มีมูลหนี้ จึงสั่งธนาคารระงับการจ่ายเงินนั้น จำเลยจะยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงไม่ได้ จำเลยจะพ้นจากความรับผิดได้ต่อเมื่อการโอนได้มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลตาม ม.916
การที่จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า โจทก์รับเช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมิได้กล่าวอ้างว่าไม่สุจริตและมิชอบอย่างไรอันจะถือว่าเป็นการคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดเพื่อฉ้อฉลตามที่บัญญัติไว้ใน ม.916 เป็นคำให้การที่ไม่แจ้งชัดตาม ป.ว.พ. ม.177จึงต้องถือว่าโจทก์รับเช็คมาโดยสุจริตและเป็นผู้ทรงโดยชอบข้อวินิจฉัยที่ว่าโจทก์รับเช็คพิพาทโดยการคบคิดกับบุคคลอื่นทำการฉ้อฉลจำเลยจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ
of 187