คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การนำสืบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้และการนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนี้ที่ไม่มีประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง เป็นบทบังคับเด็ดขาด. ฉะนั้น จำเลยจึงนำสืบว่าจำเลยได้ใช้เงินให้โจทก์แล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือได้เวนคืนเอกสารหรือแทงเพิกถอนเอกสารนั้นแล้วมิได้.
เพียงเอาโฉนดที่ดินมาให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ตามสัญญากู้มิใช่หนี้ที่มีประกันตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเพื่อพิสูจน์การรับฝากทรัพย์ และหน้าที่ตามสัญญา หากมีสัญญาชัดเจน การซื้อขายหรือการรับฝากไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ฟ้องว่าโจทก์นำข้าวเปลือก 10 เกวียน 50 ถัง ฝากในยุ้งจำเลย โจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ ได้ตกลงเอาข้าวเปลือกชำระหนี้แทนเงินที่ติดค้างโจทก์อยู่ และที่โจทก์ซื้อจากจำเลยด้วยเงินสดด้วย รวม 10 เกวียน 50 ถังแล้วตกลงทำสัญญาฝากไว้ในยุ้งจำเลย ดังนี้ มิใช่นำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทำสัญญาหมาย จ.1 จริงซึ่งจำเลยสัญญาว่าจะคืนข้าวที่รักษาไว้แก่โจทก์จำเลยมีหน้าที่จะต้องส่งมอบข้าวเปลือกนั้นคืนให้แก่โจทก์ตามสัญญาหรือใช้ราคาให้โจทก์ โดยไม่จำเป็นจะต้องก้าวล่วงไปวินิจฉัยถึงปัญหาการซื้อขายและการรับฝากข้าวเปลือกว่าชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460 และ 657 หรือไม่ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้ง 14/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาฝากรักษาข้าว: การนำสืบการได้มาซึ่งข้าวไม่เป็นการนอกฟ้อง และจำเลยมีหน้าที่คืนข้าวตามสัญญา
ฟ้องว่าโจทก์นำข้าวเปลือก 10 เกวียน 50 ถัง ฝากในยุ้งจำเลย โจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ได้ตกลงเอาข้าวเปลือกชำระหนี้ แทนเงินที่ติดค้างโจทก์อยู่ และที่โจทก์ซื้อจากจำเลยด้วยเงินสดด้วย รวม 10 เกวียน 50 ถังแล้วตกลงทำสัญญาฝากไว้ในยุ้งจำเลย ดังนี้มิใช่นำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทำสัญญาหมาย จ.1 จริงซึ่งจำเลยสัญญาว่าจะคืนข้าวที่รักษาไว้แก่โจทก์ จำเลยมีหน้าที่จะต้องส่งมอบข้าวเปลือกนั้นคืนให้แก่โจทก์ตามสัญญาหรือใช้ราคาให้โจทก์ โดยไม่จำเป็นจะต้องก้าวล่วงไปวินิจฉัยถึงปัญหาการซื้อขายและการรับฝากข้าวเปลือกว่าชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460 และ 657 หรือไม่ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบถึงมูลเหตุการกู้เงินและการระบุหนี้ร่วมในฟ้อง ไม่เคลือบคลุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปทำการค้าค้างดอกเบี้ย โจทก์จึงเอาดอกเบี้ยและต้นเงินรวมกันทำสัญญากู้ไว้ ดังนี้ เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุที่นำมาสู่การทำสัญญากู้เงินเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ตามฟ้องจริง และได้มีการตกลงกันให้ถือว่าจำเลยได้รับเงินแล้วอย่างไร ดังนี้ ย่อมสืบได้หาเป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ ทั้งโจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องกล่าวอ้างตั้งประเด็นเรื่องที่นำสืบนั้นมาในฟ้องด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "จำเลยที่ 2 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 และเป็นหนี้ก่อขึ้นระหว่างสมรส เป็นหนี้ร่วม จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดใช้หนี้โจทก์ด้วยดังนี้ เห็นได้ว่าคำฟ้องของโจทก์แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า "เป็นหนี้ร่วม" ก็หมายถึงหนี้ดังระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1)(2)(3)(4)ฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม ส่วนจะเป็นหนี้ร่วมชนิดใดนั้นเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบต่อไปในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174-1175/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ของโจทก์ในคดีถูกไล่ออก แม้จำเลยไม่นำสืบ
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยแกล้งใส่ความโจทก์ หาว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และแกล้วไล่โจทก์ออกจากงานโดยโจทก์มิได้กระทำผิดตามที่จำเลยกล่าวหา ดังนี้ ถึงแม้ศาลจะสั่งให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์มีเจตนาทุจริตทำให้จำเลยเสียหายและจำเลยไม่สืบก็ตาม แต่โจทก์ย่อมมีภาระพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำฟ้องของตนว่า จำเลยแกล้งไล่โจทก์ออกจากงาน เพราะโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเพื่อพิสูจน์สิทธิในทรัพย์มรดกและการยึดทรัพย์: การสละสิทธิในมรดก
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวในคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดว่าจำเลยไม่มีสิทธิรับมรดกของ ค. โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาท ผู้ร้องย่อมนำสืบได้ว่า ก.ภริยาจำเลยได้ขอร้องบรรดาพี่น้องขอแบ่งเงินสดและได้ตกลงแบ่งเงินสดให้ ก. ก.สละสิทธิไม่เกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกต่อไป เป็นเรื่องที่อยู่ในประเด็นตามคำร้องที่นำสืบได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายและการนำสืบหักล้าง
โจทก์ฟ้องว่า ได้ที่พิพาทมาโดยจำเลยตีราคาชำระหนี้ให้โจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยเอาที่พิพาทตีราคาใช้หนี้โจทก์โจทก์เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยจำเลยดังนี้ เมื่อที่พิพาทเป็นที่ดินที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน และโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าโจทก์เข้ายึดถือที่พิพาทเพื่อตนโจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองจำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าว เมื่อจำเลยไม่สืบต้องถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายได้สิทธิครอบครองในที่พิพาทจำเลยต้องแพ้คดีโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานเอกสารมหาชน & การโต้แย้งกระบวนพิจารณา: การนำสืบ & สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา
เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติถึงเรื่องพยานเอกสารมหาชนไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำมาตรา 127 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอันว่าด้วยการนำสืบเอกสารมหาชนมาใช้บังคับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และมาตรา 226 บัญญัติไว้
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยอ้างคำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานจำเลย แต่จำเลยมิได้ถามค้านโจทก์หรือพยานโจทก์ถึงว่าได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนอย่างใดไว้ ศาลจึงรับเอาคำให้การชั้นสอบสวนมาเป็นข้อเสื่อมเสียแก่คดีโจทก์ไม่ได้นั้น ปัญหาข้อนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ฝ่ายโจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลชั้นต้นจกแจ้งข้อโต้แย้งนี้ไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาหรือยื่นคำแถลงโต้แย้งคัดค้านไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 และ มาตรา 226(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 แต่โจทก์หาได้ปฏิบัติการดังกล่าวแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานสัญญากู้เป็นซื้อขายที่ดิน: การนำสืบเพื่อพิสูจน์มูลเหตุสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เป็นเรื่องการซื้อขายที่ดินกัน ตอนหลังว่าแม้การกู้จะไม่เป็นโมฆะสัญญากู้ก็มีว่า เมื่อจำเลยไม่ใช้เงินให้ จะขอมอบที่ดินให้โจทก์และภรรยาเป็นกรรมสิทธิ์และจำเลยก็ได้ส่งมอบที่ดินที่ซื้อขายให้ภรรยาโจทก์เข้าครอบครองแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมจึงเป็นอันระงับไปนั้นการที่จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้นี้จึงไม่เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร แต่เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุที่จะทำสัญญากู้ ซึ่งอาจแสดงว่าสัญญากู้สมบูรณ์หรือไม่จึงชอบที่จะนำสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์หลักฐานสัญญาและการต่อสู้เรื่องมูลหนี้ตามสัญญาจำนอง การนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัญญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินของโจทก์ไป จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ และไม่เคยทำสัญญากู้ และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ที่โจทก์จะสั่งมาให้จำเลย ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบก่อนให้ข้อเท็จจริงปรากฎดังฟ้อง ส่วนข้อที่จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์นั้น เป็นแต่เพียงเหตุผลประกอบการปฏิเสธหนี้อันเป็นประชาชนที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุเรียกร้องเท่านั้น
สัญญาจำเลย คือ สัญญาที่ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และการประกันหนี้ในอนาคตจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
ในสัญญาจำนองมีข้อความว่าจำนองประกันเงินกู้ จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำจำนองเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ ไม่ใช่ประกันการกู้ยืมเงินนั้น เป็นการต่อสู้ในเรื่องมูลหนี้ที่ทำจำนองไม่ใช่เป็นการปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนอง จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้และฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่ไม่มีหนังสือสัญญากู้มาแสดง มีแต่สัญญาจำนองซึ่งมีข้อความว่า จำเลยจำนองประกันเงินกู้ เมื่อฟ้องโจทก์แสดงสภาพแห่งข้อหาโดยถือเอาหนังสือสัญญากู้เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแหล่งข้อหาแล้ว โจทก์ไม่นำต้นฉบับหนังสือสัญญากู้ที่กล่าวอ้างมาแสดง และไม่มีสิทธิสืบพยานอื่นถึงการเคยมีอยู่ของเอกสารเช่นว่านั้น โจทก์จะขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ เปลี่ยนไปจากข้ออ้างเดิมไปนั้นหาได้ไม่
of 16