พบผลลัพธ์ทั้งหมด 246 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์มิอาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากัน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. โอนชำระหนี้จำนองแก่โจทก์ จำเลยอาศัยอยู่ในทรัพย์พิพาทโดยไม่มีสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิมโจทก์แจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากทรัพย์พิพาทของโจทก์แล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ซื้อทรัพย์พิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. และได้ครอบครองทรัพย์พิพาทตามสัญญาโดยไม่ต้องเสียค่าเช่ามาก่อนที่โจทก์จะได้รับโอนทรัพย์พิพาทเป็นการชำระหนี้จำนองจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ว.จำเลยจึงมีสิทธิในทรัพย์พิพาทดีกว่าโจทก์ เพราะจำเลยมีสัญญาซื้อขายกับเจ้าของเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องแย้งไว้พิจารณาอ้างว่าฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ก็ถือว่าไม่มีประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้ง ในอันที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาพิพากษาเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ก็ชอบที่จะต้องพิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์จึงนำข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว และที่ศาลชั้นต้นไม่รับไว้พิจารณามาพิพากษายกฟ้องแย้งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การและการพิจารณาคดีแพ่งที่มิใช่คดีเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยานจำเลยย่อมจะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้และการยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าคำให้การเดิมบกพร่อง ไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง ขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้องเมื่อคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิม เป็นแต่เพียงเพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้นจึงชอบที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาตการดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคารที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาในคดีอาญาต่อคดีแพ่ง และการพิจารณาคดีเมื่อพยานหลักฐานยังไม่พอพิพากษา
คดีก่อนพนักงานอัยการฟ้องนายโหมดผู้ที่โจทก์มอบให้ดูแลที่พิพาทแทนโจทก์ในข้อหาบุกรุก คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่า นายโหมดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 คำพิพากษาดังกล่าวที่ว่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
คำแถลงร่วมของคู่ความที่ว่า "ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยโดยคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าว (คดีก่อน) มาประกอบการพิจารณาพิพากษาในสำนวนนี้ด้วย" นั้น คู่ความหาได้ตกลงกันให้ศาลนำข้อเท็จจริงที่รับฟังโดยคำพิพากษาคดีก่อนมาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้โดยคู่ความไม่สืบพยานไม่ เพียงแต่ให้นำมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาในคดีนี้ด้วยเท่านั้น เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วกับคำแถลงร่วมดังกล่าว ยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ ชอบที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
คำแถลงร่วมของคู่ความที่ว่า "ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยโดยคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าว (คดีก่อน) มาประกอบการพิจารณาพิพากษาในสำนวนนี้ด้วย" นั้น คู่ความหาได้ตกลงกันให้ศาลนำข้อเท็จจริงที่รับฟังโดยคำพิพากษาคดีก่อนมาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้โดยคู่ความไม่สืบพยานไม่ เพียงแต่ให้นำมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาในคดีนี้ด้วยเท่านั้น เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วกับคำแถลงร่วมดังกล่าว ยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ ชอบที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3163/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย และผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามโจทก์ว่าจะคัดค้านหรือไม่ กลับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปเลย โดยไม่พิเคราะห์ว่ามีเหตุจำเป็นจะต้องเลื่อนคดีหรือไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 40
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เสมียนทนายจำเลยนั่งฟังการสืบพยานโจทก์อยู่ด้วย และในนัดต่อมาพยานโจทก์ดังกล่าวจะได้มาศาลและให้ทนายจำเลยซักค้านแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม่เสียความเป็นธรรม เพราะในระหว่างที่ทนายโจทก์หรือศาลซักถามพยานโจทก์นั้น อาจมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดีเกิดขึ้น เสมียนทนายผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจว่าความอย่างทนายความได้ จึงไม่มีสิทธิคัดค้านกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินไปในช่วงนั้น นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติมาตรา 36 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบังคับว่า การนั่งพิจารณาคดีต้องกระทำต่อหน้าคู่ความที่มาศาลและโดยเปิดเผย อันเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม
แม้จำเลยจะมิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่ก็ได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้และใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้
การที่ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง เป็นกรณีมีความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทั้งเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก สมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เสมียนทนายจำเลยนั่งฟังการสืบพยานโจทก์อยู่ด้วย และในนัดต่อมาพยานโจทก์ดังกล่าวจะได้มาศาลและให้ทนายจำเลยซักค้านแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม่เสียความเป็นธรรม เพราะในระหว่างที่ทนายโจทก์หรือศาลซักถามพยานโจทก์นั้น อาจมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดีเกิดขึ้น เสมียนทนายผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจว่าความอย่างทนายความได้ จึงไม่มีสิทธิคัดค้านกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินไปในช่วงนั้น นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติมาตรา 36 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบังคับว่า การนั่งพิจารณาคดีต้องกระทำต่อหน้าคู่ความที่มาศาลและโดยเปิดเผย อันเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม
แม้จำเลยจะมิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่ก็ได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้และใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้
การที่ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง เป็นกรณีมีความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทั้งเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก สมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2714/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา: เหตุสมควรและผลกระทบต่อจำเลย
แม้ศาลชั้นต้นจะสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว แต่ก่อนศาลมีคำพิพากษา ศาลจะต้องตรวจสำนวนไตร่ตรองพิจารณาและอาจสืบพยานของศาลเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 228 ได้ ฉะนั้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจึงเรียกว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา เมื่อมีเหตุอันควรโจทก์ย่อมขอเพิ่มเติมฟ้องได้
โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องโดยอ้างว่าพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุตกไป นับว่ามีเหตุอันสมควรที่โจทก์จะขอเพิ่มเติมฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 สถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดเป็นรายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้อง โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธลอยและนำสืบฐานที่อยู่แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาของโจทก์ดี ไม่ว่าโจทก์จะได้บรรยายสถานที่เกิดการกระทำผิดมาในฟ้องตั้งแต่แรกหรือไม่ ที่โจทก์ขอเพิ่มเติมสถานที่กระทำผิดจึงไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้
โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องโดยอ้างว่าพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุตกไป นับว่ามีเหตุอันสมควรที่โจทก์จะขอเพิ่มเติมฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 สถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดเป็นรายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้อง โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธลอยและนำสืบฐานที่อยู่แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาของโจทก์ดี ไม่ว่าโจทก์จะได้บรรยายสถานที่เกิดการกระทำผิดมาในฟ้องตั้งแต่แรกหรือไม่ ที่โจทก์ขอเพิ่มเติมสถานที่กระทำผิดจึงไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่แจ้งคู่ความร่วมรับทราบการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยร่วมได้รับสำเนาอุทธรณ์แล้ว หรือได้มีการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยร่วมโดยการปิดประกาศไว้หน้าศาลแทนการส่งหมายแต่อย่างใด การพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงเป็นการพิจารณาคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยเท่านั้น โดยไม่มีจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ด้วย ทั้ง ๆ ที่จำเลยร่วมยังเป็นคู่ความอยู่ และมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยร่วมตามอุทธรณ์ของจำเลยอยู่ด้วยทั้งศาลชั้นต้นมิได้แจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยร่วมทราบแต่อย่างใด จึงเป็นอันว่าจำเลยร่วมพ้นจากคดีไปลอย ๆ เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ศาลฎีกาต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2), 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิขอตรวจพิสูจน์หลักฐาน และดุลพินิจศาลในการตรวจพิสูจน์เอกสาร
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ส่งเอกสารสัญญากู้ไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ตรวจพิสูจน์ ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ คงมีคำสั่งในคำร้องของจำเลยฉบับเดียวกันนี้เพียงว่า ให้นำสำนวนคดีที่จำเลยอ้างมาผูกรวมไว้ เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยจนจำเลยแถลงหมดพยานไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา โดยไม่มีฝ่ายใดหยิบยกเรื่องการตรวจพิสูจน์เอกสารขึ้นเพื่อการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นอีกเลยดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้สละแล้วซึ่งการขอให้มีการตรวจพิสูจน์เอกสารและการนำสืบโดยผู้ชำนาญการพิเศษ ทั้งถือได้ว่าการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้เสร็จสิ้นแล้ว การที่จำเลยยกเอาข้อที่ตนได้สละ และมิได้เป็นข้อที่ว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นมาเป็นข้ออุทธรณ์เพื่อขอให้มีการสืบพยานจำเลยในข้อนี้ จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ที่แก้ไขใหม่ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
การตรวจบุคคล วัตถุ สถานที่ หรือตั้งผู้เชี่ยวชาญ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อเห็นเป็นการสมควร ซึ่งย่อมขึ้นอยู่แก่พฤติการณ์ของคดีแต่ละกรณี มิใช่เป็นการบังคับให้จำต้องกระทำเสมอไป ดังที่บัญญัติไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 99 และมาตรา 129ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
การตรวจบุคคล วัตถุ สถานที่ หรือตั้งผู้เชี่ยวชาญ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อเห็นเป็นการสมควร ซึ่งย่อมขึ้นอยู่แก่พฤติการณ์ของคดีแต่ละกรณี มิใช่เป็นการบังคับให้จำต้องกระทำเสมอไป ดังที่บัญญัติไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 99 และมาตรา 129ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้สองสถานและทำแผนที่พิพาทเป็นดุลพินิจศาล ไม่บังคับตามกฎหมาย หากไม่ทำให้การพิจารณาคดีง่ายขึ้น ศาลไม่จำเป็นต้องทำ
การชี้สองสถานนั้นเป็นดุลพินิจของศาล ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าการชี้สองสถานจะทำให้การพิจารณาคดีง่ายเข้า ก็จะกำหนดให้มีการชี้สองสถาน แต่ถึงหากจะมีการชี้สองสถานไป ก็ไม่ทำให้การพิจารณาง่ายยิ่งขึ้นไปแต่ประการใด ก็ไม่จำเป็นต้องมีการชี้สองสถานและทำแผนที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3364/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่แจ้งจำเลยร่วมในชั้นอุทธรณ์ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ร่วมรับผิดฐานละเมิดจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธอ้างว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยร่วม และขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) จำเลยร่วมให้การปฏิเสธและเป็นปรปักษ์ทั้งต่อโจทก์และจำเลยทั้งสองเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ อ้างว่าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะความผิดของจำเลยร่วมเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยร่วมยังเป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์การที่ศาลชั้นต้นจัดส่งสำเนาให้เฉพาะโจทก์และไม่นัดให้จำเลยร่วมมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นเหตุให้จำเลยร่วมพ้นจากคดีไปลอยๆ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ศาลฎีกาต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา243(2),247 ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมแล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อการแก้ไขสถานการณ์ทำให้การพิจารณาคดีไม่มีประโยชน์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคมเรื่องการเลือกตั้งนายกและกรรมการของสมาคม ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีการประชุมใหญ่อีกที่ประชุมใหญ่ได้มีมติเลือกตั้งนายกและกรรมการของสมาคมใหม่นายกและกรรมการของสมาคมชุดที่ผู้ร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมดสภาพไป จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องต่อไปศาลอุทธรณ์มีอำนาจมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้