พบผลลัพธ์ทั้งหมด 306 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5782/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของจำเลยในการก่อสร้างทางหลวงทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
กรมทางหลวงจำเลยขุดดินมากองไว้บนถนนทางหลวงที่ใช้สำหรับยวดยานพาหนะผ่านไปมาในลักษณะกีดขวางการจราจรในช่องเดินรถของผู้ตายโดยเพิ่งขุดกองไว้ในวันเกิดเหตุแต่มิได้ติดตั้งป้ายสัญญาณหรือไฟสัญญาณเตือนให้ผู้ขับยวดยานพาหนะผ่านไปมาทราบว่ามีกองกินอยู่ข้างหน้าจำเลยย่อมคาดได้แต่แรกว่าหากไม่มีป้ายสัญญาณและไฟสัญญาณในเวลากลางคืนให้เห็นชัดเจนแล้วก็อาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายจากกองดินดังกล่าวได้โดยง่ายเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างมากการที่ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ในช่องเดินรถของตนในเวลากลางคืนด้วยความเร็วธรรมดาโดยไม่มีโอกาสเห็นกองดินที่จำเลยดำเนินการขุดไว้ข้างหน้าตามสมควรจนทำให้รถผู้ตายชนกองดินดังกล่าวเป็นผลโดยตรงจากการประมาทเลินเล่อของจำเลยจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้โจทก์จะได้รับเงินทำบุญในการจัดงานศพก็ถือว่าเป็นเงินที่ให้แก่กันตามประเพณีในสังคมจึงเป็นคนละส่วนกันค่าใช้จ่ายในการปลงศพไม่อาจนำมาหักออกจากค่าปลงศพที่โจทก์ได้จ่ายไปจริงเพื่อลดภาระหนี้ที่จำเลยทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: การลดทอนประโยชน์ใช้สอยทางภารจำยอมจากการก่อสร้างสิ่งกีดขวาง
ที่ดินของโจทก์ทั้งเจ็ดและจำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกันเจ้าของที่ดินเดิมได้แบ่งแยกออกเป็นแปลงโดยกันที่ดินด้านละ2เมตรทำถนนเป็นทางออกของที่ดินแต่ละแปลงออกสู่ถนนสาธารณะโจทก์ทั้งเจ็ดซื้อที่ดินของแต่ละคนและใช้ถนนรวมทั้งส่วนที่อยู่ในที่ดินของจำเลยเป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะโดยสงบและโดยเปิดเผยเกินกว่า10ปีจึงได้ภารจำยอมในที่ดินของจำเลยส่วนที่เป็นถนนโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1401 ทางภารจำยอมมีความกว้าง4เมตรเศษภายหลังจากจำเลยสร้างรั้วแล้วเหลือความกว้างเพียง3.45เมตรย่อมทำให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดลงไปและเสื่อมความสะดวกสำหรับโจทก์ที่ใช้รถบรรทุกเข้าออกตามปกติจำเลยจึงไม่มีสิทธิสร้างรั้วพิพาทในแนวภารจำยอมนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5490/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญาจ้างก่อสร้าง: ใช้บังคับเมื่อลงมือทำงานแล้ว แต่ไม่แล้วเสร็จ ไม่ครอบคลุมกรณีไม่ลงมือทำงานเลย
สัญญาจ้างข้อ19(1)ระบุว่าถ้าจำเลยส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญาจำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันนับแต่วันที่ล่วงเลยกำหนดวันแล้วเสร็จตามสัญญาและตามสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อสัญญาว่าถ้าจำเลยไม่ลงมือทำการก่อสร้างเลยได้กำหนดเบี้ยปรับกันไว้อย่างไรเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ19(1)เป็นเบี้ยปรับที่กำหนดไว้สำหรับกรณีที่จำเลยส่งมอบงานล่าช้ากว่ากันแล้วเสร็จตามสัญญาซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวว่าจะใช้บังคับเฉพาะในกรณีที่จำเลยได้ลงมือทำการก่อสร้างแล้วแต่การก่อสร้างนั้นไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาโดยที่ยังมิได้ทำการก่อสร้างตามสัญญาเลยโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ19(1)จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารโดยไม่ขออนุญาต เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งรื้อถอนได้ แม้เป็นอาคารในที่ดินราชพัสดุ
แม้อาคารที่จำเลยผู้เช่าก่อสร้างขึ้นอยู่ในที่ดินราชพัสดุและอาคารดังกล่าวตกเป็นของกระทรวงการคลังผู้ให้เช่าตามสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุแต่เมื่อจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและมิได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตก่อสร้างเจ้าพนักงานท้องถิ่นย่อมมีอำนาจสั่งให้รื้อถอนได้จำเลยจะอ้างว่าไม่มีหน้าที่ต้องรื้อถอนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตบนที่ดินราชพัสดุ เจ้าของอาคารมีหน้าที่รื้อถอน แม้กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของรัฐ
จำเลยก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นในที่ดินราชพัสดุที่จำเลยเช่าและแม้อาคารดังกล่าวตกเป็นของกระทรวงการคลังตามสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุแต่อาคารดังกล่าวมิใช่อาคารที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตก่อสร้างต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามที่ระบุไว้ในข้อ1แห่งกฎกระทรวงมหาดไทยฉบับที่9(พ.ศ.2528)ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522เมื่อจำเลยก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก็เป็นการก่อสร้างโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา21เจ้าพนักงานท้องถิ่นย่อมมีอำนาจสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างรื้อถอนอาคารนั้นได้ตามมาตรา42
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างรุกล้ำแนวเขตและผลกระทบต่อแสงสว่าง-ลม โจทก์มีส่วนผิดและผลกระทบไม่ร้ายแรง
แม้จำเลยจะได้ก่อสร้างตึกแถวชิดแนวเขตที่ดินเกินไป แต่ก็มิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ และโจทก์เองก็ได้ปลูกบ้านชิดแนวเขตมากเกินไปด้วย โจทก์จึงมีส่วนผิดอยู่ด้วย ปรากฏว่าหลังคาตึกแถวจำเลยสูงกว่าหลังคาบ้านโจทก์เพียง 1 เมตรและยังมีช่องให้แสงสว่างเข้าได้พอสมควร ซึ่งลมก็ย่อมจะพัดผ่านบ้านโจทก์ได้บ้างแม้ไม่มากเหมือนดังเดิม ทั้งไม่ปรากฏว่าตึกแถวจำเลยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลมหรือแสงสว่างแต่อย่างใด และในสภาวะที่บ้านโจทก์สร้างด้วยไม้ย่อมแก้ไขปรับปรุงได้ไม่ยาก ซึ่งก็ปรากฏว่าโจทก์ได้แก้ไขหน้าต่างไปแล้ว ในสภาพที่เป็นชุมชนผู้ที่อยู่อาศัยย่อมจะต้องยอมรับความลำบากอยู่บ้าง ฉะนั้นเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่ของบ้านโจทก์และจำเลยมาคำนึงประกอบแล้ว เห็นว่าโจทก์มิได้เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างรุกล้ำกีดขวางสิทธิของผู้อื่น แม้สร้างในที่ดินของตนเอง ก็เป็นการละเมิด
แม้โจทก์ก่อสร้างตึกผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคารและเทศบัญญัติก็เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะต้องดำเนินการกับโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุดังกล่าวก่อสร้างแผ่นเหล็กกั้นจนเป็นเหตุให้ปิดกั้นแสงแดดและทางลมที่จะเข้าตึกโจทก์ได้ และแม้จำเลยจะก่อสร้างในเขตที่ดินของจำเลยก็เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 421
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้ก่อสร้างอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคารที่เปลี่ยนแปลงระหว่างการพิจารณา
แม้นับแต่เวลาที่โจทก์ยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารจนถึงเวลาที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ก่อสร้างอาคารต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จะยังไม่มีประกาศกระทรวงมหาดไทยหรือข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครห้ามก่อสร้างอาคารในบริเวณที่โจทก์ประสงค์จะก่อสร้างก็ตาม แต่ตามกฎหมายที่ใช้ในขณะที่ศาลพิพากษาๆได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทริมถนนสุขาภิบาล 2 ทั้งสองฟาก ฯลฯ และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทริมถนนสุขาภิบาล 2 ทั้งสองฟาก ฯลฯ ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 9 และมาตรา 13แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ออกมาใช้บังคับโดยห้ามมิให้บุคคลใดทำการก่อสร้างอาคารในระยะ 15 เมตร จากเขตถนนทั้งสองฟากของถนนสุขาภิบาล 2และยังมีผลใช้บังคับอยู่ ซึ่งรวมถึงบริเวณสถานที่ที่โจทก์ประสงค์จะก่อสร้างอาคารของโจทก์ ศาลจึงไม่อาจพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตก่อสร้างอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคาร แม้ไม่มีข้อห้ามในตอนแรก แต่มีข้อห้ามใช้บังคับในภายหลัง
แม้นับแต่เวลาที่โจทก์ยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารจนถึงเวลาที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ก่อสร้างอาคารต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะยังไม่มีประกาศกระทรวงมหาดไทยหรือข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครห้ามก่อสร้างอาคารในบริเวณที่โจทก์ประสงค์จะก่อสร้างก็ตามแต่ตามกฎหมายที่ใช้ในขณะที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีจนถึงเวลาที่ศาลฎีกาพิพากษาคดีนี้ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างดัดแปลงใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทริมถนนสุขาภิบาล2ทั้งสองฟากฯลฯและข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างดัดแปลงใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทริมถนนสุขาภิบาล2ทั้งสองฟากฯลฯซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา9และมาตรา13แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522ออกมาใช้บังคับโดยห้ามมิให้บุคคลใดทำการก่อสร้างอาคารในระยะ15เมตรจากเขตถนนทั้งสองฟากของถนนสุขาภิบาล2และยังมีผลใช้บังคับอยู่ซึ่งรวมถึงบริเวณสถานที่ที่โจทก์ประสงค์จะก่อสร้างอาคารของโจทก์ศาลจึงไม่อาจพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.ครูทุจริตวัสดุราชการจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา
จำเลยทั้งสองเป็นข้าราชการครูได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิค ร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร. จึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัย ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเมื่อจำเลยทั้งสองให้ ก. นำเหล็กวัสดุที่เหลือใช้ไปเก็บไว้ที่ร้านของ ก. และให้ ก. เอาวัสดุดังกล่าวไปเสียเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157