พบผลลัพธ์ทั้งหมด 141 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรโชกทางวาจา และดุลยพินิจการนับโทษต่อ
ความผิดฐานกรรโชกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 303 นั้น แสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาล ดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303 แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลยพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ก็จะฎีกาขอ ให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
จำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาล ดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303 แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลยพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ก็จะฎีกาขอ ให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรโชกทางวาจาและการใช้ดุลพินิจนับโทษ
ความผิดฐานกรรโชกตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 303 นั้นแสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาลดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ก็จะฎีกาขอให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
จำเลยพูดขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาลดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ก็จะฎีกาขอให้นับโทษต่ออีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามปล้นทรัพย์ด้วยการขู่เข็ญและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยกับพวกรวมกันกว่า 3 คน มีศาตราวุธมาเรียกผู้เสียหายในเวลาดึก เพื่อทำการชิงทรัพย์ แต่หากผู้เสียหายรู้ทันไม่ยอมเปิด และเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับเสียก่อน ทั้งพวกจำเลยยังได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าพนักงานเพื่อให้หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาอีก ดังนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถานพร้อมอาวุธและการขู่เข็ญ ถือเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยและพวกรวม 6 คน มีมีดเป็นสาตราวุธบุกรุกขึ้นเรือนเจ้าทรัพย์อย่างโครมครามในเวลาดึก ประมาณ 23.00 น.และตีฝาปึงปัง จนเพื่อนบ้าน ก็ได้ยิน ภริยาเจ้าทรัพย์กลัวต้องหนีไป การกระทำของจำเลยกับพวกทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าเป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย จำเลยย่อมมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถานพร้อมอาวุธและการขู่เข็ญ ถือเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยและพวกรวม 6 คน มีมีดเป็นศาตราวุธบุกรุกขึ้นเรือนเจ้าทรัพย์อย่างโครมครามในเวลาดึกประมาณ23.00น.และตีฝาปึงปังจนเพื่อนบ้านก็ได้ยิน ภริยาเจ้าทรัพย์กลัวต้องหนีไป การกระทำของจำเลยกับพวกทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าเป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย จำเลยย่อมมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญตามกฎหมายอาญา: การกระทำโดยกิริยาและความเพียงพอของฟ้อง
คำว่าขู่เข็ญตามความในมาตรา 339 ข้อ 1 ก.ม.ลักษณะอาญา นั้นอาจมีความหมายไม่ฉะเพาะแต่ว่าจะต้องกระทำด้วยวาจา อาจหมายตลอดถึงการกระทำโดยกิริยาด้วย
ฟ้องบรรยายแต่เพียงว่าจำเลยชักอาวุธมีดไล่จะแทงนั้น ยังไม่พอจะฟังว่าเป็นการขู่เข็ญตามความในมาตรา 339 ข้อ 1.
ฟ้องบรรยายแต่เพียงว่าจำเลยชักอาวุธมีดไล่จะแทงนั้น ยังไม่พอจะฟังว่าเป็นการขู่เข็ญตามความในมาตรา 339 ข้อ 1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญตามกฎหมายอาญา: การกระทำโดยอาการกิริยาถือเป็นขู่เข็ญได้ แต่การบรรยายฟ้องต้องชัดเจน
คำว่าขู่เข็ญตามความในมาตรา 339 ข้อ 1 กฎหมายลักษณะอาญา นั้นอาจมีความหมายไม่เฉพาะแต่ว่าจะต้องกระทำด้วยวาจาอาจหมายตลอดถึงการกระทำโดยกิริยาด้วย
ฟ้องบรรยายแต่เพียงว่าจำเลยชักอาวุธมีดไล่จะแทงนั้นยังไม่พอจะฟังว่าเป็นการขู่เข็ญตามความในมาตรา 339 ข้อ 1
ฟ้องบรรยายแต่เพียงว่าจำเลยชักอาวุธมีดไล่จะแทงนั้นยังไม่พอจะฟังว่าเป็นการขู่เข็ญตามความในมาตรา 339 ข้อ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญด้วยอาวุธและการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกรวม 4 คนได้ขึ้นไปบนบ้านเจ้าทรัพย์ จับเจ้าทรัพย์กับพวกมัดไว้ และค้นเอาทรัพย์ จำเลยได้ใช้ปืนขว้างและถือปืนยืนร้องอยู่หน้าบันไดบ้านเจ้าทรัพย์ว่า "ไม่ใช่ธุระของใคร ๆ อย่าเข้ามา" ดังนี้ รูปคดีฟังได้ชัดว่า เป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญด้วยอาวุธและการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกรวม 4 คนได้ขึ้นไปบนบ้านเจ้าทรัพย์ จับเจ้าทรัพย์กับพวกมัดไว้ และค้นเอาทรัพย์ จำเลยได้ใช้ปืนขวางและถือปืนยืนร้องอยู่หน้าบันไดบ้านเจ้าทรัพย์ว่า"ไม่ใช่ธุระของใครๆ อย่าเข้ามา" ดังนี้ รูปคดีฟังได้ชัดว่า เป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ขู่เข็ญและบังคับเอาทรัพย์สินจากประชาชน
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่กำลังรักษาการณ์ในหน้าที่สรวมเครื่องแบบและมีอาวุธปืน จำเลยได้จับเจ้าทรัพย์ในลักษณะที่เป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ แล้วจำเลยบังคับให้เจ้าทรัพย์ให้ของกลางแก่จำเลย ก็เรียกได้ว่ามันบังคับให้เขาให้ทรัพย์อันมิควรจะได้ตามกฎหมายแก่ตัวมัน ต้องด้วยข้อบัญญัติตามมาตรา 136 ก.ม.ลักษณะอาญา แต่เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ จึงกลายเป็นความผิดหลายบท แต่ความผิดตามมาตรา 136 มีอัตราโทษหนักกว่า จึงให้วางโทษตามมาตรา 136.