คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 252 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยมิได้ระบุข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยกล่าวในฎีกาเพียงว่า 'จำเลยขอให้การกลับคำให้การในชั้นสอบสวน และในชั้นศาลทุกประการและทุกถ้อยกระทงความโดยจำเลยขอให้การว่ามิได้กระทำความผิดตามคำกล่าวหาของพนักงานสอบสวนและคำฟ้องของโจทก์' โดยมิได้ระบุข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จำเลยประสงค์จะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาแต่ประการใด ทั้งมิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้ไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างไร ฎีกาเช่นนี้ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากฎีกาโจทก์ไม่คัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกี่ยวกับพยานหลักฐานเท็จ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความเท็จในบันทึกการจับกุมไม่เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้นหรือเชื่อว่าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นความจริง พิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยดังกล่าว จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากฎีกาโจทก์ไม่คัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกี่ยวกับความผิดฐานทำพยานหลักฐานเท็จ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความเท็จในบันทึกการจับกุมไม่เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้นหรือเชื่อว่าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นความจริงพิพากษายกฟ้องโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยดังกล่าว จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายและการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าซ่อมหม้อแปลงไฟฟ้าจากจำเลยเป็นเงิน 19,920 บาท โดยอ้างว่าหม้อแปลงชำรุดในระหว่างเวลารับประกันศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยประกันจะซ่อมให้เมื่อหม้อแปลงชำรุดภายใน 180 วัน หม้อแปลงรายพิพาทชำรุดเมื่อพ้นเวลารับประกันแล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดพิพากษายกฟ้องดังนี้ โจทก์จะอุทธรณ์ได้เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายและการวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาจากพยานหลักฐานในสำนวนที่โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง และโจทก์มีสิทธินำสืบพยานว่าตามสัญญาซื้อขายจำเลยรับประกัน 5-10 ปีนั้นเมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยรับประกันเพียง 180 วัน หม้อแปลงรายพิพาทชำรุดเมื่อพ้นกำหนดเวลารับประกันแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิด ดังนั้น ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์อุทธรณ์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้พิจารณาพิพากษาใหม่ จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบ: การโต้แย้งความผิดโดยไม่ระบุข้อกฎหมายรองรับ
จำเลยฎีกาว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาจำเลยก็ยังไม่มีความผิดฐานพยายามกรรโชกตามฟ้องดังนี้ เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่ได้ยกข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงไว้โดยชัดแจ้งในฎีกาแต่ประการใดเลย จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อกฎหมายต้องยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก่อน จึงอุทธรณ์ได้ แม้คดีขอเฉลี่ยทรัพย์
คดีที่พิพาทกันในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์นั้น ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่คู่ความจะยกขึ้นอ้างอิงในการยื่นอุทธรณ์ได้ ก็จะต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
คำคัดค้านของโจทก์ที่คัดค้านคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อ้างว่า สัญญาจ้างว่าความที่พิพาททำขึ้นโดยฉ้อฉล แล้วกล่าวเสริมเพียงว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการขัดต่อศีลธรรมและมารยาทของทนายความตามกฎหมาย ดังนี้ ยังไม่เป็นการชัดแจ้งพอที่จะแสดงว่าโจทก์ประสงค์จะยกปัญหาว่า สัญญาจ้างว่าความที่พิพาทเป็นการขัดต่อกฎหมาย (พระราชบัญญัติทนายความ่และข้อบังคับว่าด้วยมารยาททนายความ) เป็นข้อคัดค้านต่อสู้ผู้ร้องด้วย ศาลจึงยกประเด็นเรื่องสัญญาจ้างว่าความดังกล่าวเป็นการสมยอมหรือไม่ขึ้นวินิจฉัยประการเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อกฎหมายต้องยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นก่อน จึงจะอุทธรณ์ได้ แม้คดีขอเฉลี่ยทรัพย์
คดีที่พิพาทกันในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์นั้น ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่คู่ความจะยกขึ้นอ้างอิงในการยื่นอุทธรณ์ได้ก็จะต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
คำคัดค้านของโจทก์ที่คัดค้านคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อ้างว่า สัญญาจ้างว่าความที่พิพาททำขึ้นโดยฉ้อฉล แล้วกล่าวเสริมเพียงว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการขัดต่อศีลธรรมและมารยาทของทนายความตามกฎหมาย ดังนี้ ยังไม่เป็นการชัดแจ้งพอที่จะแสดงว่าโจทก์ประสงค์จะยกปัญหาว่าสัญญาจ้างว่าความที่พิพาทเป็นการขัดต่อกฎหมาย(พระราชบัญญัติทนายความและข้อบังคับว่าด้วยมารยาททนายความ)เป็นข้อคัดค้านต่อสู้ผู้ร้องด้วย ศาลจึงยกประเด็นเรื่อง สัญญาจ้างว่าความดังกล่าวเป็นการสมยอมหรือไม่ขึ้นวินิจฉัยประการเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1296/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์หยิบยกประเด็นบันดาลโทสะได้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ข้อที่ว่าจำเลยได้กระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 นั้น แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลก็หยิบยกขึ้นอ้างเองได้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่ามีโอกาสชนะคดี หากพิจารณาใหม่
ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลที่กล่าวในคำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง เพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร มิใช่กล่าวแต่เพียงว่า คดีของจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ เพราะมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่สนับสนุนคดีของจำเลย โดยไม่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหรือเหตุผลและหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งในคำร้องขอว่า หากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว ฉะนั้นคำร้องขอของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเดิมตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย หากไม่ปฏิบัติตามฎีกายกคำพิพากษาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย มิได้อุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาแต่ประการใด ฉะนั้น ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนดังที่บัญญัติไว้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194 การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงใหม่ โดยมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอุทธรณ์เลยนั้นจึงมิชอบและแม้โจทก์จะมิได้ฎีกาในเรื่องนี้ก็ตาม แต่เมื่อเป็นปัญหาเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็ชอบที่จะยกขึ้นอ้างได้โดยพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาปัญหาข้อกฎหมายที่ จำเลยอุทธรณ์แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
of 26