คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อต่อสู้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบต้องสอดคล้องกับข้อต่อสู้เดิม การขีดฆ่าลายมือชื่อไม่ใช่การไม่ได้ลงลายมือชื่อ
การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การสู้คดีว่า มิได้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาท ย่อมมีความหมายชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3ไม่ได้ลงลายมือชื่อหรือไม่มีลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และที่ 3อยู่ด้านหลังเช็คพิพาทและเมื่อลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และที่ 3ไม่มีแล้ว การขีดฆ่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และ ที่ 3 ก็ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 นำสืบว่าในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้มีการขีดฆ่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และที่ 3แล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังจึงเป็นการนำสืบนอกประเด็นที่ให้การสู้คดีไว้ และการที่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกขีดฆ่านี้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และที่ 3 อยู่ด้านหลังเช็คพิพาทลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยังคงมีอยู่ แต่จำเลยที่ 2และที่ 3 จะต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาทหรือไม่เป็นอีกประเด็นหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเบิกเกินบัญชีและการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยเบิกเกินบัญชี โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับโจทก์ และตกลงว่าในกรณีเงินฝากคงเหลือในบัญชีดังกล่าวของจำเลยไม่พอจ่าย หากโจทก์ผ่อนผันจ่ายเงินไปก่อนแล้วจำเลยยอมชำระเงินจำนวนที่เบิกเกินบัญชีคืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย โดยส่งคำขอเปิดบัญชีและหลักฐานการหักทอนบัญชีมาพร้อมคำฟ้องนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามป.วิ.พ. มาตรา 172 แล้ว ส่วนข้อที่ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เมื่อใด มูลหนี้เกี่ยวกับอะไรและที่มาของมูลหนี้นั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถจะสืบได้ในชั้นพิจารณา
จำเลยยื่นเช็คและใบคืนเช็คมาท้ายฎีกาเพื่อสนับสนุนข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าไม่เคยทำข้อตกลงบัญชีเดินสะพัดกับโจทก์ โดยจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุเช็คกับใบคืนเช็คดังกล่าวเป็นพยาน และไม่ได้นำสืบไว้ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงรับฟังเช็คและใบคืนเช็คดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานไม่ได้
จำเลยฎีกาว่า โจทก์อนุมัติจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายจากบัญชีของจำเลยโดยประมาทเลินเล่อ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในต้นเงินและดอกเบี้ยโดยจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในข้อนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาและการยกข้อต่อสู้ระหว่างลูกหนี้ ผู้โอน และผู้รับโอน
โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญากู้จาก ฉ.โดยทำเป็นหนังสือและได้บอกกล่าวการโอนเป็นหนังสือไปยังจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้แล้ว การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย ส่วนกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้รับโอนได้นั้นจะต้องเป็นข้อต่อสู้ที่ลูกหนี้มีต่อผู้โอน หาใช่ข้อต่อสู้ระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนไม่ ดังนั้น กรณีที่ผู้โอนจะเป็นหนี้ผู้รับโอนหรือไม่ จึงเป็นเรื่องระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนมิใช่ระหว่างผู้โอนกับจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ จำเลยจึงหามีสิทธิยกเอาข้อต่อสู้ดังกล่าวขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้ไม่การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่าง ฉ. กับโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้อง: ลูกหนี้ยกข้อต่อสู้ได้เฉพาะกับผู้โอน ไม่สามารถยกข้อต่อสู้ระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนได้
การโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมีการบอกกล่าวลูกหนี้โดยชอบแล้วนั้นลูกหนี้สามารถยกข้อต่อสู้ที่ตนมีต่อผู้โอนขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้แต่หาอาจยกข้อต่อสู้ระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามกฎหมาย
การพิจารณาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ดังนั้น คำให้การของจำเลยในคดีดังกล่าวต้องแสดงโดยแจ้งชัดในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้น หรือแต่บางส่วนเมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความที่จะเรียกร้องให้จำเลยคืนราคาทรัพย์ได้แล้วที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จำเลยต้องยกข้อต่อสู้ในคำให้การ หากไม่ยกขึ้นว่ากันในชั้นศาลชั้นต้น จะยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
การพิจารณาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 บัญญัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คือแสดงโดยแจ้งชัดในคำให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น การที่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้เรื่องอายุความและขอให้หักผลประโยชน์ไว้ และศาลชั้นต้นก็ไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วจำเลยที่ 2 มาขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาย่อมต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225วรรคแรก ที่ว่าข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในการยื่นอุทธรณ์นั้น คู่ความจะต้องกล่าวไว้ชัดแจ้งในอุทธรณ์ และต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4686/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้สิทธิผู้ทรงเช็ค: การยกข้อต่อสู้อันอาศัยความสัมพันธ์กับผู้ทรงคนก่อน และความไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.
จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 904 เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 900, 914, 989ประกอบ 224 วรรคแรก
การที่จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง โจทก์บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อนำมาฟ้องจำเลย เพราะเช็คพิพาทจำเลยได้สั่งจ่ายให้แก่ผู้มีชื่อไว้เป็นประกันในการกู้ยืมเงิน มีคำสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามที่โจทก์อ้าง ความจริงแล้วโจทก์กับผู้มีชื่อที่โจทก์อ้างถึงไม่มีหนี้ต่อกัน โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบคำให้การของจำเลยเป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916ประกอบ 989 แต่คำให้การของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากผู้มีชื่อ ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยอย่างไร และที่จำเลยให้การว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ จำเลยก็มิได้อ้างเหตุที่โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทไม่ชอบอย่างไร คำให้การของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี คดีจึงไม่ต้องสืบพยานของคู่ความ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4282/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบธรรม เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามีข้อต่อสู้ที่มีเหตุผล
โจทก์ทั้งสามฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็ค เมื่อจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริง เบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์ทั้งสามเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยให้การว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสามนำเงินของโจทก์ทั้งสามไปลงทุนเล่นแชร์น้ำมันกับ ช.จึงสั่งจ่ายเช็คพิพาทไว้เป็นหลักฐาน เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดตามเช็ค หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงตกอยู่แก่จำเลย เมื่อจำเลยนำสืบฟังไม่ได้ตามที่ให้การต่อสู้ไว้จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสาม ส่วนเงินจำนวน 321,600 บาท ที่จำเลยรับไปจากโจทก์ที่ 2นั้น จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้เถียงว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใดจึงต้องฟังว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 คดีอาญามีผลชี้ขาดเพียงไม่มีมูลในเจตนากระทำผิดทางอาญาเท่านั้นทั้งคดีแพ่งที่โจทก์ทั้งสามฟ้องก็มิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาผลแห่งคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันคดีแพ่งนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4279/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันฉ้อฉลในการโอนเช็คต้องเกิดขึ้นขณะผู้ทรงรับโอน มิใช่หลังฟ้องคดี ผู้สั่งจ่ายยกข้อต่อสู้ไม่ได้
การโอนเช็คด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลที่จะเป็นเหตุให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 จะต้องเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลขณะที่ผู้ทรงรับโอนเช็คเท่านั้น มิใช่เป็นการคบคิดกันฉ้อฉลภายหลังจากที่มีการฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็ค ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 ผู้ทรงคนก่อนให้การต่อสู้คดีแล้วสละข้อต่อสู้ในภายหลังก็ดี หรือเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วโจทก์ผู้ทรงบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเพียงคนเดียวก็ดี จะถือว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3387/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142
จำเลยซึ่งชนะคดีในศาลชั้นต้นย่อมคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคำแก้อุทธรณ์สำหรับประเด็นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นนั้นได้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดีตามคำอุทธรณ์โดยมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยที่ 2 แก้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวให้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240(3)ประกอบมาตรา 247
of 35