พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3030/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้ขวานทำร้ายจนถึงแก่ความตาย และการไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยใช้ขวานด้ามยาว 80 เซนติเมตร หน้าขวานกว้าง 10 เซนติเมตร ฟันศรีษะผู้ตายที่บริเวณเหนือหูซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอย่างแรงจนกะโหลกศรีษะแตก สมองบวมโลหิตไหลจนแพทย์ไม่สามารถห้ามโลหิตได้ ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยฟันโดยเจตนาฆ่า ที่จำเลยไม่ฟันซ้ำเมื่อผู้ตายล้มลงและอุ้มผู้ตายไปรอขึ้นรถไปโรงพยาบาลนั้นเป็นเหตุการณ์หลังจากจำเลยฟันผู้ตายแล้ว เป็นการกระทำไปโดยสำนึกในความผิดที่ทำไปแล้ว หาทำให้การกระทำของจำเลยที่กระทำก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย กลับเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาฆ่าผู้ตายไม่
จำเลยเชื่อว่าต้นสะแบงที่ผู้ตายตัดมาไว้ที่นาของผู้ตายเป็นของจำเลยจึงเข้าไปพูดกับผู้ตาย ผู้ตายไม่ยอมรับว่าต้นสะแบงดังกล่าวตัดมาจากที่ดินของจำเลย และผู้ตายพูดกับจำเลยว่า "มึงจะไปที่ไหนก็ไป กูไม่กลัวมึงหรอก" จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตาย ถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยจะใช้ขวานฟันผู้ตาย จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
จำเลยเชื่อว่าต้นสะแบงที่ผู้ตายตัดมาไว้ที่นาของผู้ตายเป็นของจำเลยจึงเข้าไปพูดกับผู้ตาย ผู้ตายไม่ยอมรับว่าต้นสะแบงดังกล่าวตัดมาจากที่ดินของจำเลย และผู้ตายพูดกับจำเลยว่า "มึงจะไปที่ไหนก็ไป กูไม่กลัวมึงหรอก" จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตาย ถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยจะใช้ขวานฟันผู้ตาย จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาเจตนาและบทบาทสนับสนุนของผู้กระทำผิด
เมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาจะต่อสู้กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ทิ้งมีดและหยิบไม้ตีผู้ตายหนึ่งครั้งแล้วไม้ที่ถือก็ร่วงไปและเกิดกอดปล้ำกันขึ้น ขณะที่จำเลยที่ 2 กำลังกอดปล้ำกับผู้ตายผู้ตายจิกผมของจำเลยที่ 2 กดลงต่ำ จำเลยที่ 2 จึงใช้มีดแทงผู้ตายไปในขณะนั้นไม่มีโอกาสเลือกแทงได้ โดยถนัด บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย ยังไม่พอฟังว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 คงมีความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาเท่านั้น
เมื่อมีผู้ห้ามมิให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะกันจำเลยที่ 1 พูดให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะและต่อสู้กัน เมื่อจำเลยที่ 2 ถือมีดออกมาจากบ้านจำเลยที่ 1 ก็เดินตามหลังมาติดๆ เป็นการสมทบกำลังและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 จะต่อสู้กับผู้ตายเมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาและจำเลยที่ 2 ทิ้งมีด จำเลย จำเลยที่ 1 ก็บอกให้จำเลยที่ 2 เก็บมีดไว้กับตัว เป็นการช่วยเหลือแนะนำถึงวิธีต่อสู้ก่อนที่จะเข้าต่อสู้กัน พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2
เมื่อมีผู้ห้ามมิให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะกันจำเลยที่ 1 พูดให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะและต่อสู้กัน เมื่อจำเลยที่ 2 ถือมีดออกมาจากบ้านจำเลยที่ 1 ก็เดินตามหลังมาติดๆ เป็นการสมทบกำลังและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 จะต่อสู้กับผู้ตายเมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาและจำเลยที่ 2 ทิ้งมีด จำเลย จำเลยที่ 1 ก็บอกให้จำเลยที่ 2 เก็บมีดไว้กับตัว เป็นการช่วยเหลือแนะนำถึงวิธีต่อสู้ก่อนที่จะเข้าต่อสู้กัน พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2027/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งเท็จเกี่ยวกับเหตุการณ์รถชนถึงแก่ความตาย: มาตรา 172 เป็นบทเฉพาะ ใช้บังคับก่อนมาตรา 137
รถยนต์บรรทุกชนรถยนต์โดยสารตู้บนทางหลวง เป็นเหตุให้บุตรโจทก์และผู้อื่นในรถยนต์โดยสารตู้ถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นตำรวจทางหลวงได้ขับรถปฏิบัติหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุหลังจากเกิดเหตุแล้ว และมิได้เห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุรถชนกัน การที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยเห็นเหตุการณ์ขณะที่รถชนกัน โดยขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถวิทยุตำรวจทางหลวงตามหลังรถบรรทุกมา และได้เห็นรถโดยสารตู้พุ่งชนรถบรรทุกในช่องทางเดินรถของรถบรรทุกจึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งอาจทำให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 172 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเฉพาะแล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา137ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานทั่วๆ ไปอีก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 172 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเฉพาะแล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา137ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานทั่วๆ ไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน: การกระทำที่เล็งเห็นผลถึงแก่ความตาย แม้ไม่สำเร็จ
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกดินลูกรังสูงเกินกำหนด พอถึงจุดตรวจซึ่งมีแผงเหล็กเครื่องหมาย 'หยุด' ตั้งอยู่กลางถนนเจ้าพนักงานตำรวจได้เป่านกหวีดและให้สัญญาณให้จำเลยหยุดจำเลยกลัวถูกจับจึงไม่หยุดรถ แต่กลับเร่งเครื่องยนต์หลีกเครื่องหมายจราจรพุ่งเข้าใส่เจ้าพนักงานตำรวจที่ยืนอยู่ทางซ้าย 2-3 คน แต่เจ้าพนักงานตำรวจกระโดดหลบเสียทันดังนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่า รถยนต์ที่จำเลยขับพุ่งเข้าใส่เช่นนั้นจะต้องชนเจ้าพนักงานตำรวจที่ยืนอยู่ในถนนถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความตายของผู้ต้องหาในระหว่างพิจารณาคดีอาญาทำให้สิทธิฟ้องระงับ
จำเลยตายระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงเป็นอันระงับไปโดยความตายของผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: การพิจารณาการกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง
ผู้ตายเมาสุราเอาเท้าพาดหัวจำเลยลูบเล่น จำเลยจึงทำร้ายผู้ตายเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 และบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชุลมุนวิวาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การเข้าร่วมการต่อสู้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ใช้สิ่งของขว้างปากับกลุ่มคนที่ทะเลาะวิวาทกัน เป็นการเข้าร่วมในการชุลมุนวิวาทด้วย เมื่อเป็นเหตุให้มีคนตาย เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งพัสดุระเบิดถึงแก่ความตาย ความผิดตามมาตรา 288 หรือ 289
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย โดยใช้วัตถุระเบิดเป็นกับระเบิดส่งทางพัสดุไปรษณีย์ ผู้ตายได้รับพัสดุไปรษณีย์ที่จำเลยส่งไป ได้ร่วมกับพวกเปิดห่อพัสดุไปรษณีย์ เป็นเหตุให้กับระเบิดนั้นระเบิดขึ้นทำให้ผู้ตายกับพวกตายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งนี้โดยจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,289 ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ไม่ได้คงมีความผิดตามมาตรา 288 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281-282/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายระหว่างวิวาท ศาลพิจารณาเจตนาของผู้กระทำและเหตุแห่งการกระทำ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ 1 เจตนาฆ่าผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2 มีเจตนาทำร้ายเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 288 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 290 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ ข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288 เฉพาะจำเลยที่ 2 จึงเป็นอันถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 8 คงฎีกาได้เฉพาะข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาตามมาตรา 290 เท่านั้น
ผู้ตายกับ ส.ขึ้นไปบนเรือนดูดทรายและผู้ตายถือไม้พายติดมือขึ้นไปด้วยโดยมีเจตนาจะก่อการวิวาท เพราะผู้ตายเคยมีสาเหตุกับชาวเรือดูดทรายมาก่อน ทันทีที่ฝ่ายผู้ตายขึ้นไปบนเรือ ฝ่ายจำเลยซึ่งอยู่ในเรือดูดทรายและมีประมาณ 4 คนก็กรูกันเข้ามาหาและเกิดการต่อสู้ชกต่อยกันขึ้น ดังนี้ แสดงว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ฉะนั้นการที่จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายถูกที่ราวนม 2 แผล ระหว่างวิวาทต่อสู้กันนั้น จำเลยจะอ้างว่าแทงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนหาได้ไม่
ผู้ตายกับ ส.ขึ้นไปบนเรือนดูดทรายและผู้ตายถือไม้พายติดมือขึ้นไปด้วยโดยมีเจตนาจะก่อการวิวาท เพราะผู้ตายเคยมีสาเหตุกับชาวเรือดูดทรายมาก่อน ทันทีที่ฝ่ายผู้ตายขึ้นไปบนเรือ ฝ่ายจำเลยซึ่งอยู่ในเรือดูดทรายและมีประมาณ 4 คนก็กรูกันเข้ามาหาและเกิดการต่อสู้ชกต่อยกันขึ้น ดังนี้ แสดงว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ฉะนั้นการที่จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายถูกที่ราวนม 2 แผล ระหว่างวิวาทต่อสู้กันนั้น จำเลยจะอ้างว่าแทงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, โฆษณาเท็จ, และประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยที่ 1 มิได้เป็นแพทย์และมิได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ จัดให้มีการโฆษณาว่าสามารถรักษาโรคหลายชนิดให้หายได้ ประชาชนหลงเชื่อได้พากันไปรับรักษาโรคต่าง ๆ กับจำเลยที่ 1 วันละประมาณ 50 - 60 คน แต่ไม่หาย เพราะจำเลยที่ 1 มิได้รักษาโรคตามวิธีที่ถูกต้อง ในการรักษาดังกล่าวจำเลยคิดค่ารักษาคนละ 59 บาท ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากการหลอกลวง จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ผู้ตายเป็นโรคน้ำเลี้ยงสมองโป่งพอง มีเนื้อโป่งพองที่ดั้งจมูกมาแต่กำเนิดมารดาพาไปให้จำเลยที่ 1 รักษา จำเลยที่ 1 ใช้เข็มฉีดยาเจาะเนื้อที่โป่งพองแล้วเป่าพ่นด้วยน้ำลาย เมื่อเจาะแล้วมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากรูที่เจาะไม่หยุด กับมีอาการซูลซีดลงและอ่อนเพลีย หลังจากนั้นอีก 6 วันก็ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ผู้ตายเป็นโรคน้ำเลี้ยงสมองโป่งพอง มีเนื้อโป่งพองที่ดั้งจมูกมาแต่กำเนิดมารดาพาไปให้จำเลยที่ 1 รักษา จำเลยที่ 1 ใช้เข็มฉีดยาเจาะเนื้อที่โป่งพองแล้วเป่าพ่นด้วยน้ำลาย เมื่อเจาะแล้วมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากรูที่เจาะไม่หยุด กับมีอาการซูลซีดลงและอ่อนเพลีย หลังจากนั้นอีก 6 วันก็ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย