คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความน่าเชื่อถือ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 210 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6659/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของคำให้การผู้เสียหาย และพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในคดีข่มขืนกระทำชำเรา
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายคงมีแต่คำเบิกความของมารดาผู้ตายว่า ผู้ตายเล่าให้ฟังว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย กับคำเบิกความของ ล.และพนักงานสอบสวนซึ่งสอบปากคำผู้ตายที่ป่วยหนักใกล้จะตายต่อหน้า ล.ที่โรงพยาบาลว่าผู้ตายบอกว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายผู้ตายจึงดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไปและโจทก์อ้างคำให้การชั้นสอบสวนของผู้ตาย มารดาผู้ตายและพี่สาวเป็นพยานประกอบ แต่พยานโจทก์ดังกล่าวล้วนแต่ได้รับฟังการบอกเล่ามาจากผู้ตายทั้งคำให้การชั้นสอบสวนของผู้ตายก็เพียงแต่ให้การว่าจำเลยหลอกลวงไปข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง มิได้มีรายละเอียดว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราเมื่อใดและอย่างไร และมิได้ให้การว่าผู้ตายดื่มยาฆ่าหญ้าเพราะถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราตามที่พนักงานสอบสวนเบิกความ คำให้การของผู้ตายมีข้อน่าสงสัยและมีน้ำหนักน้อย พยานโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัยไม่มั่นคงเพียงพอ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6015/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำเบิกความของพยานร่วมกระทำผิดและมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ไม่พอรับฟังลงโทษได้
ลำพังคำเบิกความของพยานที่เคยถูกฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ของผู้เสียหายรายเดียวกันมาก่อน เป็นคำซัดทอดของผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกัน ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีอาญา: การพิสูจน์การจ้างวานฆ่าและคำรับสารภาพที่ไม่สมัครใจ
พยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่อ้างว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้จ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้ตายก็เพียงแต่สืบสวนทราบมาเท่านั้นการสืบสวนจับกุมก็ปรากฏว่านอกจากจำเลยทั้งสองแล้ว ยังได้จับส. มาด้วยอันแสดงถึงความไม่แน่นอน แม้แต่บันทึกการจับกุมก็ปรากฏรายชื่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และนายตำรวจชั้นประทวนรวมกันถึง 23 คน ซึ่งไม่ปรากฏจากคำเบิกความของพยานเลย การสืบสวนและการจับกุมดังกล่าวจึงเชื่อถือไม่ได้ และทำให้คำรับชั้นจับกุมของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 นำสืบโต้แย้งอยู่ว่าลงชื่อให้เพราะกลับถูกทำร้ายไม่มีน้ำหนักไปด้วยดุจกัน พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ลำพังแต่เพียงคำรับชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบโต้แย้งอยู่ว่ามิได้ให้การด้วยความสมัครใจไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษ จำเลยที่ 2 ฐานฆ่าผู้อื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: ความน่าเชื่อถือของพยานผู้เสียหายและเด็กหญิงจากความสัมพันธ์ทางญาติ
ผู้เสียหายถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บและแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจภายหลังออกจากโรงพยาบาลแล้วว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนร้ายที่ยิงผู้เสียหายคนหนึ่ง ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้เสียหายและภริยาซึ่งร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายจึงบอกภริยาขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า อย่างเพิ่งบอกความจริงต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ประกอบกับผู้เสียหายและเด็กหญิง ข. บุตรซึ่งเป็นประจักษ์พยานต่างเป็นญาติกับจำเลยที่ 1 ดังนั้น การที่ภริยาและเด็กหญิง ข. มิได้แจ้งความในทันทีทันใดจึงไม่เป็นข้อพิรุธ ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกับสถานที่เกิดเหตุและคำเบิกความอื่น
เด็กหญิง พ. ประจักษ์พยานโจทก์เบิกความว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของ ด. พยานเข้านอนเวลา19 นาฬิกาเศษ ต่อมาได้ยินเสียงคนเดินจึงตื่นขึ้น เห็นจำเลยมาที่หัวนอนเปิดมุ้งแล้วหยิบเอาวิทยุเทปไป แต่ตามแผนที่เกิดเหตุปรากฏว่าวิทยุไม่ได้วางที่หัวนอนและ ท.พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา 22 นาฬิกาผู้เสียหายมาแจ้งว่าสงสัย ช.ขโมยวิทยุเทปไปเมื่อท. บอกว่าช. ดื่มสุราอยู่กับตน ผู้เสียหายจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นสงสัยจำเลยเอาไป แสดงว่าในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ทราบว่าใครลักเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป คำเบิกความของเด็กหญิง พ. จึงไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดประกอบพยานหลักฐานอื่นมีน้ำหนักได้ หากผู้ซัดทอดไม่มีเหตุได้ประโยชน์จากการซัดทอด
คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 แม้เป็นคำซัดทอดก็รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ให้มีน้ำหนักได้ แต่ถ้าคำซัดทอดนั้นกระทำเพื่อให้ผู้ซัดทอดพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์ คำซัดทอดนั้นย่อมไม่มีน้ำหนัก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1ได้รับประโยชน์จากการซัดทอดถึงจำเลยที่ 2 ทั้งมีเหตุผลอยู่ในตัวว่าหากจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกระทำผิดก็ไม่น่าจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ให้การพาดพิงถึงจนกระทั่งเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจวางแผนการให้จำเลยที่ 1 นัดหมายให้จำเลยที่2 ออกจากบ้านมาเพื่อพบตนและถูกจับได้ แสดงให้เห็นว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ในส่วนที่พาดพิงถึงจำเลยที่ 2 มีความจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดประกอบพยานหลักฐานอื่นรับฟังได้ หากไม่มีเหตุผลให้เชื่อว่าผู้ซัดทอดต้องการพ้นผิด
คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 แม้เป็นคำซัดทอดก็รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ให้มีน้ำหนักได้ แต่ถ้าคำซัดทอดนั้นกระทำเพื่อให้ผู้ซัดทอดพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์ คำซัดทอดนั้นย่อมไม่มีน้ำหนัก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1ได้รับประโยชน์จากการซัดทอดถึงจำเลยที่ 2 ทั้งมีเหตุผลอยู่ในตัวว่าหากจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกระทำผิดก็ไม่น่าจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ให้การพาดพิงถึงจนกระทั่งเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจวางแผนการให้จำเลยที่ 1 นัดหมายให้จำเลยที่2 ออกจากบ้านมาเพื่อพบตนและถูกจัดได้ แสดงให้เห็นว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ในส่วนที่พาดพิงถึงจำเลยที่ 2 มีความจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์: การกระทำที่ยังไม่สำเร็จและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน
ในคืนเกิดเหตุจำเลยเดินเข้าไปใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายแล้วจับและดึงท้ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซึ่งใส่กุญแจคอ(ล็อก) อยู่บนขาตั้งผู้เสียหายร้องขึ้นว่า ขโมยจำเลยวิ่งหนีไป แม้รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายจะยังไม่เคลื่อนที่ไปก็ถือได้ว่า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีน: พฤติการณ์ร่วม, พยานหลักฐาน, และการโต้แย้งความน่าเชื่อถือ
การซื้อขายเฮโรอีนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1 อ้างว่าเพิ่งรู้จักจำเลยที่ 2 ในวันเกิดเหตุ จึงไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 จะกล้าบอกเรื่องการขายเฮโรอีนให้จำเลยที่ 1 ทราบและชวนจำเลยที่ 1 ไปรับเงินค่าขายเฮโรอีนด้วย การที่จำเลยที่ 1 ร่วมเดินทางไปยังจุดนัดพบซื้อขายเฮโรอีนกับจำเลยที่ 2จึงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ต้องมีส่วนเป็นเจ้าของเฮโรอีนของกลางและต้องการไปรับเงินค่าขายเฮโรอีนตามที่โจทก์นำสืบ(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์: การพิสูจน์การกระทำร่วมและการรับฟังพยานหลักฐานที่ขัดแย้ง
การที่จำเลยที่ 1 ขึ้นไปบนบ้านของผู้เสียหายพร้อมกับคนร้ายโดยยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ที่ชาน บ้านในลักษณะคุมเชิงส่วนคนร้ายเข้าไปคว้าปืนลูกซองยาวของผู้เสียหายที่แขวนไว้ข้างฝาและเกิดแย่งปืนกันกับภริยาของผู้เสียหายคนร้ายจึงได้ใช้เท้าแตะและชักมีดออกมาขู่ หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 และคนร้ายวิ่งหลบหนีไปพร้อมกัน พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับคนร้ายทำการปล้นทรัพย์ คำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานแตก ต่างจากคำเบิกความชั้นศาลในข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญที่บ่งชี้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับคนร้ายปล้นทรัพย์หรือไม่ เมื่อปรากฏว่าคำให้การชั้นสอบสวนเจือสมกับพยานโจทก์ปากอื่นที่ว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 อยู่นอกบ้านและวิ่งตามหลังภริยาของผู้เสียหายออกมาหลังจากคนร้ายวิ่งหลบหนีไปแล้ว ดังนั้น จะฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมปล้นทรัพย์ด้วยไม่ได้ แม้โจทก์จะมีคำขอให้ศาลสั่งริบมีดของกลาง แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่ได้ของกลางจากจำเลย จึงไม่มีของกลางที่จะริบต้องยกคำขอ.
of 21