คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 502 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถทั้งสองฝ่าย ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าเสียหาย
ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทเลินเล่อเช่นเดียวกับผู้ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัย ความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยย่อมไม่อาจมากหรือเกินไปกว่าความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3963/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกรรมการบริษัทจากการกระทำในกิจการของบริษัท: ตัวแทน vs. ลูกจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 2และเป็นผู้ควบคุมเรือของจำเลยที่ 2 โดยประมาท ถอยหลังมาชนเรือของโจทก์เสียหายทั้งสองลำ จำเลยที่ 1 กระทำในกิจการของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์คำฟ้องดังกล่าวเห็นได้ชัดว่า โจทก์มิได้ตั้งข้อหาว่าจำเลยที่ 1เป็นลูกจ้าง และกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หากแต่ตั้งข้อหาว่าจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 2 ได้กระทำการในกิจการของจำเลยที่ 2 โดยประมาท ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งหมายความว่าการควบคุมเรือของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำในกิจการของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1เป็นกรรมการของจำเลยที่ 2 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการทำแทนจำเลยที่ 2 ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 จึงมิได้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2634/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต แต่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่
เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดว่า การประกันภัยไม่คุ้มครองการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ หรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกินกว่า 180 วัน หรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในการขับรถยนต์ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ แต่การยกเว้นนี้จะไม่นำมาใช้ในกรณีที่มีความเสียหายต่อรถที่เกิดขึ้นมิใช่ความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยดังนี้ แม้จะปรากฏว่าในขณะเกิดเหตุรถยนต์ชนกัน ผู้ขับขี่รถที่เอาประกันภัยไม่มีหรือไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ก็ตาม เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ไว้ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับขี่ และฟ้องมิได้กล่าวไว้เช่นนั้น จำเลยย่อมไม่อาจนำข้อยกเว้นดังกล่าวมาใช้ปัดความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2634/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ผู้ขับไม่มีใบอนุญาต แต่จำเลยต้องรับผิดหากพิสูจน์ไม่ได้ว่าอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของผู้ขับ
ตามสัญญาประกันภัย คู่สัญญาตกลงยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยว่าการประกันภัยจะไม่คุ้มครองการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ ในเวลาเกิดอุบัติเหตุแต่การยกเว้นดังกล่าว จะไม่นำมาใช้กรณีที่ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นและมิใช่ความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าในขณะเกิดอุบัติเหตุผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้จะไม่มีหรือไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ก็ตาม แต่เมื่อผู้รับประกันภัยไม่ได้ต่อสู้ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของผู้เอาประกันภัยแล้วผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2469/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถชนกัน ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ศาลแก้ไขโทษจำคุกให้เหมาะสม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองขับรถยนต์ชนกันโดยประมาททำให้ผู้โดยสารในรถถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกาเมื่อศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองประมาท แต่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 2 หนักเกินไป เห็นควรแก้ไขให้เหมาะสม และเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสองเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกัน และหลังเกิดเหตุฝ่ายจำเลยที่ 1 ได้นำเงินไปช่วยเป็นค่าปลงศพและค่ามนุษยธรรมแก่ฝ่ายผู้เสียหาย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาโดยกำหนดโทษให้เบาลงอีกไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์สินต่อการสูญหายจากความประมาทเลินเล่อ แม้เกิดเหตุอาญา
โจทก์ฝากทรัพย์สินไว้แก่เจ้าหน้าที่ของจำเลยโดยมีบำเหน็จค่าฝาก จำเลยผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้น การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยใช้รถยนต์ของจำเลยขนทรัพย์สินของโจทก์ออกไปโดยหลบหนีภาษีศุลกากรจนทรัพย์สินของโจทก์ถูกยึดเป็นของกลางระหว่างดำเนินคดีอาญา แสดงว่า จำเลยขาดความระมัดระวังไม่ใช้ฝีมือสงวนรักษาทรัพย์สินที่รับฝากไว้เช่นวิญญูชนกรณีมิใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงต้องรับผิดในทรัพย์สินที่รับฝากจากโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และการแบ่งความรับผิดในอุบัติเหตุทางถนน พิจารณาจากพฤติการณ์และความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
เมื่อการที่มีรถยนต์เปิดไฟหน้ารถแล่นสวนทางมาหลายคันเป็นเหตุให้คนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์มองไม่เห็นทางเดินรถด้านหน้าที่อยู่ไกลหลังแสงไฟของรถยนต์ที่แล่นสวนทางมา คนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ควรชะลอความเร็วของรถลงเพื่อให้สัมพันธ์กับระยะทางที่ตนสามารถมองเห็นและหยุดรถได้ทัน หากมีสิ่งกีดขวางอยู่บนทางเดินรถ การที่คนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ไม่ระมัดระวังดังกล่าว กลับขับรถฝ่าแสงไฟของรถที่แล่นสวนทางมาโดยไม่ชะลอความเร็วลงให้ปลอดภัย จึงเกิดเฉี่ยวชนถูกรถยนต์ของฝ่ายจำเลย ซึ่งจอดกีดขวางทางเดินรถอยู่ เห็นได้ว่าคนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ขับรถยนต์ด้วยความประมาทมิได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอกับภาวะเช่นนั้น เหตุที่เกิดความเสียหายขึ้นจึงเป็นเพราะความประมาทของคนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ด้วย การกำหนดค่าสินไหมทดแทนจึงตกอยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 223 ที่ว่าฝ่ายผู้ก่อความเสียหายจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายเพียงใดต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ โดยพิจารณาว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งสองฝ่ายในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ค่าเสียหายตกเป็นพับ
ช.ขับรถยนต์ของโจทก์แซงรถผู้อื่นใกล้กับสี่แยกแล้วขับเข้าไปในบริเวณสี่แยกด้วยความเร็ว นับว่าเป็น การกระทำโดยประมาท สำหรับจำเลยที่ 1เมื่อขับรถมาถึงสี่แยกก็ชอบที่จะลดความเร็วของรถลงและตรวจดูให้ปลอดภัยเสียก่อนที่จะขับรถเข้าไปบริเวณสี่แยกแต่จำเลยที่ 1 กลับขับรถด้วยความเร็วโดยประมาทเข้าไปในสี่แยกที่เกิดเหตุ จึงเกิดชนกับรถยนต์ของโจทก์นับได้ว่าทั้งช.และจำเลยที่ 1 ต่างขับรถด้วยความประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ของโจทก์และรถยนต์ของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ค่าเสียหายจึงตกเป็นพับทั้งสองฝ่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการเปลี่ยนเลนตัดหน้า – ผู้ขับขี่มีหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง – การคิดดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน
ทางเดินรถในถนนพหลโยธินทั้งทางด้านขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพมหานครแบ่งเป็น 2 ช่องเดินรถ ระหว่างทางเดินรถขาเข้ากับขาออกจะเว้นช่องว่างไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นทางข้ามให้รถแล่นเลี้ยวไปสู่ทางเดินรถอีกด้านหนึ่งได้ รถยนต์บรรทุกแล่นในทางเดินรถด้านขาออก ถ้าหากจะเลี้ยวขวาเข้าไปในทางเดินรถด้านขาเข้า ตามปกติจะต้องแล่นในช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะไม่ต้องเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่น การที่รถยนต์บรรทุกแล่นในช่องเดินรถทางซ้ายของทางเดินรถขาออกและเลี้ยวขวาข้ามช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะเข้าไปในช่องว่างทางข้ามไปสู่ทางเดินรถขาเข้าโดยกระชั้นชิดและกะทันหันตัดหน้ารถยนต์เก๋ง ย่อมทำให้รถยนต์เก๋งไม่สามารถจะหยุดได้ทัน ถือได้ว่าคนขับรถยนต์บรรทุกกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง เพราะถ้าหากรถยนต์บรรทุกจะใช้ความระมัดระวังไม่รีบเลี้ยวขวาโดยทันทีโดยขับรถตรงไปก่อน ขอทางชิดขวาแล้วไปเลี้ยวขวาในช่องว่างทางข้ามช่องต่อไปก็ย่อมจะทำได้โดยปลอดภัย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าฝ่ายรถยนต์เก๋งประมาทเลินเล่ออย่างใด ดังนี้ถือว่าคนขับรถยนต์บรรทุกเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว
โจทก์เป็นผู้รับประกันภัย ฐานะของโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามป.พ.พ. มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดมีขึ้นนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหม-ทดแทนเป็นต้นไป จึงชอบที่จะคิดดอกเบี้ยให้นับแต่วันชำระค่าสินไหมทดแทน แต่เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าได้ชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวทั้งหมดหรือครั้งสุดท้ายไปเมื่อใดแน่ ศาลเห็นสมควรกำหนดให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ การเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่น และการรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัย
ทางเดินรถในถนนพหลโยธินทั้งทางด้านขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพมหานครแบ่งเป็น 2 ช่องเดินรถ ระหว่างทางเดินรถขาเข้ากับขาออกจะเว้นช่องว่างไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นทางข้ามให้รถแล่นเลี้ยวไปสู่ทางเดินรถอีกด้านหนึ่งได้ รถยนต์บรรทุกแล่นในทางเดินรถด้านขาออก ถ้าหากจะเลี้ยวขวาเข้าไปในทางเดินรถด้านขาเข้า ตามปกติจะต้องแล่นในช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะไม่ต้องเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่นการที่รถยนต์บรรทุกแล่นในช่องเดินรถทางซ้ายของทางเดินรถขาออกและเลี้ยวขวาข้ามช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะเข้าไปในช่องว่างทางข้ามไปสู่ทางเดินรถขาเข้าโดยกระชั้นชิดและกะทันหันตัดหน้ารถยนต์เก๋งย่อมทำให้รถยนต์เก๋งไม่สามารถจะหยุดได้ทัน ถือได้ว่าคนขับรถยนต์บรรทุกกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง เพราะถ้าหากรถยนต์บรรทุกจะใช้ความระมัดระวังไม่รีบเลี้ยวขวาโดยทันทีโดยขับรถตรงไปก่อน ขอทางชิดขวาแล้วไปเลี้ยวขวาในช่องว่างทางข้ามช่องต่อไปก็ย่อมจะทำได้โดยปลอดภัย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าฝ่ายรถยนต์เก๋งประมาทเลินเล่ออย่างใด ดังนี้ถือว่าคนขับรถยนต์บรรทุกเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว โจทก์เป็นผู้รับประกันภัย ฐานะของโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดมีขึ้นนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไปจึงชอบที่จะคิดดอกเบี้ยให้นับแต่วันชำระค่าสินไหมทดแทน แต่เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าได้ชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวทั้งหมดหรือครั้งสุดท้ายไปเมื่อใดแน่ ศาลเห็นสมควรกำหนดให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
of 51