พบผลลัพธ์ทั้งหมด 304 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5552/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยต้องคืนเงินค่าติดตั้งสายเทเล็กซ์ เนื่องจากไม่ได้ติดตั้งโดยไม่ใช่ความผิดของโจทก์
โจทก์ยื่นคำขอเช่าใช้บริการเทเลกช์ กับการสื่อสารแห่งประเทศไทยการสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงมีหนังสือติดต่อขอเช่าคู่สายเคเบิลจากจำเลย จำเลยเรียกค่าใช้จ่ายในการติดตั้งคู่สายเคเบิลจากโจทก์ 7 ,000 บาท โจทก์ชำระให้โดยทราบเงื่อนไขการชำระเงินตามหนังสือเรื่องการสร้างคู่สายเคเบิลสำหรับบริการเทเล็กซ์ เอกสารหมาย จ.1แล้ว ปรากฏว่าจำเลยกำหนดคู่สายเพื่อจะติดตั้งแก่โจทก์แล้วแต่จำเลยได้รับหนังสือการเลิกเช่าสายเคเบิลเพื่อใช้บริการเทเล็กซ์จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเสียก่อน จึงยังไม่ได้ติดตั้งแก่โจทก์หนังสือเอกสารหมาย จ.1 นั้นมีข้อความว่า...เมื่อนำไปใช้บริการเทเล็กซ์ อาจไม่ได้รับความสะดวก จำเลยจะไม่รับผิดชอบแล้วมีข้อความต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันว่า เมื่อโจทก์ได้ชำระค่าติดตั้งสายเทเล็กซ์แล้วเกิดขัดข้องจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย ไม่สามารถติดตั้งใช้งานเทล็กซ์ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม จำเลยสงวนสิทธิที่จะไม่คืนเงินค่าติดตั้ง แสดงเจตนารมณ์ในสัญญาว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องติดตั้งคู่สายเทเล็กซ์ ให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย เมื่อติดตั้งแล้วการสื่อสารแห่งประเทศไทยไม่สามารถใช้งานเทเล็กซ์ จำเลยจึงจะมีสิทธิที่จะไม่คืนเงินค่าติดตั้งได้เท่านั้น ส่วนการที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยบอกเลิกการเช่าสายเคเบิลไปยังจำเลยโดยปรากฎใจความว่า การสื่อสารแห่งประเทศไทยแจ้งให้โจทก์นำเงินค่าสร้างคู่สายไปชำระให้จำเลยแล้วตอบรับไป แต่โจทก์ไม่ตอบรับการสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงขอ บอกเลิกการเช่าสายเคเบิลต่อจำเลยทั้ง ๆ ที่โจทก์ยังไม่เคยรับการติดตั้งเครื่องเทเล็กซ์ แต่ประการใดการบอกเลิกสัญญาเช่นนี้ไม่ใช่ข้อขัดข้องจากการสื่อสารแห่งประเทศไทยที่ไม่สามารถติดตั้งใช้งานเทเล็กซ์ ตามความหมายของหนังสือเอกสารหมายจ.1 จำเลยรับเงินค่าติดตั้งสายเคเบิลจากโจทก์แล้วไม่ได้ติดตั้งโดยไม่ใช่ความผิดของโจทก์ จำเลยต้องคืนเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5552/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาติดตั้งสายเทเล็กซ์: จำเลยต้องคืนเงินค่าติดตั้งหากไม่ได้ติดตั้งโดยไม่ใช่ความผิดของโจทก์
โจทก์ยื่นคำขอเช่าใช้บริการเทเลกช์ กับการสื่อสารแห่งประเทศไทยการสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงมีหนังสือติดต่อขอเช่าคู่สายเคเบิลจากจำเลย จำเลยเรียกค่าใช้จ่ายในการติดตั้งคู่สายเคเบิลจากโจทก์7,000 บาท โจทก์ชำระให้โดยทราบเงื่อนไขการชำระเงินตามหนังสือเรื่องการสร้างคู่สายเคเบิลสำหรับบริการเทเล็กซ์ เอกสารหมาย จ.1แล้ว ปรากฏว่าจำเลยกำหนดคู่สายเพื่อจะติดตั้งแก่โจทก์แล้วแต่จำเลยได้รับหนังสือการเลิกเช่าสายเคเบิลเพื่อใช้บริการเทเล็กซ์จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเสียก่อน จึงยังไม่ได้ติดตั้งแก่โจทก์หนังสือเอกสารหมาย จ.1 นั้นมีข้อความว่า...เมื่อนำไปใช้บริการเทเล็กซ์ อาจไม่ได้รับความสะดวก จำเลยจะไม่รับผิดชอบแล้วมีข้อความต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันว่า เมื่อโจทก์ได้ชำระค่าติดตั้งสายเทเล็กซ์แล้วเกิดขัดข้องจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย ไม่สามารถติดตั้งใช้งานเทล็กซ์ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม จำเลยสงวนสิทธิที่จะไม่คืนเงินค่าติดตั้ง แสดงเจตนารมณ์ในสัญญาว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องติดตั้งคู่สายเทเล็กซ์ ให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย เมื่อติดตั้งแล้วการสื่อสารแห่งประเทศไทยไม่สามารถใช้งานเทเล็กซ์ จำเลยจึงจะมีสิทธิที่จะไม่คืนเงินค่าติดตั้งได้เท่านั้น ส่วนการที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยบอกเลิกการเช่าสายเคเบิลไปยังจำเลยโดยปรากฎใจความว่า การสื่อสารแห่งประเทศไทยแจ้งให้โจทก์นำเงินค่าสร้างคู่สายไปชำระให้จำเลยแล้วตอบรับไป แต่โจทก์ไม่ตอบรับการสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงขอ บอกเลิกการเช่าสายเคเบิลต่อจำเลยทั้ง ๆ ที่โจทก์ยังไม่เคยรับการติดตั้งเครื่องเทเล็กซ์ แต่ประการใดการบอกเลิกสัญญาเช่นนี้ไม่ใช่ข้อขัดข้องจากการสื่อสารแห่งประเทศไทยที่ไม่สามารถติดตั้งใช้งานเทเล็กซ์ ตามความหมายของหนังสือเอกสารหมายจ.1 จำเลยรับเงินค่าติดตั้งสายเคเบิลจากโจทก์แล้วไม่ได้ติดตั้งโดยไม่ใช่ความผิดของโจทก์ จำเลยต้องคืนเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4688/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนต้องเป็นไปตามกฎหมาย และใช้ค่าเช่าที่สมเหตุสมผล หากประเมินสูงเกินไปต้องคืนส่วนต่างพร้อมดอกเบี้ย
การประเมินค่ารายปีสำหรับภาษีโรงเรือนประเภทโรงแรมตามสูตรค่ารายปี เท่ากับ ค่าเช่าห้อง คูณ จำนวนห้อง คูณ 15 ส่วน100 ซึ่งโจทก์มิได้ยอมรับว่าถูกต้อง จะถือว่าเป็นค่ารายปีที่ยุติแล้วไม่ได้ ทั้งข้อเท็จจริงจากการนำสืบของคู่ความก็ไม่ปรากฏว่าจำนวนค่าเช่าปีที่ล่วงมาแล้วและปีที่พิพาทกันที่จะให้เช่าได้นั้นมีราคาแตกต่างกัน จึงต้องนำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วกำหนดเป็นค่ารายปีปีที่พิพาท
การคืนเงินค่าภาษีส่วนที่ชำระเกินจะต้องคืนภายในกำหนดสามเดือน มิฉะนั้นย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด ต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามมาตรา 39 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนฯ
การคืนเงินค่าภาษีส่วนที่ชำระเกินจะต้องคืนภายในกำหนดสามเดือน มิฉะนั้นย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด ต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามมาตรา 39 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4688/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทภาษีโรงเรือน การคำนวณค่ารายปีที่ถูกต้อง และการคืนเงินที่เรียกเก็บเกิน
โจทก์จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 10 ของภาษีที่ประเมินเป็นเงิน 14,782.50 บาท รวมเป็นค่าภาษีโรงเรือน ส่วนที่พิพาทเป็นเงิน 162,607.50 บาท โจทก์ได้ชำระภาษีโรงเรือนและเงินเพิ่มส่วนที่พิพาทกันไว้แล้วเป็นเงิน 191,250 บาท จำเลยที่ 1 จะต้องคืนส่วนที่เรียกเก็บเกินไปจำนวน 28,642.50 บาท ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดสามเดือนโดยไม่คิดค่าอย่างใดตามที่บัญญ้ติไว้ในมาตรา 39 วรรคสองแห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ฯ ถ้าจำเลยไม่คืนหลังจากนั้นก็ตกเป็นผู้ผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4688/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนต้องเป็นไปตามกฎหมายและใช้ราคาเช่าที่สมเหตุสมผล ศาลสั่งคืนเงินส่วนเกิน
การประเมินค่ารายปีสำหรับภาษีโรงเรือนประเภทโรงแรมตามสูตรค่ารายปี เท่ากับ ค่าเช่าห้อง คูณ จำนวนห้อง คูณ 15 ส่วน 100ซึ่งโจทก์มิได้ยอมรับว่าถูกต้อง จะถือว่าเป็นค่ารายปีที่ยุติแล้วไม่ได้ ทั้งข้อเท็จจริงจากการนำสืบของคู่ความก็ไม่ปรากฏว่าจำนวนค่าเช่าปีที่ล่วงมาแล้วและปีที่พิพาทกันที่จะให้เช่าได้นั้นมีราคาแตกต่างกัน จึงต้องนำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วกำหนดเป็นค่ารายปีปีที่พิพาท การคืนเงินค่าภาษีส่วนที่ชำระเกินจะต้องคืนภายในกำหนดสามเดือน มิฉะนั้นย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด ต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามมาตรา 39 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3303/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลาภมิควรได้กับการคืนเงินกองทุนสงเคราะห์: ศาลฎีกายืนตามคำวินิจฉัยศาลแรงงาน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า การที่จำเลยรับเงินจำนวน 14,840 บาทไปจากโจทก์โดยที่โจทก์ได้จ่ายไปโดยสำคัญผิดคิดว่าเป็นการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน แต่ครั้นเมื่อศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่าเป็นเงินประเภทอื่นไม่ใช่ค่าชดเชย โจทก์จึงชอบที่จะจ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์เท่ากับเงินเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานเท่านั้น เป็นเรื่องที่จำเลยได้รับเงินไปโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 14,840 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยคำบรรยายฟ้องของโจทก์เช่นนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินกองทุนสงเคราะห์ เนื่องจากจำเลยได้รับเงินที่โจทก์จ่ายให้ไปโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบซึ่งเป็นเรื่องลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 406 มิใช่เรื่องโจทก์เรียกทรัพย์คืนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินประกันการทำงานเมื่อเลิกจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยไม่ได้อ้างสิทธิริบตามระเบียบ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิด ขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมหรือให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีและคืนเงินประกันพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยให้การต่อสู้โดยมิได้ปฏิเสธฟ้องโจทก์ให้แจ้งชัดถึงเรื่องเงินประกันว่า เพราะเหตุใดจำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์ และจำเลยก็ไม่ได้ให้การถึงระเบียบว่าด้วยเงินประกันและผู้ค้ำประกันของพนักงานดังนี้ คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิริบเงินประกันที่โจทก์วางไว้ตามระเบียบของจำเลยหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิริบเงินประกันตามระเบียบของจำเลย จึงเป็นการมิชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะ ผู้จะขายต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยนับแต่เวลาที่ถูกเรียกร้อง
เมื่อสัญญาจะซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะ ผู้จะขายก็ต้องคืนเงินที่รับไว้แก่ผู้จะซื้อฐานเป็นลาภมิควรได้ โดยผู้จะขายต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่เวลาที่ผู้จะซื้อเรียกคืน การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยมากไปกว่าที่จำเลยต้องรับผิดตามกฎหมาย เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยให้ถูกต้องตามกฎหมายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายตกเป็นโมฆะ ผู้จะขายต้องคืนเงินมัดจำพร้อมดอกเบี้ยนับจากวันฟ้อง
เมื่อสัญญาจะซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะ เงินค่าที่ดินที่ผู้จะขายรับไว้จากโจทก์ผู้จะซื้อ ผู้จะขายต้องคืนให้โจทก์ฐานเป็นลาภมิควรได้ หากมีการเรียกเงินดังกล่าวคืนแต่ผู้จะขายไม่คืนให้ต้องถือว่าผู้จะขายตกอยู่ในฐานะทุจริตจำเดิมแต่เวลาที่ถูกเรียกคืนและตกเป็นผู้ผิดนัดจะต้องเสียดอกเบี้ยนับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นไปเมื่อก่อนฟ้องโจทก์ไม่ได้เรียกให้ผู้จะขายหรือจำเลยซึ่งเป็นทายาทคืนเงินให้ ต้องถือว่าโจทก์เรียกร้องให้จำเลยคืนเงินนับตั้งแต่วันฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยมากไปกว่าที่จำเลยต้องรับผิดตามกฎหมาย เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยให้ถูกต้องตามกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินโมฆะ, การคืนเงิน, ทุจริตจำเดิม, ดอกเบี้ยผิดนัด
เมื่อสัญญาจะซื้อขายที่ดินตกเป็นโมฆะ เงินค่าที่ดินที่ผู้จะขายรับไว้จากโจทก์ผู้จะซื้อผู้จะขายต้องคืนให้โจทก์ฐานเป็นลาภมิควรได้ หากมีการเรียกเงินดังกล่าวคืนแต่ผู้จะขายไม่คืนให้ต้องถือว่าผู้จะขายตกอยู่ในฐานะทุจริตจำเดิมแต่เวลาที่ถูกเรียกคืน และตกเป็นผู้ผิดนัดจะต้องเสียดอกเบี้ยนับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นไป เมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้เรียกให้ผู้จะขายหรือจำเลยซึ่งเป็นทายาทคืนเงินให้ ต้องถือว่าโจทก์เรียกร้องให้จำเลยคืนเงินนับตั้งแต่วันฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยมากไปกว่าที่จำเลยต้องรับผิดตามกฎหมาย เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยให้ถูกต้องตามกฎหมายได้.