คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าสินไหมทดแทน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 351 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานบังคับคดีงดเว้นยึดทรัพย์สินที่มีชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของ และขอความคุ้มครองจากค่าสินไหมทดแทน
ที่ดินมีโฉนดที่มีชื่อบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของอยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะงดเว้นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และร้องขอต่อศาลให้กำหนดการอย่างใด ๆ เพึ่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 283วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3289/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าสินไหมทดแทนจากสัญญาประกันภัย: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดตามสัญญา ไม่ใช่ละเมิด
การที่โจทก์ฟ้องคดีเพื่อให้จำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนใช้ค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ได้ใช้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยของโจทก์ไปแล้วนั้น ไม่ใช่เป็นการฟ้องคดีในมูลหนี้ละเมิด แต่เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาประกันภัยเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นผู้รับช่วงสิทธิตามสัญญาประกันภัย จึงมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรก จะนำอายุความ1 ปี ตามมาตรา 448 วรรคแรก มาบังคับไม่ได้ หากจะนำมาตรา 448 วรรคแรกมาใช้บังคับจะต้องเป็นกรณีที่โจทก์ได้ฟ้องผู้เอาประกันภัยให้รับผิดด้วย และผู้เอาประกันภัยได้ยกอายุความเรื่องละเมิดขึ้นต่อสู้หากฟังได้ว่าฟ้องโจทก์สำหรับผู้เอาประกันภัยขาดอายุความเรื่องละเมิดผู้รับประกันภัยค้ำจุนก็ย่อมไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการเปลี่ยนเลนตัดหน้า – ผู้ขับขี่มีหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง – การคิดดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน
ทางเดินรถในถนนพหลโยธินทั้งทางด้านขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพมหานครแบ่งเป็น 2 ช่องเดินรถ ระหว่างทางเดินรถขาเข้ากับขาออกจะเว้นช่องว่างไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นทางข้ามให้รถแล่นเลี้ยวไปสู่ทางเดินรถอีกด้านหนึ่งได้ รถยนต์บรรทุกแล่นในทางเดินรถด้านขาออก ถ้าหากจะเลี้ยวขวาเข้าไปในทางเดินรถด้านขาเข้า ตามปกติจะต้องแล่นในช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะไม่ต้องเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่น การที่รถยนต์บรรทุกแล่นในช่องเดินรถทางซ้ายของทางเดินรถขาออกและเลี้ยวขวาข้ามช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะเข้าไปในช่องว่างทางข้ามไปสู่ทางเดินรถขาเข้าโดยกระชั้นชิดและกะทันหันตัดหน้ารถยนต์เก๋ง ย่อมทำให้รถยนต์เก๋งไม่สามารถจะหยุดได้ทัน ถือได้ว่าคนขับรถยนต์บรรทุกกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง เพราะถ้าหากรถยนต์บรรทุกจะใช้ความระมัดระวังไม่รีบเลี้ยวขวาโดยทันทีโดยขับรถตรงไปก่อน ขอทางชิดขวาแล้วไปเลี้ยวขวาในช่องว่างทางข้ามช่องต่อไปก็ย่อมจะทำได้โดยปลอดภัย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าฝ่ายรถยนต์เก๋งประมาทเลินเล่ออย่างใด ดังนี้ถือว่าคนขับรถยนต์บรรทุกเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว
โจทก์เป็นผู้รับประกันภัย ฐานะของโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามป.พ.พ. มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดมีขึ้นนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหม-ทดแทนเป็นต้นไป จึงชอบที่จะคิดดอกเบี้ยให้นับแต่วันชำระค่าสินไหมทดแทน แต่เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าได้ชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวทั้งหมดหรือครั้งสุดท้ายไปเมื่อใดแน่ ศาลเห็นสมควรกำหนดให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดต่อร่างกายและจิตใจ: ค่าสินไหมทดแทนกรณีใบหน้าเสียโฉมและเจ็บปวดทุกข์ทรมานจากพฤติการณ์ร้ายแรง
จำเลยใช้มีดกรีดใบหน้าโจทก์แผลยาว 3 นิ้วครึ่ง ลึก 1 นิ้วเมื่อบาดแผลหายแล้วมีแผลเป็นทำให้โจทก์มีใบหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวการที่โจทก์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในการเสียสุขภาพอนามัยและใบหน้าเสียโฉม เป็นการเรียกค่าทดแทนเพื่อความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 ศาลกำหนดให้ได้โดยพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับรถประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ชีวิต จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
จำเลยขับรถแซงรถคันหน้าขึ้นไปทางขวามือล้ำเข้าไปแล่นในช่องทางเดินรถของรถที่จะแล่นสวนทางมา เมื่อมีรถแล่นสวนทางมาแทนที่จำเลยจะชะลอความเร็วของรถลงเพื่อให้รถคันหน้าแล่นล้ำหน้าไปก่อน แล้วจึงค่อยบังคับรถหลบรถที่สวนมาเข้าช่องเดินรถของจำเลยตามปกติทางด้านซ้ายมือ จำเลยกลับบังคับรถหลบไปยังขอบทางด้านขวาเป็นเหตุให้รถพุ่งชนกองหินข้างทางจนพลิกคว่ำ ทำให้โจทก์ซึ่งโดยสารรถมาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาการขับรถของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการขับรถด้วยความประมาทก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนจากการเสียชีวิตจากละเมิด ครอบคลุมค่าขาดไร้อุปการะและค่าขาดแรงงานในครอบครัว
การขาดแรงงานในครอบครัวเป็นการขาดไร้อุปการะอย่างหนึ่งหากเหตุที่ผู้ตายถึงแก่ความตายจากการกระทำละเมิดทำให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นสามีผู้ตายต้องขาดแรงงานในครอบครัวไปด้วย โจทก์ที่ 1 ก็สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้ได้อีก ก่อนตายผู้ตายและโจทก์ที่ 1 ประกอบกิจการร้านอาหารร่วมกับป. โดยผู้ตายทำหน้าที่ดูแลร้านอาหาร ถือได้ว่าผู้ตายเป็นผู้ทำการงานในครัวเรือนให้แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนการขาดแรงงานใน ครอบครัวได้ด้วย ค่าอาหารและเครื่องดื่มเลี้ยงดูแขกที่มาร่วมงานศพกับค่าของและเงินถวายพระภิกษุที่สวดพระอภิธรรมเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการจัดการศพ ค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะและค่าสินไหมทดแทนการขาดแรงงานเป็นหนี้เงินที่จะต้องชำระทันที จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันกระทำละเมิดซึ่งเป็นวันผิดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5475/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยรถยนต์: การบอกล้างสัญญาโมฆียะ & การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน
การเอาประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ มี ส.นายหน้าผู้หาประกันและพนักงานของจำเลยเป็นผู้ดำเนินการทุกอย่าง โจทก์มิได้แถลงข้อความเท็จหรือละเว้นไม่เปิดเผยความจริงหรือสมคบกับพนักงานของจำเลยหลอกลวงจำเลยแต่ประการใด ดังนั้น แม้จำเลยจะมิได้ให้พนักงานของจำเลยตรวจสภาพรถยนต์ของโจทก์เสียก่อนก็ตาม จำเลยจะอ้างว่าสัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะไม่ได้ เมื่อจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดตามกรมธรรม์ประกันภัยพนักงานของจำเลยเป็นผู้ตีราคาเอง ทั้งจำเลยก็ได้รับเบี้ยประกันภัยตามราคารถยนต์ที่กำหนดไว้แล้ว จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญา เมื่อรถยนต์ของโจทก์ถูกลักไปจากที่จอด จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาซึ่งระบุให้ใช้เต็มจำนวน โดยโจทก์ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบในค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะทางครอบครัวเพื่อสิทธิรับค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล/ค่าทำศัลยกรรม
เด็กชาย ฤ เป็นบุตรผู้ตายซึ่งเกิดจากโจทก์ที่ 1 ในขณะที่ผู้ตายและโจทก์ที่ 1 ยังไม่ได้สมรสกัน ต่อมาผู้ตายและโจทก์ที่ 1ได้สมรสกันแล้ว จึงต้องถือว่าเด็กชาย ฤ เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547 กรณีเรียกค่าสินไหมทดแทนเพราะทำให้เขาถึงตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 ซึ่งได้แก่ค่าปลงศพ และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ กับค่าใช้จ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 444 ในกรณีทำให้ผู้อื่นเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้นแม้หน่วยราชการต้นสังกัดที่ผู้ตายทำงานอยู่ได้ทดรองจ่ายค่าปลงศพและค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้มีสิทธิรับไปแล้ว ก็หาทำให้ผู้กระทำละเมิดต่อผู้ตายพ้นความรับผิดไปไม่ โจทก์ที่ 1 ได้รับบาดแผลฉีกขาดที่แก้มขวา เมื่อรักษาแผลหายแล้วจะมีรอยแผลเป็นที่แก้มขวาทำให้เสียโฉม จะทำให้หายได้ก็โดยทำศัลยกรรมตกแต่ง โจทก์ที่ 1 ย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้จากจำเลยได้ แม้จะยังไม่ได้ให้แพทย์ทำศัลยกรรมตกแต่งก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4045/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กลฉ้อฉลในการซื้อขายรถยนต์, ค่าสินไหมทดแทน, และขอบเขตความรับผิดของตัวแทน
จำเลยโฆษณาโอ้อวดคุณสมบัติของรถยนต์ที่ขายให้โจทก์ ว่าเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ เพิ่งพ่นสีใหม่เป็นสีเดิม ความจริงเป็น รถยนต์รุ่นเก่า และเคยเปลี่ยนสีมาหลายครั้งกับกล่าวอ้างคุณสมบัติ ของรถยนต์ซึ่งไม่เป็นความจริงอีกหลายประการ โจทก์ตกลงซื้อรถยนต์โดยเชื่อคำโฆษณาโอ้อวดของจำเลย การซื้อขายรถยนต์จึงเกิดจากกลฉ้อฉลให้สำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่ซื้อขายกัน แต่รถยนต์ ยัง คงเป็นยี่ห้อเดียวกับที่โจทก์ต้องการซื้อ กลฉ้อฉลของจำเลยจึง มิได้ ถึงขนาดซึ่งถ้ามิได้มีกลฉ้อฉลเช่นนั้นโจทก์จะไม่ซื้อรถยนต์ จาก จำเลยโจทก์ยอมรับข้อกำหนดอันหนักขึ้นเท่านั้น โจทก์ย่อมมี สิทธิ เรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้ แม้กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 จะเป็นบิดาจำเลยที่ 2และการซื้อขายรถยนต์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จะทำกันที่บริษัทจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ยังมิได้ประกอบกิจการ บริษัทที่จำเลย ที่ 2ทำงานอยู่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 ในใบสั่งซื้อ รถยนต์ ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำขึ้น คงมีแต่ลายมือชื่อ ของ จำเลย ที่ 2ลงชื่อในฐานะผู้จัดการหรือผู้ขายเท่านั้น พฤติการณ์ ดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 หรือ จำเลยที่ 1 เข้าร่วมเป็นคู่สัญญาในการซื้อขายรถยนต์กับโจทก์ กฎหมายมิได้บัญญัติเรื่องอายุความเรียกค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 123 ไว้ จึงต้องถือหลัก ทั่วไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนด 10 ปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของเจ้าหนี้ภาษีอากรกับกรรมการ
แม้ว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคสอง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ภาษีอากรของบริษัทจำเลยที่ 1 จะมีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการที่ทำให้เกิดเสียหายแก่จำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงสิทธิเรียกร้องที่จะเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 เท่านั้น มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรที่มีต่อจำเลยที่ 2 แต่ประการใด การที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 เช่นนี้ จึงมิใช่เป็นการฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2ชำระค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์โดยตรง คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากร ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 7 (2) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลภาษีอากรกลาง
of 36