คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำคุก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 249 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2896/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษผู้เล่นการพนันตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478: จำคุกและปรับ แม้เป็นเพียงผู้เล่น
พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12(1) มีความหมายว่าผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นต้องลงโทษทั้งจำคุกและปรับด้วยหาใช่ลงโทษจำคุกและปรับเฉพาะแต่ผู้จัดให้มีการเล่นเท่านั้นไม่ เพียงแต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้าจะลงโทษปรับอย่างเดียวก็ได้ซึ่งเป็นโทษที่เบากว่า จำเลยเป็นผู้เข้าเล่นการพนันอันเป็นความผิดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวที่เรียกว่าเจ้ามือไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะลงโทษปรับอย่างเดียวได้ต้องลงโทษทั้งจำคุกและปรับ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลดโทษจำคุกคดียาเสพติด: ประวัติเกี่ยวข้องยาเสพติดเดิมมีผลต่อการพิจารณา
ฎีกาขอให้ศาลลดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายศาลล่างลงโทษจำคุก13ปี4เดือนจำเลยฎีกาขอให้ลดโทษลงอีกปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมาก่อนแม้จำเลยจะได้รับการล้างมลทินความผิดดังกล่าวตามพ.ร.บ.ล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์200ปีพ.ศ.2526ก็ตามก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะลดโทษลงอีกเพราะจำเลยมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษตลอดมาและเฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษที่มีความร้ายแรงเป็นภัยต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณา: คดีจำคุกไม่เกิน 1 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาไม่ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก1ปีรอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาตามมาตรา221ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับพิจารณาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญา: ศาลฎีกาอนุญาตเมื่อมีการพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีอื่นแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำขอให้นับโทษต่อ เพราะคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลยังไม่ได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา และปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจริง ดังนี้ ศาลฎีกาพิพากษาให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังข่มขู่ และหลอกลวงเหยื่อด้วยอุบาย ศาลฎีกายืนโทษจำคุก
โจทก์ร่วมยอมไปโรงแรมกับจำเลยที่ 2 เพราะหลงกลอุบายหลอกลวงว่าสามีโจทก์ร่วมนอกใจ ให้ไปจับผิดสามี แล้วจำเลยที่ 1 สามีจำเลยที่ 2 ได้เข้ามาช่วยกันถอดเสื้อผ้า และจำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนบังคับขู่เข็ญ ขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม จำเลยที่ 2 ก็ถ่ายภาพไว้ จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมโดยมีและใช้อาวุธปืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา276 วรรคสอง,83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกจากบทบัญญัติใหม่ที่บัญญัติถึงการรวมโทษที่เป็นคุณแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือนรวม 173 กระทง เป็นโทษจำคุก 576 ปี8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 บทเดียว ส่วนกำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้ไขการรวมกระทงลงโทษโดยให้ลดโทษจำเลยลงเหลือเพียง 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่อันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกจากบทบัญญัติใหม่ที่บัญญัติถึงการรวมกระทงความผิดที่เป็นคุณแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา4 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือนรวม 173 กระทง เป็นโทษจำคุก 576 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา4 บทเดียว ส่วนกำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้ไขการรวมกระทงลงโทษโดยให้ลดโทษจำเลยลงเหลือเพียง 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่อันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจรอการลงโทษจำคุกเกินสองปี - กรณีรวมโทษหลายกระทง
จำเลยทำผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ รวม4กระทง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกและปรับ แต่รอการลงโทษจำคุกไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำคุกสถานเดียว 4 กระทง โดยไม่รอการลงโทษ ตรงตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว จำเลยมิได้ฎีกาย่อมต้องบังคับคดีแก่จำเลยไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยรวม 4 กระทงเกินกว่าสองปี ศาลจึงไม่มีอำนาจรอการลงโทษจำคุกได้ แม้จะวินิจฉัยฎีกาโจทก์ไปก็ไม่ทำให้ผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เปลี่ยนแปลง ถือได้ว่าเป็นฎีกาที่ไม่มีประโยชน์อันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสมาชิกภาพสภาเทศบาลจากคำพิพากษาจำคุกและการมีลักษณะต้องห้าม
พระราชบัญญัติเทศบาล มาตรา 19(4) บัญญัติว่าสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลย่อมสิ้นสุดลงเมื่อขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล มาตรา 21(9) บัญญัติว่าผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งนั้น เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ผู้คัดค้านถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลในขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล ผู้คัดค้านจึงขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลตามนัยกฎหมายดังกล่าว
พระราชบัญญัติเทศบาล มาตรา 71 วรรคแรก บัญญัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลเทศบาลในจังหวัดนั้น เมื่อผู้คัดค้านซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2909/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้อง, การเลิกจ้าง, และข้อยกเว้นค่าชดเชย: กรณีลูกจ้างเคยถูกจำคุกก่อนเข้าทำงาน
เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางได้ทำการชี้สองสถาน หรือทำการสืบพยานโจทก์ย่อมยื่นคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ก่อนศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษา
เมื่อศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์มิได้จงใจทำความเสียหายให้จำเลย จำเลยจะอุทธรณ์ว่าการกระทำของโจทก์ย่อมเล็งเห็นผลทำให้จำเลยเสียหายอันเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยในข้อเท็จจริงมิได้ อุทธรณ์จำเลยต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคแรก
ข้อยกเว้นซึ่งนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างตามประกาศกระทราวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47(6) ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หมายถึง ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลให้จำคุกคดีถึงที่สุดขณะที่เป็นลูกจ้าง หาใช่ได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วจึงมาเป็นลูกจ้างไม่
of 25