พบผลลัพธ์ทั้งหมด 220 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุผล 'พฤติการณ์พิเศษ' ต้องมีน้ำหนักเพียงพอ มิใช่ความผิดพลาดของทนาย
คำร้องของจำเลยที่ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ มีใจความว่าทนายจำเลยพิมพ์อุทธรณ์ไม่ทัน เนื่องจากติดว่าความที่ศาลจังหวัดนครปฐมในตอนเช้า และกลับมาพิมพ์อุทธรณ์ในตอนบ่าย แล้วมายื่นต่อศาลไม่ทันเนื่องจากจราจรติดขัด เพราะนักศึกษาเดินขบวน ดังนี้ ไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายว่าความไม่มีใบแต่งทนาย ผู้ร้องไม่คัดค้านในชั้นต้น จึงยกคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
ทนายโจทก์ว่าความในศาลชั้นต้นโดยไม่มีใบแต่งทนายแต่ผู้ร้องมิได้หยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นคัดค้านก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จึงยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2772/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทราบคำพิพากษาผ่านทนายและเสมียนทนาย: ผลผูกพันต่อจำเลย
ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วในวันนัดได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมารับทราบคำสั่งศาล เมื่อศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ฟังและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณา ว่าให้บังคับคดีภายใน15 วัน และเสมียนทนายได้ลงชื่อในรายงานฯ นั้นแล้วถือว่าทนายจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นโดยชอบแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยก็ได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย – การพิจารณาคดีอาญาที่ถูกต้อง – การพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ,78 ฯลฯ อัตราโทษจำคุกถึง 10 ปี ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามเรื่องทนาย พิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 ศาลต้องพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษตามกฎหมายป่าสงวนฯ ที่แก้ไข และการสอบถามจำเลยเรื่องทนายเมื่อมีโทษจำคุกสูง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ขอให้ลงโทษตามมาตรา 31 แต่พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 แม้โจทก์จะมิได้อ้างกฎหมายฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
การกระทำของจำเลยตามฟ้องมีโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี จึงเป็นกรณีที่จะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 เมื่อยังไม่มีการสอบถามจำเลยเรื่องพยาน การพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบ สมควรจัดการให้ถูกต้อง
การกระทำของจำเลยตามฟ้องมีโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี จึงเป็นกรณีที่จะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 เมื่อยังไม่มีการสอบถามจำเลยเรื่องพยาน การพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบ สมควรจัดการให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษตามกฎหมายป่าสงวนที่แก้ไข และสิทธิจำเลยในการมีทนาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ขอให้ลงโทษตามมาตรา31แต่พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา31 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 แม้โจทก์จะมิได้อ้างกฎหมายฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมศาลปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
การกระทำของจำเลยตามฟ้องมีโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีจึงเป็นกรณีที่จะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เมื่อยังไม่มีการสอบถามจำเลยเรื่องทนาย การพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบ สมควรจัดการให้ถูกต้อง
การกระทำของจำเลยตามฟ้องมีโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีจึงเป็นกรณีที่จะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เมื่อยังไม่มีการสอบถามจำเลยเรื่องทนาย การพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบ สมควรจัดการให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีครั้งแรกของโจทก์โดยทนาย ไม่ถือว่าประวิงคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
โจทก์แต่งทนาย 2 คน ในวันนัดสืบพยานครั้งแรกตัวโจทก์และทนายไม่มาศาลทนายโจทก์คนหนึ่งมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยแม้ทนายโจทก์อีกคนหนึ่งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องแต่อย่างใด ก็เป็นเพียงความบกพร่องในการเขียนคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์ซึ่งทนายโจทก์ที่ขอเลื่อนน่าจะได้แจ้ง ให้ทนายโจทก์อีกคนหนึ่งทราบเพื่อจะได้ดำเนินคดีแทนตนได้ เมื่อเป็นการเลื่อนคดีครั้งแรก จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบยังไม่ถนัด ทั้งโจทก์เป็นฝ่ายฟ้องคดี ไม่มีเหตุผลที่จะฟังได้ว่าโจทก์ประวิงคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในคดีอาญา: การมีทนายก่อนการพิจารณาคดีและการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูง 15 ปี เมื่อศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ดำเนินการพิจารณาไปโดยจำเลยไม่มีทนาย แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จึงเป็นการพิจารณาฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีจากสารบบเนื่องจากคู่ความไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ ศาลต้องพิจารณาเหตุสมควรและให้โอกาสคู่ความหาทนายใหม่
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความคำสั่งนี้ไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์หรือให้เป็นที่สุดเมื่อโจทก์มิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายโจทก์ขอถอนตัวโดยตัวความไม่ทราบเรื่องและเข้าใจผิดคิดว่าทนายของตนทำหน้าที่อยู่กรณีดังนี้จะถือว่าโจทก์จงใจขาดนัดไม่ได้ คดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 203
โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายโจทก์ขอถอนตัวโดยตัวความไม่ทราบเรื่องและเข้าใจผิดคิดว่าทนายของตนทำหน้าที่อยู่กรณีดังนี้จะถือว่าโจทก์จงใจขาดนัดไม่ได้ คดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 203
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากความเจ็บป่วยของทนาย ไม่ถือเป็นการประวิงคดีหากมีใบรับรองแพทย์
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเพราะตนป่วยในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่สองทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอีกเพราะตนป่วยไม่สามารถว่าความได้ และมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมกับคำร้อง แม้ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกศาลจะได้กำชับฝ่ายโจทก์ว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ แต่การเลื่อนคดีของทนายโจทก์ครั้งหลังนี้เป็นเพราะความป่วยเจ็บ โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงเป็นหลักฐานทนายจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าไม่เป็นความจริง คงคัดค้านแต่ว่าการขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์ ทำให้คดีชักช้า เพราะพยานจำเลยมาศาลพร้อมแล้ว ดังนี้ ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะถือว่าทนายโจทก์เจตนาประวิงคดี