พบผลลัพธ์ทั้งหมด 161 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีการค้านำเข้าฝาจุกสำเร็จรูป: พิจารณาเป็นสินค้าสำเร็จรูปเสียภาษีอัตรา 5% ของรายรับ
ฝาจุกจีบที่โจทก์สั่งมาจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยเพื่อใช้ปิดปากขวดเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่โจทก์ผลิดออกจำหน่าย ไม่ใช่วัตถุดิบที่จะนำมาใช้เพื่อผลิตขายต่อไป แต่มีลักษณะเป็นจุกขวดหรือฝาจุกที่สำเร็จรูป โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น ส่วนการที่โจทก์นำขวดและฝาจุกไปบรรจุน้ำอัดลมจำหน่ายย่อมเป็นการค้าสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง และเมื่อฝาจุกจีบรายพิพาทเป็นฝาจุกที่สำเร็จรูปมาแล้ว โจทก์ผู้นำเข้าก็ต้องมีหน้าที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับโดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์นำจุกขวดน้ำอัดลมแล้วจะต้องเสียภาษีการค้าอีกหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าฝาจุกสำเร็จรูป ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ แม้จะนำไปใช้ผลิตสินค้าสำเร็จรูปอื่นอีก
ฝาจุกจีบที่โจทก์สั่งมาจากต่างประเทศเข้ามา ในประเทศไทยเพื่อใช้ปิดปากขวดเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่โจทก์ผลิตออกจำหน่ายไม่ใช่วัตถุดิบที่จะนำมาใช้เพื่อผลิตขายต่อไป แต่มีลักษณะเป็นจุกขวดหรือฝาจุกที่สำเร็จรูป โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น ส่วนการที่โจทก์นำขวดและฝาจุกไปบรรจุน้ำอัดลมจำหน่ายย่อมเป็นการค้าสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง และเมื่อฝาจุกจีบรายพิพาทเป็นฝาจุกที่สำเร็จรูปมาแล้ว โจทก์ผู้นำเข้าก็ต้องมีหน้าที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ โดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์นำจุกขวดน้ำอัดลมแล้วจะต้องเสียภาษีการค้าอีกหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซุกซ่อนทองคำเพื่อเลี่ยงภาษีและการนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต กางเกงในที่ออกแบบพิเศษเพื่อการซุกซ่อนเป็นของกลางที่ต้องริบ
กางเกงในที่ทำขึ้นไว้เป็นพิเศษเฉพาะสำหรับเพื่อการซุกซ่อนทองคำแท่งที่ยังไม่ได้เสียภาษีหรือที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาต เป็นสิ่งที่ต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114-1115/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสันนิษฐานตามกฎหมายศุลกากร: พยานแวดล้อมต้องแสดงเค้ามูลการนำเข้าโดยมิชอบ
มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 กฎหมายมิได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า เมื่อปรากฎว่าผู้ใดมีสิ่งต้องห้าม หรือสิ่งมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นสิ่งต้องกำกักหรือเป็นลักลอบหนีศุลกากรไว้ในครอบครอง ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นได้นำสิ่งนั้นเข้ามาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือนำเข้ามาโดยการลักลอบหนีศุลกากร หากแต่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นความจริงตามข้อเท็จจริงที่จดแจ้งไว้ในบันทึกของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้พบเห็น ข้อนี้เป็นข้อสันนิษฐานข้อแรกส่วนข้อสันนิษฐานว่าผู้ที่มีสิ่งนั้นไว้ในครอบครอง เป็นผู้นำสิ่งนั้นเข้ามาโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือนำเข้ามาเป็นการลักลอบหนีศุลกากรนั้น เป็นเพียงผลที่สืบเนื่องจากข้อสันนิษฐานข้อแรกนั้น เมื่อแปลความหมายดังนี้ จึงเห็นว่าข้อเท็จจริงที่จะจดแจ้งลงในบันทึกนั้น อย่างน้อยจะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ประกอบกันเป็นพยานประพฤติเหตุแวดล้อมพอจะแสดงเค้ามูลว่า ผู้มีไว้ในครอบครองนั้นเป็นผู้นำสิ่งนั้นเข้ามาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือนำเข้ามาโดยการลักลอบหนีศุลกากร
บันทึกการดูของกลางว่าได้มีการขายของกลางไปจากร้าน จึงมีลักษณะเป็นเพียงบันทึกดูของกลางอย่างในคดีอื่น ๆ ทั่วไป หาได้มีลักษณะเป็นบันทึกอันจะก่อนให้เกิดข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2497 (ฉบับที่ 12)ไม่ ฉะนั้น เรื่องหน้าที่นำสืบ การวินิจฉัยพยานหลักฐานย่อมเป็นไปตามหลักที่ใช้ทั่วไปแก่คดีอาญาทั้งปวง คือ โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลยและจะลงโทษจำเลยก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานพอให้ฟังว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง
บันทึกการดูของกลางว่าได้มีการขายของกลางไปจากร้าน จึงมีลักษณะเป็นเพียงบันทึกดูของกลางอย่างในคดีอื่น ๆ ทั่วไป หาได้มีลักษณะเป็นบันทึกอันจะก่อนให้เกิดข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2497 (ฉบับที่ 12)ไม่ ฉะนั้น เรื่องหน้าที่นำสืบ การวินิจฉัยพยานหลักฐานย่อมเป็นไปตามหลักที่ใช้ทั่วไปแก่คดีอาญาทั้งปวง คือ โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลยและจะลงโทษจำเลยก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานพอให้ฟังว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216-1223/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้าหลีกเลี่ยงภาษี ไม่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ศุลกากร ม.38 หากไม่ผ่านท่าอนุมัติ
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 38 เป็นเรื่องที่ใช้บังคับกับนายเรือที่บรรทุกสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทาง+อนุมัติซึ่งไปถึงที่เป็นเขตศุลกากรโดยชอบ ในกรณีดังกล่าว นายเรือจึงจะมีหน้าที่ต้องทำรายงานยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เรือมาถึงท่า และกฎหมายมาตรานี้บังคับด้วยว่า นายเรือจะต้องแถลงรายละเอียดว่าด้วยสินค้านั้น ๆ ลงไว้ในรายงานด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีการควบคุมสินค้าที่นำเข้าโดยชอบให้รัดกุมและเพื่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสินค้า และเรียกเก็บภาษีได้โดยสะดวกและรวดเร็วนั่นเอง
จำเลยผู้เป็นนายเรือได้นำกะปิของกลางบรรทุกหรือเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางซึ่งมิใช่ท่าอนุมัติโดยเจตนาหลีกเลี่ยงอากร และจะฉ้อค่าภาษีรัฐบาล กรณีจึงมิใช่เรื่องที่จำเลยได้นำเรือมาถึงท่าโดยชอบแล้วละเว้นไม่ทำรายงานอันถูกต้องยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 38
จำเลยผู้เป็นนายเรือได้นำกะปิของกลางบรรทุกหรือเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางซึ่งมิใช่ท่าอนุมัติโดยเจตนาหลีกเลี่ยงอากร และจะฉ้อค่าภาษีรัฐบาล กรณีจึงมิใช่เรื่องที่จำเลยได้นำเรือมาถึงท่าโดยชอบแล้วละเว้นไม่ทำรายงานอันถูกต้องยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 38
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาศุลกากร: เจตนาหลีกเลี่ยงภาษีเป็นที่เข้าใจได้ในตัว
ฟ้องว่านำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรและหลบหนีภาษีศุลกากรนั้น แม้ในฟ้องจะมิได้บรรยายว่า จำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรก็ตาม ถ้าตามฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ในตัวเช่นนั้นแล้ว ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ศาลฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีนำเข้าของต้องห้ามและหลีกเลี่ยงภาษี โดยไม่จำต้องระบุเจตนา
ฟ้องว่านำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และหลบหนีภาษีศุลกากรนั้น แม้ในฟ้องจะมิได้บรรยายว่า จำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรก็ตาม ถ้าตามฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ในตัวเช่นนั้นแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้ายาที่ได้รับการยกเว้น ต้องขออนุญาตก่อน หากนำเข้าแล้วจึงขออนุญาต ไม่ลบล้างความผิด
กฎกระทรวงสาธารณสุขซึ่งออกตามพระราชบัญญัติยาเสพย์ติดให้โทษๆ ระบุให้ผู้ปรารถนานำยาซึ่งได้รับยกเว้นเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ยื่นคำขออนุญาต ถ้าปลัดกระทรวงสาธารณสุขเห็นสมควร ก็ให้ออกใบอนุญาต นั้น ย่อมเห็นได้ว่า แม้จะเป็นยายกเว้น ก็ยังบังคับให้ผู้นำเข้าต้องขออนุญาตเสียก่อน หาใช่นำเข้ามาโดยไม่จำต้องขออนุญาตไม่ และย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าต้องได้รับอนุญาตก่อนนำเข้า ไม่ใช่นำเข้าแล้วไปขออนุญาต ฉะนั้น เมื่อจำเลยมิได้ขออนุญาตก่อนนำเข้าแต่นำเข้าแล้วจึงไปขออนุญาต จึงย่อมไม่เป็นการลบล้างความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าและจำหน่ายยาชื่อซ้ำกับเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.เครื่องหมายการค้า
จำเลยได้สั่งยารักษาวรรณโรค ชื่อเดียวกับของโจทก์จากบริษัทผลิตยาในต่างประเทศ ที่ส่งมาให้โจทก์จำหน่าย แม้โจทก์จะได้จดทะเบียนเครื่องหมายไว้แล้วก็ดี จำเลยก็หามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.272, 275 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้ายาชื่อเดียวกันกับที่โจทก์จำหน่าย แม้มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้ว ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า
จำเลยได้สั่งยารักษาวัณโรคชื่อเดียวกับของโจทก์จากบริษัทผลิตยาในต่างประเทศที่ส่งมาให้โจทก์จำหน่ายแม้โจทก์จะได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้แล้วก็ดีจำเลยก็หามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272,275 ไม่