พบผลลัพธ์ทั้งหมด 226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาภาษีศุลกากรต้องมีหลักฐานราคาอันแท้จริงในท้องตลาด การอ้างอิงราคาซื้อขายเดิมประกอบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้ามา โจทก์ได้สำแดงราคาสินค้าตามราคาที่โจทก์สั่งซื้อมา เจ้าพนักงานของจำเลยประเมินราคาเพิ่มขึ้นโดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียภาษีอากรมากกว่าที่พึงต้องชำระ ขอให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีอากรจำนวนที่โจทก์ชำระเกินไป นั้น เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจและให้การต่อสู้ได้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ปัญหาว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าทั้ง 16 ฉบับตามฟ้องต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์พออนุมานเบื้องต้นได้ว่า เป็นราคาซื้อขายที่โจทก์ซื้อมา แม้อาจไม่เท่ากับราคาอันแท้จริงในท้องตลาดดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยชอบที่จะนำสืบแสดงหลักฐานให้เห็นว่า ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นราคาเท่าใด และเป็นเพราะเหตุใดจำเลยจะอ้างแต่เพียงว่า การตีราคาหรือประเมินราคาต้องอาศัยคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 47/2531 เรื่อง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาที่ใช้ในการประเมินอากร โดยเทียบราคาที่ผู้ซื้อรายอื่นสั่งเข้ามาแต่เพียงอย่างเดียว และไม่ได้นำสืบหรือแสดงหลักฐานให้ปรากฏถึงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดย่อมไม่อาจรับฟังได้
ปัญหาว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าทั้ง 16 ฉบับตามฟ้องต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์พออนุมานเบื้องต้นได้ว่า เป็นราคาซื้อขายที่โจทก์ซื้อมา แม้อาจไม่เท่ากับราคาอันแท้จริงในท้องตลาดดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยชอบที่จะนำสืบแสดงหลักฐานให้เห็นว่า ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นราคาเท่าใด และเป็นเพราะเหตุใดจำเลยจะอ้างแต่เพียงว่า การตีราคาหรือประเมินราคาต้องอาศัยคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 47/2531 เรื่อง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาที่ใช้ในการประเมินอากร โดยเทียบราคาที่ผู้ซื้อรายอื่นสั่งเข้ามาแต่เพียงอย่างเดียว และไม่ได้นำสืบหรือแสดงหลักฐานให้ปรากฏถึงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดย่อมไม่อาจรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์และการประเมินราคาในคดีบังคับคดี การปิดประกาศยึดทรัพย์และการประเมินราคาที่โปร่งใสถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
หลักปฏิบัติในการบังคับคดีตามที่ ป.วิ.พ.บัญญัติไว้เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ มิได้มีข้อกำหนดว่าการยึดทรัพย์จะต้องกระทำต่อหน้าเจ้าของทรัพย์และหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทแล้วก็ปิดประกาศการยึดไว้ ณ ที่ยึดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์โดยชอบแล้ว การยึดทรัพย์พิพาทย่อมชอบด้วยกฎหมาย
การประเมินราคาทรัพย์พิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์เทียบเคียงกับราคาประเมินของกรมที่ดินและยังจัดให้สำนักงานวางทรัพย์กลางทำการประเมินอีกครั้งหนึ่งก็ได้ราคาใกล้เคียงกัน ราคาทรัพย์ที่พนักงานบังคับคดีประเมินไว้จึงมิได้เกิดจากการสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำลง ประกอบกับในการขายทอดตลาดก็ไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลทรัพย์พิพาทมีการสมคบกันกดราคาลง การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย
การประเมินราคาทรัพย์พิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์เทียบเคียงกับราคาประเมินของกรมที่ดินและยังจัดให้สำนักงานวางทรัพย์กลางทำการประเมินอีกครั้งหนึ่งก็ได้ราคาใกล้เคียงกัน ราคาทรัพย์ที่พนักงานบังคับคดีประเมินไว้จึงมิได้เกิดจากการสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำลง ประกอบกับในการขายทอดตลาดก็ไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลทรัพย์พิพาทมีการสมคบกันกดราคาลง การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การยึดทรัพย์และการประเมินราคาที่ชอบด้วยกฎหมาย การขายทอดตลาดที่โปร่งใส
หลักปฏิบัติในการบังคับคดีตามที่ ป.วิ.พ. บัญญัติไว้เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ มิได้มีข้อกำหนดว่าการยึดทรัพย์จะต้องกระทำต่อหน้าเจ้าของทรัพย์และหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทแล้วก็ปิดประกาศการยึดไว้ ณ ที่ยึดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์โดยชอบแล้ว การยึดทรัพย์พิพาทย่อมชอบด้วยกฎหมาย การประเมินราคาทรัพย์พิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์เทียบเคียงกับราคาประเมินของกรมที่ดินและยังจัดให้สำนักงานวางทรัพย์กลางทำการประเมินอีกครั้งหนึ่งก็ได้ราคาใกล้เคียงกัน ราคาทรัพย์ที่พนักงานบังคับคดีประเมินไว้จึงมิได้เกิดจากการสมคบกับโจทก์กดราคาให้ต่ำลง ประกอบกับในการขายทอดตลาดก็ไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลทรัพย์พิพาทมีการสมคบกันกดราคาลง การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5650/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาอะไหล่ยานยนต์ต้องอ้างอิงราคาตลาดจริงและบทวิเคราะห์ใน พ.ร.บ.ศุลกากร ไม่ใช่แค่ระเบียบภายใน
ที่พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 3 ได้บัญญัติให้อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจออกข้อบังคับสำหรับกรมตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและบังคับการให้เป็นไปตามนั้น นั้น ตามบทบัญญัติมาตรานี้ให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรออกข้อบังคับเพื่อควบคุมบรรดาพนักงานทั้งหลายในกรมศุลกากรในฐานะอธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้บังคับบัญชาเท่านั้น มิได้ให้อำนาจออกระเบียบปฏิบัติกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประเมินราคาของโดยไม่คำนึงถึงบทกฎหมายมาตราอื่น ดังนั้น คำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 28/2527 จึงจะนำมาเป็นข้อกำหนดในการประเมินราคาอะไหล่ยานยนต์เพียงลำพังไม่ได้ จะต้องปฏิบัติตามบทวิเคราะห์ในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 เป็นหลัก และที่พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2464มาตรา 13 ได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรมศุลกากรเป็นผู้ทำการตีราคาของเพื่อประเมินภาษีนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตีราคาก็จะต้องนำหลักเกณฑ์ตามบทวิเคราะห์ในมาตรา2 วรรคสิบสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมาปฏิบัติ จะตีราคาตามอำเภอใจไม่ได้ ส่วนคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากร ที่ 47/2531 คำสั่งกองประเมินอากร ที่ 12/2519 คำสั่งร่วมกองพิธีการและประเมินอากรและกองวิเคราะห์ราคา ที่ 1/2527 และที่ 2/2527 และรายงานการประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์และปัญหาเกี่ยวกับราคาก็เป็นระเบียบปฏิบัติภายในของกรมศุลกากรจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งจะนำมาเป็นหลักเกณฑ์ว่าราคาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้ตีหรือประเมินไปนั้นเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดยังไม่ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้นำราคาอะไหล่ยานยนต์ประเภทและชนิดเดียวกัน ณ เวลาและสถานที่ที่นำของเข้ามาจากที่เดียวกันมาเทียบเคียงแล้ว ก็ย่อมไม่อาจหักล้างได้ว่าราคาสินค้าตามที่โจทก์ที่ 1 สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าไม่ใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ทั้งนี้ ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1ได้สำแดงราคาในใบขนสินค้าและแบบแสดงรายการการค้าดังกล่าวตรงกับราคาที่ปรากฏในใบกำกับสินค้า และราคาดังกล่าวเป็นราคาเดียวกันกับราคาที่โจทก์ที่ 1 เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตซึ่งตรงกับราคาสินค้าในสัญญาซื้อขายและตรงกับราคาสินค้าตามบัญชีราคาสินค้าที่บริษัทผู้ขายส่งมาให้ ทั้งไม่ปรากฏว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ได้มีการหักทอนหรือลดหย่อนราคาแต่อย่างใด ราคาที่โจทก์ที่ 1 สำแดงจึงถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรและภาษีที่ถูกต้อง การอุทธรณ์ภาษี และการกักยึดสินค้า
แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม ประมวลรัษฎากรมาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการกักยึดสินค้าเพื่อดำเนินคดีอาญา
สินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นซี่ลวดและหัวซี่ลวด รถจักรยานยนต์แต่การที่โจทก์คัดค้านโดยขอสงวนสิทธิโต้แย้งราคาและอัตรากำไรแสดงว่าโจทก์ยังยืนยันว่าสินค้าที่นำเข้าเป็นซี่ลวดและตัวซี่ลวดรถจักรยาน อันเป็นมูลเหตุให้ดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ฐานสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องการเสียภาษีอากรได้ จำเลยย่อมมีอำนาจยึดสินค้าไว้ได้จนกว่าคดีอาญาจะถึงที่สุด การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยประเมินราคาของเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้คำนวณตามราคาแท้จริงในท้องตลาดในเวลาที่โจทก์นำเข้าสำเร็จ และคำนวณอากรขาเข้าจากราคาดังกล่าวจึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบ จำเลยจึงต้องประเมินอากรขาเข้าใหม่ให้ถูกต้อง และคืนอากรขาเข้าเฉพาะส่วนที่เกินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยของจำนวนที่ต้องคืนโดยไม่คิดทบต้น ส่วนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลนั้น แม้โจทก์จะได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีดังกล่าวคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาซี่ลวดรถจักรยานยนต์ผิดพลาด และสิทธิในการอุทธรณ์ภาษีการค้า/บำรุงเทศบาล
แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4356/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรที่มิชอบและการฟ้องเรียกคืนภาษีอากร จำเป็นต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน
โจทก์นำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นเที่ยวแรกและเที่ยวที่สองเรียกว่าคอมเบิลเพลทส่วนเที่ยวที่สามเรียกว่ารีรอยเลเบิล สต๊อก เพลทเป็นสินค้าที่มีลักษณะแตกต่างกันจึงควรมีราคาไม่เท่ากัน ดังนั้นราคาแท้จริงในท้องตลาดจึงเป็นราคาที่โจทก์ได้สำแดงไว้แต่แรกการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยกำหนดให้มีราคาเท่ากันจึงมิชอบ การที่โจทก์แก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรในใบขนสินค้ากับใบกำกับสินค้าให้สูงขึ้นตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ แต่โจทก์ได้สงวนสิทธิ์โต้แย้งราคาสินค้าในส่วนที่เพิ่มขึ้นไว้ แสดงว่าโจทก์มิได้แก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรด้วยความสมัครใจ การยอมแก้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการแก้ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ประเมินแล้ว เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในส่วนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเสียก่อน จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: ราคาเหมาะสมเมื่อสูงกว่าราคาประเมินและไม่มีพฤติการณ์ทุจริต
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308 วรรคแรกการที่จะอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์สินโดยไม่ชอบนั้นจะต้องปรากฏว่าการขายทอดตลาดนั้นฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎกระทรวงว่าด้วยเรื่องการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ได้คัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ไม่ถูกต้อง คงคัดค้านเฉพาะราคาว่าต่ำกว่าที่ควรเท่านั้น ซึ่งปรากฏว่าผู้ประมูลได้ให้ราคาสูงกว่าทั้งราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีและราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินทั้งไม่ปรากฏว่าในการขายทอดตลาดมีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าไม่สุจริตแต่อย่างใด ราคาที่ผู้ประมูลซื้อในการขายทอดตลาดจึงเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิกัดอัตราศุลกากรสำหรับกระจก และการประเมินราคาศุลกากรที่ถูกต้องตามกฎหมาย
สินค้าที่จัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 70.05 และประเภทที่ 70.06 ท้าย พ.ร.ก.พิกัดอัตราภาษีศุลกากร พ.ศ.2503 นั้น แม้สินค้าทั้งสองประเภทจะเป็นกระจกที่มีกรรมวิธีใด ๆ ที่ผลิตขึ้นหรือทำขึ้น และไม่ว่าจะเป็นสีหรือไม่ก็ตาม ต่างก็เป็นแก้วอันเป็นวัตถุดิบเช่นเดียวกัน ข้อแตกต่างอยู่ที่ว่าสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 70.05 เป็นแก้วที่ยังมิได้ตกแต่งส่วนสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 70.06 เป็นแก้วที่ได้ขัดผิวแล้วประการหนึ่ง หรือทำให้ใสแล้วอีกประการหนึ่ง ทั้งนี้จะต้องมิได้มีการทำให้แก้วนั้นมีคุณสมบัติหรือมีประโยชน์ในลักษณะการใช้สอยดีขึ้นมากไปกว่าการขัดผิวหรือทำให้ใส กรรมวิธีในการผลิตกระจกพิพาทจะต้องเป็นไปตามแบบแผนผัง กล่าวคือ การทำให้ผิวกระจกมีความมันและใสด้วยวิธีไฟร์โพลิชจะประกอบด้วยตัวทำความเย็นสองหน่วย ที่เรียกว่าเมนคูลเลอร์ และเบบี้คูลเลอร์ เริ่มต้นด้วยการนำวัตถุดิบเป็นแถบน้ำแก้วหลอมเหลวอุณหภูมิ 800 เซลเซียสจากเตาหลอมผ่านดรอบาร์เพื่อดึงขึ้นในแนวตั้งแผ่นกระจกจะเริ่มแข็งตัว และผ่านเมนคูลเลอร์จนถึงเบบี้คูลเลอร์เพื่อให้อุณหภูมิของแผ่นกระจกลดลงตามลำดับ จากนั้นจึงถึงช่วงของไฟร์โพลิช โดยใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงผสมกับอากาศที่ได้สัดส่วน แล้วพ่นไฟดังกล่าวให้เปลวไฟอยู่ห่างแผ่นกระจกประมาณ 1 นิ้ว เปลวไฟดังกล่าวจะเป็นตัวทำให้ผิวหน้าของกระจกราบเรียบและเป็นเงาใส ซึ่งการผลิตด้วยวิธีนี้ถือว่าเป็นการขัดผิวกระจกและทำให้ใสโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่จำต้องใช้เครื่องมือกลเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวซ้ำอีก ดังนั้นวิธีไฟร์โพลิชดังกล่าว จึงถือว่าเป็นการทำให้กระจกชีทได้รับการตกแต่ง โดยขัดผิวและทำให้ใสแล้ว หาใช่เป็นกระบวนการผลิตกระจกธรรมดาตามปกติไม่ เพราะหากไม่ผ่านกระบวนการของไฟร์โพลิชก็คงเป็นกระจกธรรมดา กระจกพิพาทจึงจัดเข้าในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 70.06
ส่วนที่จำเลยโต้แย้งว่า การวินิจฉัยว่าแผ่นกระจกพิพาทจัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทใด จะต้องถือตามคำอธิบายพิกัดอัตราศุลกากรของสภาความร่วมมือทางศุลกากร กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ตามความเห็นของ นายเอช อาซากุระ ผู้อำนวยการพิกัดศุลกากรของสภา ซี.ซี.ซี. ที่ระบุว่ากระจกพิพาทจัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากร ประเภทที่ 70.05 นั้น การวินิจฉัยปัญหาพิกัดอัตราศุลกากรที่โต้แย้งในคดีจะต้องอาศัยบทกฎหมายที่มีผลใช้บังคับในขณะที่มีการนำเข้า ซึ่งในขณะนั้นได้แก่ พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2503 ความเห็นของเจ้าหน้าที่หรือคำอธิบายพิกัดอัตราศุลกากรของสภาความร่วมมือทางศุลกากรมิใช่กฎหมาย เป็นเพียงแนวทางของการวินิจฉัยปัญหาเท่านั้น ไม่เป็นข้อลบล้างบทกฎหมายดังกล่าว
มูลค่าของสินค้าที่นำเข้ามีราคาเป็นจำนวนใด จะต้องพิจารณาจาก พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 2 ที่นิยามคำว่า "ราคา" หรือ"ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด" ว่า "ราคาขายส่งเงินสด (ในส่วนของขาเข้าไม่รวมค่าอากร) ซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้ โดยไม่ขาดทุน ณเวลา และที่นำของเข้า หรือส่งของออก แล้วแต่กรณีโดยไม่มีหักทอน หรือลดหย่อนราคาแต่อย่างใด" ดังนั้น ที่กองวิเคราะห์ราคาได้กำหนดราคาในท้องตลาดเป็นรายเฉลี่ยสำหรับกระจกพิพาทไว้ จึงเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างกว้าง ๆ ในการประเมินราคาเพื่อเรียกเก็บภาษี มิได้เป็นข้อตายตัวว่าจะต้องเป็นราคาดังกล่าวในขณะมีผู้นำเข้าเสมอไป แต่ได้กำหนดขึ้นเพื่อทราบราคาอันแท้จริงในท้องตลาดในเบื้องแรกว่ามีราคาใด
ราคาที่ระบุไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า ซึ่งนำเข้าระหว่างวันที่21 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2528 เป็นราคาเดียวกับที่โจทก์ได้แจ้งไว้ในใบกำกับสินค้าในขณะที่โจทก์ส่งกระจกพิพาทลงเรือ ทั้งนี้ในทางปฏิบัติผู้ขายในต่างประเทศจะส่งบัญชีราคาสินค้ามาให้โจทก์ตามที่ขอทราบราคาไป เมื่อโจทก์พอใจราคาแล้วก็จะสั่งซื้อและดำเนินการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่ผู้ขาย หลังจากโจทก์ได้รับสินค้าแล้วจะชำระราคาให้แก่ผู้ขาย หลังจากโจทก์ได้รับสินค้าแล้วจะชำระราคาให้แก่ผู้ขายโดยผ่านทางธนาคาร จึงเชื่อได้ว่าโจทก์ได้สั่งซื้อกระจกพิพาทในราคาดังกล่าวจริง ไม่มีข้อที่จะโต้แย้งหรือมีเหตุสงสัยว่าเอกสารดังกล่าวทำขึ้นไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะมีผู้เกี่ยวข้องและประโยชน์ได้เสียอีกหลายฝ่าย อาทิผู้รับขนทางทะเล และธนาคารตัวแทนทั้งฝ่ายผู้ขายและฝ่ายผู้ซื้อ ทั้งนี้ราคาสินค้าตามที่ระบุไว้ในใบกำกับสินค้า ตั๋วแลกเงิน และใบเสร็จรับเงินแล้วแต่ละกรณี จะเป็นข้อสำคัญที่ยันผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวมิให้โต้เถียงในเรื่องราคาเป็นอย่างอื่น ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าราคาสินค้าที่โจทก์ได้สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นราคาที่แท้จริง และถูกต้องกว่าราคาที่กองวิเคราะห์ราคาได้พิจารณา และกำหนดเป็นราคาประเมินไว้
ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เสนอบัญชีราคาสินค้าให้จำเลยพิจารณาราคาไว้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2527 แต่โจทก์นำสินค้ากระจกพิพาทเข้าภายหลังอีกประมาณ 1 ปีต่อมา ราคาย่อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตามภาวะของตลาด การที่โจทก์ไม่เสนอราคาที่เปลี่ยนแปลงต่อจำเลยก็ไม่เป็นข้อผูกมัดว่า โจทก์จะต้องปฏิบัติเช่นนั้นและราคาจะต้องตายตัวในราคานั้น เพราะไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้โจทก์ต้องปฏิบัติดังกล่าว การยื่นบัญชีราคาสินค้าไว้ต่อจำเลยเพื่อให้พิจารณา เป็นการอำนวยความสะดวก หรือให้ข้อมูลแก่จำเลยล่วงหน้า ที่โจทก์จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการดำเนินพิธีการทางศุลกากร ในการนำเข้าให้เป็นไปโดยรวดเร็วส่วนเหตุที่สินค้ากระจกพิพาทมีราคาต่ำลงนั้น ก็ได้ความว่ากรรมวิธีการผลิตกระจกต้องใช้น้ำมันดิบเป็นเชื้อเพลิงในระหว่าง ปี 2524 ถึง 2528 ราคาน้ำมันดิบลดลงถึงร้อยละ 30 ส่งผลให้ค่าระวางเรือลดลงในอัตราประมาณร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 40 รวมถึงวิธีการบรรจุสินค้าที่โจทก์อาจเลือกเพื่อประหยัดต้นทุนได้หลายวิธีราคากระจกในท้องตลาดทั่วไปจึงลดลงได้และเมื่อพิจารณาประกอบถึงการชำระราคาสินค้าให้แก่ผู้ขายในต่างประเทศ ที่มีวิธีการชำระเงินผ่านธนาคารในรูปของการขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต และอยู่ในความควบคุมและกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกรณีของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา หรือจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายชำระเป็นราคาสินค้า ข้อเท็จจริงเหล่านี้ฟังได้ว่า โจทก์สำแดงราคาสินค้าที่นำเข้าถูกต้องแล้ว
ส่วนที่จำเลยโต้แย้งว่า การวินิจฉัยว่าแผ่นกระจกพิพาทจัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทใด จะต้องถือตามคำอธิบายพิกัดอัตราศุลกากรของสภาความร่วมมือทางศุลกากร กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ตามความเห็นของ นายเอช อาซากุระ ผู้อำนวยการพิกัดศุลกากรของสภา ซี.ซี.ซี. ที่ระบุว่ากระจกพิพาทจัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากร ประเภทที่ 70.05 นั้น การวินิจฉัยปัญหาพิกัดอัตราศุลกากรที่โต้แย้งในคดีจะต้องอาศัยบทกฎหมายที่มีผลใช้บังคับในขณะที่มีการนำเข้า ซึ่งในขณะนั้นได้แก่ พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2503 ความเห็นของเจ้าหน้าที่หรือคำอธิบายพิกัดอัตราศุลกากรของสภาความร่วมมือทางศุลกากรมิใช่กฎหมาย เป็นเพียงแนวทางของการวินิจฉัยปัญหาเท่านั้น ไม่เป็นข้อลบล้างบทกฎหมายดังกล่าว
มูลค่าของสินค้าที่นำเข้ามีราคาเป็นจำนวนใด จะต้องพิจารณาจาก พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 2 ที่นิยามคำว่า "ราคา" หรือ"ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด" ว่า "ราคาขายส่งเงินสด (ในส่วนของขาเข้าไม่รวมค่าอากร) ซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้ โดยไม่ขาดทุน ณเวลา และที่นำของเข้า หรือส่งของออก แล้วแต่กรณีโดยไม่มีหักทอน หรือลดหย่อนราคาแต่อย่างใด" ดังนั้น ที่กองวิเคราะห์ราคาได้กำหนดราคาในท้องตลาดเป็นรายเฉลี่ยสำหรับกระจกพิพาทไว้ จึงเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างกว้าง ๆ ในการประเมินราคาเพื่อเรียกเก็บภาษี มิได้เป็นข้อตายตัวว่าจะต้องเป็นราคาดังกล่าวในขณะมีผู้นำเข้าเสมอไป แต่ได้กำหนดขึ้นเพื่อทราบราคาอันแท้จริงในท้องตลาดในเบื้องแรกว่ามีราคาใด
ราคาที่ระบุไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า ซึ่งนำเข้าระหว่างวันที่21 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2528 เป็นราคาเดียวกับที่โจทก์ได้แจ้งไว้ในใบกำกับสินค้าในขณะที่โจทก์ส่งกระจกพิพาทลงเรือ ทั้งนี้ในทางปฏิบัติผู้ขายในต่างประเทศจะส่งบัญชีราคาสินค้ามาให้โจทก์ตามที่ขอทราบราคาไป เมื่อโจทก์พอใจราคาแล้วก็จะสั่งซื้อและดำเนินการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่ผู้ขาย หลังจากโจทก์ได้รับสินค้าแล้วจะชำระราคาให้แก่ผู้ขาย หลังจากโจทก์ได้รับสินค้าแล้วจะชำระราคาให้แก่ผู้ขายโดยผ่านทางธนาคาร จึงเชื่อได้ว่าโจทก์ได้สั่งซื้อกระจกพิพาทในราคาดังกล่าวจริง ไม่มีข้อที่จะโต้แย้งหรือมีเหตุสงสัยว่าเอกสารดังกล่าวทำขึ้นไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะมีผู้เกี่ยวข้องและประโยชน์ได้เสียอีกหลายฝ่าย อาทิผู้รับขนทางทะเล และธนาคารตัวแทนทั้งฝ่ายผู้ขายและฝ่ายผู้ซื้อ ทั้งนี้ราคาสินค้าตามที่ระบุไว้ในใบกำกับสินค้า ตั๋วแลกเงิน และใบเสร็จรับเงินแล้วแต่ละกรณี จะเป็นข้อสำคัญที่ยันผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวมิให้โต้เถียงในเรื่องราคาเป็นอย่างอื่น ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าราคาสินค้าที่โจทก์ได้สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นราคาที่แท้จริง และถูกต้องกว่าราคาที่กองวิเคราะห์ราคาได้พิจารณา และกำหนดเป็นราคาประเมินไว้
ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เสนอบัญชีราคาสินค้าให้จำเลยพิจารณาราคาไว้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2527 แต่โจทก์นำสินค้ากระจกพิพาทเข้าภายหลังอีกประมาณ 1 ปีต่อมา ราคาย่อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตามภาวะของตลาด การที่โจทก์ไม่เสนอราคาที่เปลี่ยนแปลงต่อจำเลยก็ไม่เป็นข้อผูกมัดว่า โจทก์จะต้องปฏิบัติเช่นนั้นและราคาจะต้องตายตัวในราคานั้น เพราะไม่มีบทกฎหมายบัญญัติให้โจทก์ต้องปฏิบัติดังกล่าว การยื่นบัญชีราคาสินค้าไว้ต่อจำเลยเพื่อให้พิจารณา เป็นการอำนวยความสะดวก หรือให้ข้อมูลแก่จำเลยล่วงหน้า ที่โจทก์จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการดำเนินพิธีการทางศุลกากร ในการนำเข้าให้เป็นไปโดยรวดเร็วส่วนเหตุที่สินค้ากระจกพิพาทมีราคาต่ำลงนั้น ก็ได้ความว่ากรรมวิธีการผลิตกระจกต้องใช้น้ำมันดิบเป็นเชื้อเพลิงในระหว่าง ปี 2524 ถึง 2528 ราคาน้ำมันดิบลดลงถึงร้อยละ 30 ส่งผลให้ค่าระวางเรือลดลงในอัตราประมาณร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 40 รวมถึงวิธีการบรรจุสินค้าที่โจทก์อาจเลือกเพื่อประหยัดต้นทุนได้หลายวิธีราคากระจกในท้องตลาดทั่วไปจึงลดลงได้และเมื่อพิจารณาประกอบถึงการชำระราคาสินค้าให้แก่ผู้ขายในต่างประเทศ ที่มีวิธีการชำระเงินผ่านธนาคารในรูปของการขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต และอยู่ในความควบคุมและกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกรณีของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา หรือจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายชำระเป็นราคาสินค้า ข้อเท็จจริงเหล่านี้ฟังได้ว่า โจทก์สำแดงราคาสินค้าที่นำเข้าถูกต้องแล้ว