พบผลลัพธ์ทั้งหมด 152 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปจากการกระทำผิดป่าไม้เป็นของต้องริบตามกฎหมาย
ไม้ที่ทำการแปรรูปเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นของต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความครบถ้วนของฟ้องอาญาคดีป่าไม้: ไม่จำเป็นต้องบรรยายข้อยกเว้นโทษ หากบรรยายองค์ประกอบความผิดครบถ้วน
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดไว้ครบถ้วนแล้ว ตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง คือบรรยายได้ความว่าในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จำเลยได้แปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปเกิน 0.20 เมตรลูกบาศก์ โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งครบถ้วนเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ม.48 แล้ว ดังนี้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายถึง ม.50 อันเป็นข้อยกเว้นไว้ด้วยว่า ไม้แปรรูปนั้นแปรรูปมาจากไม้แปรรูปหรือไม้ซุงไม้ท่อน เพราะมิใช่องค์เกณฑ์ของความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749-750/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีป่าไม้และการขาดลายมือชื่อผู้เรียงฟ้องส่งผลต่อความชอบด้วยกฎหมายของคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยให้วางโทษทั้งจำคุกและปรับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเพียงเล็กน้อยในข้อให้ลดโทษฐานปราณีตาม กฎหมายอาญา มาตรา 59 และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำขอให้ลงโทษของโจทก์ โจทก์มิได้อ้าง พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69,73 คงอ้างมาแต่ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2494 มาตรา16,17 เช่นนี้ถือได้แล้วว่าฟ้องโจทก์ได้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดและความใน พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 69,73 ได้ถูกยกเลิกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 16,17 แล้ว เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยได้แม้ศาลจะอ้าง มาตรา 69 และ 73 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เป็นบทลงโทษด้วยก็หาทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ไม่จึงถือว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) และการที่ศาลลงโทษจำเลยก็ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาแล้ว
ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เพราะไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้หยิบยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่จำเลยย่อมหยิบยกขึ้นโต้เถียงในชั้นศาลฎีกาได้เสมอ
ปรากฏว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงจริงจึงถือว่าไม่เป็นฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(7) ศาลต้องยกฟ้องเสียโดยไม่จำต้องพิจารณาถึงปัญหาอื่นอีก
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้แล้วแต่จำเลยต้องถูกขังเกินกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกและปรับมา ศาลควรต้องหักเวลาที่ต้องขังเกินกำหนดโดยคิดเป็นเงินวันละ1 บาท คืนให้จำเลยนั้นกรณีเป็นเรื่องบังคับตามคำพิพากษาเมื่อยังไม่ปรากฏว่าศาลล่างได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างไรย่อมถือว่ายังไม่มีปัญหามาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเพียงเล็กน้อยในข้อให้ลดโทษฐานปราณีตาม กฎหมายอาญา มาตรา 59 และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำขอให้ลงโทษของโจทก์ โจทก์มิได้อ้าง พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69,73 คงอ้างมาแต่ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2494 มาตรา16,17 เช่นนี้ถือได้แล้วว่าฟ้องโจทก์ได้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดและความใน พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 69,73 ได้ถูกยกเลิกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 16,17 แล้ว เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยได้แม้ศาลจะอ้าง มาตรา 69 และ 73 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เป็นบทลงโทษด้วยก็หาทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ไม่จึงถือว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) และการที่ศาลลงโทษจำเลยก็ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาแล้ว
ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เพราะไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้หยิบยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่จำเลยย่อมหยิบยกขึ้นโต้เถียงในชั้นศาลฎีกาได้เสมอ
ปรากฏว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงจริงจึงถือว่าไม่เป็นฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(7) ศาลต้องยกฟ้องเสียโดยไม่จำต้องพิจารณาถึงปัญหาอื่นอีก
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้แล้วแต่จำเลยต้องถูกขังเกินกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกและปรับมา ศาลควรต้องหักเวลาที่ต้องขังเกินกำหนดโดยคิดเป็นเงินวันละ1 บาท คืนให้จำเลยนั้นกรณีเป็นเรื่องบังคับตามคำพิพากษาเมื่อยังไม่ปรากฏว่าศาลล่างได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างไรย่อมถือว่ายังไม่มีปัญหามาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเกินกำหนดและใบอนุญาตไม่ตรงกับผู้ครอบครอง ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้แปรรูปที่แปรเมื่อใบอนุญาตหมดอายุแล้วและออกให้ในชื่อของผู้อื่น จำเลยมีไว้ย่อมเป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำไม้เคลื่อนที่ต้องมีใบเบิกทางเมื่อเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 38 เท่านั้น
การนำไม้เคลื่อนที่ที่จะต้องมีใบเบิกทางตามความใน มาตรา39นั้น คือการนำเคลื่อนที่ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 38
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไม้สักเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางตาม มาตรา 39 แต่ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏข้อความตาม มาตรา 38 แต่ประการใดเลย ดังนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไม้สักเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางตาม มาตรา 39 แต่ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏข้อความตาม มาตรา 38 แต่ประการใดเลย ดังนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีป่าไม้: การใช้ใบอนุญาตที่ถูกต้องและการไม่ริบไม้ที่ได้รับยกเว้นค่าภาคหลวง แม้จับกุมผิดวัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 96 เวลาใดไม่ปรากฎจำเลยตัดฟันชักลากและมีไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 96 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะฟังว่าจับของกลางได้เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 96 ซึ่งผิดวันกันก็จริง แต่ข้อที่ผิดกันเช่นนี้ยังไม่เรียกว่า ข้อเท็จจริงตามทีปรากฎในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องไม่ เพราะข้อที่ผิดกันนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดข้อปลีกย่อยเท่านั้น มิใช่ในข้ออันเป็นมูลฐานแห่งข้อกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีป่าไม้: ความถูกต้องของเอกสารอนุญาตตัดไม้ และขอบเขตการริบไม้ของกลาง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 2กรกฎาคม 2496 เวลาใดไม่ปรากฏจำเลยตัดฟันชักลากและมีไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้เมื่อวันที่ 9 ก.ค.96 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะฟังว่าจับของกลางได้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.96 ซึ่งผิดวันกันก็จริง แต่ข้อที่ผิดกันเช่นนี้ยังไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องไม่ เพราะข้อที่ผิดกันนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดข้อปลีกย่อยเท่านั้น มิใช่ในข้ออันเป็นมูลฐานแห่งข้อกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปต้องได้รับอนุญาต แม้จะยังไม่ได้ประกอบเป็นสิ่งปลูกสร้าง
ไม้สัก 8 ท่อนเอาใส่ไว้ในหลุมยังไม่มีไม้คานไม้ขื่อไม้แปติดกับเสาคงใส่หลุมไว้เฉยๆ ดังนี้ยังเป็นไม้แปรรูปซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตในการมีไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้จากสิ่งปลูกสร้างรื้อถอน ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้กระดานที่ได้เคยประกอบเป็นสิ่งปลูกสร้าง คือเป็นเรือนมาแล้ว เมื่อรื้อออกมาเป็นแผ่นไม้กระดานอีก ก็ไม่ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามความหมายของ พ.ร.บ.ป่าไม้ ( ฉะบับที่ 3 ) พ.ศ.2494 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้สักแปรรูปเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ แม้ไม้สักจะเป็นไม้หวงห้ามโดยปริยาย
การมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองเกิน .02 ม.ลูกบาศก์โดยมิได้รับอนุญาตเป็นการผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ม.48 ฉะนั้นไม้สักของกลางต้องริบและในฟ้องไม่ต้องกล่าวว่าไม้สักรายนี้เป็นไม้หวงห้าม เพราะ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 3) 2494 ม.4 บัญญัติว่าไม้สักเป็นไม้หวงห้ามทั้งสิ้น