คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป้องกันตัว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5626/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อาวุธปืนยิงผู้ต้องสงสัยหลบหนี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการฆ่าโดยเจตนา ไม่เป็นการป้องกันตัว
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจร่วมกับพวกอีกสองคน แต่งกายนอกเครื่องแบบไปตรวจค้นตัวผู้ตายและสิ่งของในเพิงที่พักพบกัญชาหนักประมาณ 200 กรัม จึงจับกุมผู้ตายใส่กุญแจมือไว้ทั้งสองข้าง และแจ้งข้อหา ผู้ตายจะสวมใส่เสื้อ จำเลยถอดกุญแจมือให้ผู้ตายข้างหนึ่ง ผู้ตายฉวยโอกาสนั้นกระโดดออกจากเพิงวิ่งหนีไปจำเลยวิ่งตามและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทางด้านหลัง กระสุนปืนถูกผู้ตายที่แก้มก้นด้านซ้าย ตัดลำไส้ใหญ่ ตัดเส้นโลหิตแดงที่ไปเลี้ยงขาซ้ายขาด ทำให้โลหิตตกในเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเช่นนี้ แสดงว่า จำเลยยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าผู้ตายในลักษณะที่ผู้ตายวิ่งหนีมือเปล่า และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ ฎีกาเห็นว่าภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว การไล่ตีจนถึงแก่ความตายเป็นความผิดฐานฆ่า
เมื่อผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายได้วิ่งหนีออกจากบ้านจำเลยไปภยันตรายที่จำเลยจะต้องป้องกันนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว การที่จำเลยถือไม้ไล่ตามผู้ตายไปไกลจากบ้านจำเลยถึง 60 เมตร แล้วได้ใช้ไม้ยาวประมาณ 1 เมตร ตีผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฏว่าผู้ตายต่อสู้หรือมีอาวุธ เช่นนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ป้องกันตัวและการทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
จำเลยสมัครใจเข้าร่วมวิวาททำร้าย ร่างกายซึ่งกันและกันกับฝ่ายผู้ตายและผู้เสียหาย เสร็จแล้วจำเลยวิ่งหนีไปไกลประมาณ8 เมตร โดยมีผู้ตายซึ่งไม่มีอาวุธกับผู้เสียหายวิ่งไล่ตามไปดังนี้การต่อสู้จึงยังเกี่ยวเนื่องติดพันกัน จึงไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่า เป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายที่ละเมิดต่อกฎหมายอันจะเป็นเหตุให้จำเลยต่อสู้ป้องกันสิทธิของตนได้ แต่การที่จำเลยวิ่งหนีแล้วหันกลับมาใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงผู้ตายซึ่งวิ่งไล่ตามมานั้นเพียงครั้งเดียวโดยไม่มีโอกาสเลือกแทงอวัยวะส่วนใดของผู้ตาย แล้วจำเลยวิ่งหนีต่อไปอีกนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวจึงน่าเชื่อว่า จำเลยมิได้เจตนาฆ่าผู้ตาย แต่เป็นการกระทำเพื่อให้พ้นจากการติดตามของผู้ตายกับพวก เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่จำเลยแทงทำร้ายจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำเพื่อป้องกันตัวจากภยันตรายใกล้จะถึง แม้จะใช้อาวุธ แต่พอสมควรแก่เหตุ
โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยและเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลย ถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วมแต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย นอกจากนี้โจทก์ร่วมรูปร่างใหญ่ แข็งแรง และหนุ่มกว่าจำเลย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วจำเลยสู้โจทก์ร่วมไม่ได้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วม ดังนั้น การที่โจทก์ร่วมเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยไว้เป็นเวลานาน และหากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที ก็เพื่อให้พ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ แม้ถูกด่าและเข้าทำร้ายก่อน ศาลยกฟ้อง
โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยโดยเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลย ถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วม แต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย ได้ความว่าโจทก์ร่วมมีรูปร่างใหญ่ แข็งแรงและหนุ่มกว่าจำเลยเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยเป็นเวลานาน หากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้ จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ครั้ง จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายและถูกกอดปล้ำจนอาจได้รับอันตราย
โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยและเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลยถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วมแต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย นอกจากนี้โจทก์ร่วมรูปร่างใหญ่แข็งแรง และหนุ่มกว่าจำเลย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วจำเลยสู้โจทก์ร่วมไม่ได้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วม ดังนั้นการที่โจทก์ร่วมเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยไว้เป็นเวลานาน และหากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้ จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที ก็เพื่อให้พ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อหลีกพ้นจากการถูกทำร้าย
โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยและเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลย ถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วมแต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกายนอกจากนี้โจทก์ร่วมรูปร่างใหญ่ แข็งแรง และหนุ่มกว่าจำเลย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วจำเลยสู้โจทก์ร่วมไม่ได้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วม ดังนั้น การที่โจทก์ร่วมเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยไว้เป็นเวลานาน และหากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที ก็เพื่อให้พ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกายและการป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยกับผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่ง กันและกันการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นเรื่องป้องกันโดย ชอบด้วย กฎหมายตามป.อ. มาตรา 68.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การกระทำต่อเนื่องจากการป้องกันภัยอันตรายถึงชีวิต
ผู้ตายกับพวกรวม 3 คน ถีบประตูห้องพักของจำเลยเพื่อจะเข้าไปทำร้ายจำเลยจนกลอนประตูหลุด ประตูเปิด แล้วเข้าไปทำร้ายจำเลยและจะทำร้ายภรรยาจำเลยซึ่งมีครรภ์อยู่เป็นการกระทำทีอุกอาจและเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ทั้งเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดแทงคนทั้งสาม แม้จะแทงหลายทีก็เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยในขณะนั้นจึงไม่มีความผิด
หลังจากผู้ตายวิ่งออกมาจากห้องพักของจำเลยแล้ว จำเลยติดตามออกมาและใช้มีดแทงผู้ตายอีก 3 ที เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แม้การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกระชั้นชิดกับการกระทำของจำเลยในตอนแรกซึ่งเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่หมดโอกาสทำร้ายจำเลยแล้ว การกระทำของจำเลยในตอนนี้จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตาม ป.อ. มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การกระทำต่อเนื่องหลังภัยอันตรายหมดไป ถือเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกัน
ผู้ตายกับพวกรวม 3 คน ถีบ ประตูห้องพักของจำเลยเพื่อจะเข้าไปทำร้ายจำเลยจนกลอนประตูหลุด ประตูเปิด แล้วเข้าไปทำร้ายจำเลยและจะทำร้ายภรรยาจำเลยซึ่ง มีครรภ์ เป็นการกระทำที่อุกอาจและเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมาย ทั้งเป็น ภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้ มีดแทงคนทั้งสาม แม้จะแทงหลายทีก็เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยในขณะนั้นจึงไม่มีความผิด หลังจากผู้ตายวิ่งออกมาจากห้องพักของจำเลยแล้ว จำเลยติดตามออกมาและใช้ มีดแทงผู้ตายอีก 3 ที เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแม้การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกระชั้นชิด กับการกระทำของจำเลยในตอนแรกซึ่ง เป็นการป้องกันโดย ชอบด้วย กฎหมายแต่ เมื่อจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่หมดโอกาสทำร้ายจำเลยแล้ว การกระทำของจำเลยในตอนนี้จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตาม ป.อ. มาตรา 69.
of 89