คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผลกระทบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 167 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายเปลี่ยนแปลงระหว่างพิจารณาคดี: ผลกระทบต่อความผิดเดิม
พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 26 และ 51 ลงโทษผู้นำใบยาแห้งพันธุ์ต่างประเทศตั้งแต่หนึ่งกิโลกรัมขึ้นไปออกนอกเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามบทบัญญัตินี้ต่อมาระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2512 ออกใช้บังคับ โดยมาตรา 13 และ 19 บัญญัติให้ยกเลิกมาตรา 26 และ 51 ดังกล่าว เมื่อเป็นเช่นนี้ การกระทำของจำเลยตามฟ้องย่อมไม่เป็นความผิดต่อไป ต้องยกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการปิดกั้นลำราง: ผลกระทบต่อการฟ้องละเมิดและเรียกค่าเสียหาย
โจทก์ยินยอมหรือสมัครใจให้จำเลยปิดกั้นลำรางพิพาท เท่ากับโจทก์เต็มใจยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนในอนาคต จะถือว่าจำเลยละเมิดต่อโจทก์ไม่ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย และไม่มีอำนาจฟ้องให้ศาลบังคับจำเลยเปิดลำรางพิพาท ลำรางพิพาทจะเป็นลำรางสาธารณะหรือไม่ก็ตาม จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการปิดกั้นลำราง และผลกระทบต่อการฟ้องละเมิด/บังคับเปิดลำราง
โจทก์ยินยอมหรือสมัครใจให้จำเลยปิดกั้นลำรางพิพาท.เท่ากับโจทก์เต็มใจยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนในอนาคต. จะถือว่าจำเลยละเมิดต่อโจทก์ไม่ได้. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย. และไม่มีอำนาจฟ้องให้ศาลบังคับจำเลยเปิดลำรางพิพาท. ลำรางพิพาทจะเป็นลำรางสาธารณะหรือไม่ก็ตาม. จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งมีผลให้ศาลตัดสินคดีแพ้ได้ ถือเป็นข้อสำคัญในคดีฐานเบิกความเท็จ
จำเลยเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด. ฟ้องขอให้โจทก์ชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างพร้อมทั้งดอกเบี้ย. โจทก์ให้การต่อสู้ว่า ได้จ่ายเช็คเงินสดชำระหนี้ค่าสิ่งของให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นแล้ว. แต่เช็คของโจทก์หลายฉบับรับเงินไม่ได้. จำเลยจึงมอบให้นายวินัยนำเช็คไปแจ้งความ.ร้อยตำรวจโทชัยชาญพนักงานสอบสวนได้ให้โจทก์ชำระหนี้จำเลย.โดยจำเลยและผู้แทนจำเลยมอบให้ร้อยตำรวจโทชัยชาญเป็นคนกลางรับชำระหนี้แทน. โจทก์ได้ชำระหนี้ให้จำเลยเป็นเงินสด.และนางสาวพยุงบุตรสาวโจทก์ได้จ่ายเช็คให้อีก 6 ฉบับ.จำเลยหรือผู้แทนจำเลยได้รับเงินไปตามเช็คที่ถึงกำหนดแล้วบางฉบับ. จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่า.โจทก์ไม่เคยออกเช็คชำระหนี้ให้จำเลย. จำเลยไม่เคยรู้จักนายวินัย ไม่เคยมอบให้นายวินัยไปแจ้งความเรื่องโจทก์ออกเช็ค. โจทก์ไม่เคยเอาเช็คของนางสาวพยุงชำระหนี้. จำเลยไม่เคยรับเช็คจากร้อยตำรวจโทชัยชาญ ไม่รู้จักร้อยตำรวจโทชัยชาญ และไม่เคยพิพาทเรื่องเช็คกับโจทก์. ซึ่งข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นพยานนี้เป็นความเท็จ. หากศาลหลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลย. ก็อาจทำให้ศาลไม่เชื่อข้อต่อสู้ของโจทก์ว่าได้ชำระหนี้บางส่วนให้จำเลยแล้วย่อมจะตัดสินให้โจทก์แพ้คดี. ฉะนั้นคำเบิกความเท็จของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี. จำเลยต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ.
การฟ้องคดีฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177นั้น. กฎหมายมิได้บัญญัติว่าพยานจะต้องสาบานตัวก่อนเบิกความ จึงจะเป็นความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผิดต่อบ้านเมือง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำความผิด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รู้เห็นในการที่สิบตำรวจเอกสุชินฆ่านายปิงแต่จำเลยไม่จับกุม.สิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดีตามคำกล่าวหาของภรรยานายปิง ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ฟ้องโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย หากจำเลยจะได้จับกุมหรือไม่จับกุมสิบตำรวจเอกสุชินมาดำเนินคดี เพราะไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และความผิดตามข้ออ้าง เป็นความผิดต่อบ้านเมืองในการดำเนินการปกครองของรัฐโดยเฉพาะ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย การพิจารณาจากลักษณะการทำร้ายและผลกระทบ
จำเลยใช้ไม้คราดเหลี่ยมโตด้านละ 3 นิ้วฟุตยาว 1 แขน มีซี่ฟันโตขนาดนิ้วมือ ตีขมับผู้ตาย 1 ที กระโหลกศีรษะแตก เลือดออกในสมอง และทางปากและจมูก แสดงว่าตีอย่างแรง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่มรณะ และผลกระทบต่อข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่เหลือ
จำเลยคนหนึ่งได้มรณะในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ไม่มีผู้ใดยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นคำขอให้ศาลหมายเรียกผู้ใดเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยผู้นั้นมรณะ ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยผู้นั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้มรณะจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนข้อพิพาทที่เกี่ยวกับจำเลยอื่น ถ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยุติแล้วนั้น ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่มรณะ และผลกระทบต่อข้อพิพาทที่เหลือ
จำเลยคนหนึ่งได้มรณะในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาไม่มีผู้ใดยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นคำขอให้ศาลหมายเรียกผู้ใดเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยผู้นั้นมรณะศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยผู้นั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้มรณะจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนข้อพิพาทที่เกี่ยวกับจำเลยยื่น ถ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยุติแล้วนั้น ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำต่อบุคคลหนึ่ง ผลกระทบต่ออีกบุคคลหนึ่ง มาตรา 60 ประมวลกฎหมายอาญา ไม่เป็นการกระทำโดยประมาท
จำเลยเป็นภารโรงมีหน้าที่เฝ้าโรงเรียน ได้มีคนร้ายมางัดแงะโรงเรียนซึ่งเก็บของที่มีค่าในเวลาที่จำเลยไม่อยู่ ครั้นจำเลยมา คนร้ายหนีไป จำเลยติดตามไล่จับ และใช้อาวุธปืนยิงไปโดยเจตนาป้องกันทรัพย์สินของโรงเรียน กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาป้องกันทรัพย์ที่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยติดตามขับไล่คนร้ายไปแล้วใช้ปืนยิงคนร้าย แต่กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำที่จำเลยได้มีเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60 ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งรับผลร้ายจากการกระทำนั้น การกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยประมาท.
of 17