พบผลลัพธ์ทั้งหมด 310 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยกำแพงรั้ว แม้ผู้ซื้อที่ดินก็ต้องร่วมรื้อถอน
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงออกค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงรั้วพิพาทคนละครึ่ง แต่โจทก์มิได้ตกลงให้จำเลยที่ 1 ก่อสร้างกำแพงรั้วพิพาทล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิก่อสร้างกำแพงรั้วพิพาทรุกล้ำเข้าไป เมื่อโจทก์ให้รื้อถอน จำเลยที่ 1 จึงต้องรื้อถอนออกไป จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เป็นผู้ซื้อตึกแถวและที่ดินที่มีบางส่วนของกำแพงรั้วพิพาทก่อสร้างอยู่จากจำเลยที่ 1 แม้มิได้เป็นผู้ก่อสร้างกำแพงรั้วพิพาทก็ตาม ก็ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รื้อถอนกำแพงรั้วดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6429/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอนสิทธิ: ผู้ขายต้องพิสูจน์ความผิดผู้ซื้อเพื่อให้พ้นจากความรับผิด
กรณีที่ผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 482 (1)นั้น จะต้องได้ความว่าผู้ขายพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของผู้ซื้อได้สูญไปโดยความผิดของผู้ซื้อเอง รถยนต์พิพาทถูกยักยอกมาและได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ติดตามยึดรถไปจากโจทก์ผู้ซื้อด้วยอำนาจของกฎหมาย โดยจำเลยผู้ขายมิได้นำสืบให้เห็นว่าการที่รถยนต์พิพาทถูกยึดไปนั้นเป็นความผิดของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงไม่อาจอ้างเอาข้อยกเว้นการรับผิดในการรอนสิทธิตามข้อกฎหมายที่อ้างมานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3713/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินและสิทธิของผู้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเดิม สิทธิเรียกร้องจำกัดเฉพาะค่าใช้ที่ดินและภาระจำยอม
โจทก์จะบังคับให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนระเบียงพิพาทได้ก็ต่อเมื่อจำเลยทั้งสามก่อสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริต ตามป.พ.พ. มาตรา 1312 วรรคสอง แต่เมื่อจำเลยทั้งสามซื้อ ตึกแถว พร้อมระเบียงพิพาทที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์อยู่ก่อนแล้ว โดย ไม่ปรากฏ ว่า ระเบียงได้สร้างรุกล้ำโดยไม่สุจริต ต้องถือว่า จำเลย เป็น ผู้สืบสิทธิ ของ ผู้สร้างระเบียงพิพาทรุกล้ำที่ดินของโจทก์ โดยสุจริต โจทก์จึงมีสิทธิ เพียงแต่ จะ ได้ค่าใช้ที่ดินและยังมีหน้าที่ จดทะเบียนภาระจำยอมให้จำเลยทั้งสาม ด้วยทั้งนี้ โดยนัย ป.พ.พ. มาตรา 1312 วรรคแรก แต่โจทก์มิได้ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน เป็นค่าใช้ที่ดินของโจทก์ ศาลจึงไม่อาจบังคับให้จำเลยใช้เงินดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดภาระหนี้สินในการซื้อขายบ้าน ไม่ถึงขั้นฉ้อโกง หากผู้ซื้อไม่ตรวจสอบสถานะทรัพย์สิน
การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาระหนี้สินของผู้ขายบ้านต่อผู้ซื้อ ไม่ถือเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง
การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5053/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์และฎีกาของผู้ซื้อรายใหม่ในคดีบังคับคดี: ผู้ไม่มีส่วนได้เสียย่อมไม่มีสิทธิ
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลย เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการขายทอดตลาดใหม่ อ้างว่าคำสั่งให้ขายทรัพย์สินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างพิจารณาของศาลจำเลยนำ ป. ผู้ซื้อรายใหม่มาแถลงว่าจะขอสู้ราคาสูงกว่าที่ขายทอดตลาดได้ เพื่อเป็นประกันว่าจะเข้าสู้ราคา ป. จะจัดหาธนาคารมาค้ำประกัน ต่อมา ป.ไม่สามารถจัดหาธนาคารมาค้ำประกันได้ ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ จึงไม่มีการขายทอดตลาดใหม่ ป. ไม่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและไม่ใช่เป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ขายทอดตลาดใหม่ไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ป.จึงไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้ ป. มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของ ป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4933/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตกเป็นของผู้ซื้อทันทีเมื่อซื้อขายสำเร็จ แม้มีเงื่อนไขให้ผู้ขายยึดคืนได้หากผิดสัญญา สิทธิของผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมได้รับการคุ้มครอง
สัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาท มีเงื่อนไขเฉพาะวิธีการชำระราคาให้ชำระเป็นเช็ค 2 งวด หากผิดเงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้โดยไม่ได้ระบุว่าให้กรรมสิทธิ์โอนไปเมื่อผู้ขายได้รับชำระราคาครบถ้วน แล้ว เช่นนี้เป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาดกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญา เงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้เป็นเพียงข้อกำหนดวิธีการบังคับเมื่อเกิดกรณีผิดสัญญาเท่านั้นโจทก์ผู้ซื้อรถยนต์พิพาทจากผู้ซื้อเดิมโดยสุจริตย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3819/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิซื้อขายโดยไม่สุจริตของผู้ขายที่ปล่อยให้ผู้ซื้อค้างชำระนานปี และรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดของผู้ซื้อ
แม้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางยังเป็นของผู้ร้องตามข้อสัญญา เพราะผู้ซื้อยังค้างชำระราคาอยู่ แต่ผู้ร้องปล่อยให้ผู้ซื้อค้างชำระราคาอยู่จนถึงวันเกิดเหตุเป็นเวลา 4 ปีเศษแล้ว มิได้บังคับตามสัญญาซื้อขายแก่ผู้ซื้อโดยการบอกเลิกสัญญาและเรียกเอาทรัพย์ที่ขายคืนอย่างใดคงปล่อยเนิ่นนานมาจนกระทั่งจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้ซื้อนำรถยนต์ของกลางไปกระทำความผิดแล้วผู้ร้องก็มอบอำนาจให้ผู้ซื้อนั้นเองมายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง ทั้งตามสัญญาซื้อขายผู้ซื้อต้องรับผิดใช้ราคาที่ซื้อจนครบแม้รถยนต์ของกลางจะถูกริบ ดังนี้ การร้องขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ร้อง เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อ เพื่อให้ผู้ซื้อได้รับรถยนต์ของกลางคืนไปในภายหลังหาใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ร้องเองไม่ จากพฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้ซื้อใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกทรายเกินน้ำหนักในทางการค้าของผู้ซื้อ น่าเชื่อว่ากระทำไปตามคำสั่งของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจึงเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เมื่อผู้ร้องขอคืนรถยนต์ของกลางเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อ จึงถือได้ว่าเป็นการรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดคดีนี้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินที่ไม่จดทะเบียน ไม่สามารถใช้ต่อสู้ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิได้
ผู้ที่มีสิทธิครอบครองที่ดิน หากยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาย่อมไม่อาจยกสิทธินั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายมีผลผูกพันแม้กรรมสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องบังคับจดทะเบียนได้
สัญญาจะซื้อขายเป็นสัญญาที่กำหนดให้โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินกันภายหน้า แม้ขณะทำสัญญาผู้จะขายยังไม่มีกรรมสิทธิ์หรือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังไม่สมบูรณ์ สัญญาก็มีผลบังคับแล้ว
ผู้จะซื้อที่ดินย่อมฟ้องบังคับให้เจ้าของที่ดินไปจดทะเบียนโอนที่ดินแก่ตนได้ แม้จะมีชื่อผู้อื่นในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินนั้นแทนเจ้าของที่ดินอยู่ก็ตาม กรณีมิใช่สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องแต่เป็นเรื่องการปฏิบัติทางทะเบียนเท่านั้น.
ผู้จะซื้อที่ดินย่อมฟ้องบังคับให้เจ้าของที่ดินไปจดทะเบียนโอนที่ดินแก่ตนได้ แม้จะมีชื่อผู้อื่นในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินนั้นแทนเจ้าของที่ดินอยู่ก็ตาม กรณีมิใช่สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องแต่เป็นเรื่องการปฏิบัติทางทะเบียนเท่านั้น.