พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังผู้ทรงเช็ค แม้คำฟ้องและคำเบิกความมีรายละเอียดต่างกัน หากสาระสำคัญไม่ขัดแย้งกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกเช็คพิพาทมอบให้จำเลยที่ 2ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทและนำไปแลกเงินสดจากโจทก์ แต่โจทก์เบิกความว่าจำเลยที่ 1 นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์ เมื่อจำเลยทั้งสองรับว่าจำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คพิพาทและจำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คพิพาทโดยจำเลยที่ 1 ได้นำเช็คพิพาทไปมอบให้โจทก์เป็นการแลกเช็คและรับเงินสดไปจากโจทก์จริง ดังนี้ข้อแตกต่างระหว่างคำฟ้องกับคำเบิกความของโจทก์ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญที่จะมีผลให้รับฟังว่าโจทก์ไม่ได้รับเช็คพิพาทไว้เพื่อชำระหนี้ โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปชำระหนี้บุคคลผู้มีชื่อ แต่โจทก์เบิกความว่าโจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปขายให้ ต. นั้น คำเบิกความของโจทก์หมายความว่าโจทก์นำเช็คพิพาทไปมอบให้บุคคลผู้มีชื่อเพื่อชำระหนี้ทำนองเดียวกับที่โจทก์กล่าวในคำฟ้อง ดังนี้หาเป็นการแตกต่างกันไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5723/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย การซื้อขายเช็ค และเช็คไม่มีมูลหนี้
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คผู้ถือแล้วมอบให้ ว.เป็นการชั่วคราวตามคำขอร้อง ของ ก. มารดาจำเลย ต่อมา ก.ได้ออกเช็คของ ก. มอบให้ ว. แทนเช็คพิพาท และ ว. นำเช็คฉบับหลังขึ้นเงินได้แล้วแต่ไม่คืนเช็คพิพาทให้จำเลย จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์ และโจทก์ไม่เคยได้เช็คพิพาทไว้ในครอบครองโจทก์เพียงแต่มีภาพถ่ายเช็คพิพาทไว้เท่านั้น ดังนี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5723/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เช็คไม่มีมูลหนี้ และพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คผู้ถือแล้วมอบให้ ว.เป็นการชั่วคราวตามคำขอร้อง ของ ก. มารดาจำเลย ต่อมา ก.ได้ออกเช็คของ ก. มอบให้ ว.แทนเช็คพิพาทและว. นำเช็คฉบับหลังขึ้นเงินได้แล้วแต่ไม่คืนเช็คพิพาทให้จำเลย จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์ และโจทก์ไม่เคยได้เช็คพิพาทไว้ในครอบครองโจทก์เพียงแต่มีภาพถ่ายเช็คพิพาทไว้เท่านั้น ดังนี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5595/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องไล่เบี้ยเช็ค: ผู้รับช่วงสิทธิจากผู้ทรงเช็คมีอายุความ 10 ปี ไม่ใช่ 6 เดือน
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์หรือผู้ถือ โจทก์สลักหลังเช็คนำไปขายลดให้แก่บุคคลภายนอก ผู้รับซื้อเช็คไว้ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คการสลักหลังของโจทก์จึงเป็นเพียงประกันหนี้ตามเช็คพิพาทที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อผู้ทรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921ประกอบด้วยมาตรา 989 โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะค้ำประกันหนี้ตามเช็คของจำเลย เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้แทนจำเลยไปแล้ว ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลย และเข้ารับช่วงสิทธิของผู้ทรงเช็คบรรดามีเหนือจำเลยด้วย กรณีเช่นนี้ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ผู้รับช่วงสิทธิจากผู้ทรงเช็คจะต้องฟ้องร้องภายในกำหนดเวลาเท่าใด สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิมาจากผู้ทรงจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 หาใช่อายุความ 6 เดือน ตามมาตรา 1003 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5595/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องไล่เบี้ยเช็ค: ผู้รับช่วงสิทธิจากผู้ทรงเช็คมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 ไม่ใช่ 6 เดือนตามมาตรา 1003
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์หรือผู้ถือ โจทก์สลักหลังเช็คนำไปขายลดให้แก่บุคคลภายนอก ผู้รับซื้อเช็คไว้ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คการสลักหลังของโจทก์จึงเป็นเพียงประกันหนี้ตามเช็คพิพาทที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อผู้ทรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921ประกอบด้วยมาตรา 989 โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะค้ำประกันหนี้ตามเช็คของจำเลย เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้แทนจำเลยไปแล้ว ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลย และเข้ารับช่วงสิทธิของผู้ทรงเช็คบรรดามีเหนือจำเลยด้วย กรณีเช่นนี้ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ผู้รับช่วงสิทธิจากผู้ทรงเช็คจะต้องฟ้องร้องภายในกำหนดเวลาเท่าใด สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิมาจากผู้ทรงจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 หาใช่อายุความ 6 เดือน ตามมาตรา 1003 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5513/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, การสลักหลังเช็ค, มูลหนี้, ผู้ทรงเช็ค, อำนาจฟ้อง
แม้หนังสือมอบอำนาจจะมิได้ระบุโดยตรงว่าห้างโจทก์เป็นผู้มอบอำนาจให้ ม. ฟ้องคดีแทน แต่ในตอนต้นของหนังสือมอบอำนาจระบุว่า ข้าพเจ้านาย ป. และมีข้อความต่อมาว่า ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจลงนามผูกพันห้างโจทก์-------------------------------------และในช่องผู้มอบอำนาจ นอกจากนาย ป. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างโจทก์จะได้ลงลายมือชื่อแล้วยังได้ประทับตราของห้างโจทก์อีกด้วย ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้มอบอำนาจให้ ม. ฟ้องคดีแทนโจทก์
จำเลยที่ 1 เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงจำเลยที่ 1 จะอ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่เคยเป็นหนี้โจทก์จึงไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยที่ 1เข้าสลักหลังเช็คพิพาทย่อมก่อให้เกิดมูลหนี้ในเช็คอยู่ในตัว.
จำเลยที่ 1 เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงจำเลยที่ 1 จะอ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่เคยเป็นหนี้โจทก์จึงไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยที่ 1เข้าสลักหลังเช็คพิพาทย่อมก่อให้เกิดมูลหนี้ในเช็คอยู่ในตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อต่อสู้เรื่องเช็คไม่มีมูลหนี้และการลงวันที่เช็คโดยไม่สุจริต เป็นข้อต่อสู้เฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน จึงต้องห้ามตามกฎหมาย
การที่จำเลยให้การว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยมอบเป็นประกันการชำระหนี้แก่ จ. และได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นกันไปแล้วจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ และผู้ทรงคนก่อนลงวันที่ออกเช็คโดยไม่สุจริต ทำให้เช็คพิพาทเป็นเอกสารปลอมนั้น เป็นคำให้การต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน ๆ โดยจำเลยมิได้อ้างว่าโจทก์กับผู้ทรงคนก่อนสมคบกันฉ้อฉลจำเลยแต่ประการใด ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แม้ระบุชื่อผู้รับเงินผิดพลาด โจทก์ยังคงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
จำเลยสั่งจ่ายเช็คระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินโดยเข้าใจว่าว.เป็นเจ้าของกิจการของโจทก์เพราะว. เป็นผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยตลอดมา นอกจากนี้ ว. ยังเป็นหุ้นส่วนซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แต่ระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินแทนโจทก์จำเลยหาได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ว. ในฐานะส่วนตัวไม่ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คโดยชอบธรรม แม้มีการโอนเช็ค
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่ง จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ การที่จำเลยให้การและนำสืบว่าจำเลยลงลายมือชื่อในเช็ค พิพาทมอบให้แก่ จ. เพื่อค้ำประกันหนี้โดย ไม่ได้ลงวันที่และจำนวนเงิน ต่อมาจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้ จ. จนหมดแต่ จ. ไม่คืนเช็ค ให้นั้นเป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวกันระหว่างจำเลยซึ่ง เป็นผู้สั่งจ่ายกับ จ. ซึ่ง เป็นผู้ทรงคนก่อน แม้จำเลยจะให้การว่าโจทก์ได้เช็ค พิพาทมาโดย ทุจริตคบคิดกับ จ. แต่ จำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นเช่นนั้น ดังนี้ จำเลยจึงต้อง รับผิดใช้ เงินตาม เช็ค ให้โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ทรงเช็คเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ ผู้รับเช็คมีสิทธิเช่นเดียวกับผู้รับเช็คเดิม
การที่จำเลยออกเช็คพิพาทลงวันที่ล่วงหน้าแลกเงินสดจาก ย.โดย มิได้มีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น ย. ย่อมมีสิทธินำเช็คพิพาทไปขอรับเงินจากธนาคารเมื่อเช็ค ถึง กำหนด การที่ ย. นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดกับผู้เสียหายอีกทอดหนึ่ง ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิเช่นเดียวกับ ย. เมื่อผู้เสียหายนำเช็คพิพาทไปขอรับเงินจากธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะบัญชีของจำเลยปิดก่อนหน้านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ส่วนการที่ผู้เสียหายรับแลกเช็คพิพาทเพราะเชื่อถือ ย. มิใช่เชื่อถือ จำเลยนั้น ไม่ทำให้ผู้เสียหายเสียสิทธิในฐานะ ผู้ทรงเช็ค และจะถือว่าผู้เสียหายใช้ สิทธิโดย ไม่สุจริตไม่ได้.