พบผลลัพธ์ทั้งหมด 131 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละทิ้งคดี: ศาลต้องดำเนินการพิจารณาคดีต่อเนื่อง แม้ผู้ร้องไม่ขอให้ดำเนินคดีต่อ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปจนสิ้นกระแสความ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นเพียงแต่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเท่านั้น ถือว่าศาลชั้นต้นยังมิได้ปฏิบัติการอันจะพึงให้ถือได้ว่าผู้ร้องละทิ้งคดี ดังนั้น การที่ผู้ร้องไม่ขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาภายใน 15 วัน เมื่อพ้นอายุความฎีกาแล้วจึงไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีของผู้ร้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของผู้ร้องในคดีริบของกลาง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36 หน้าที่นำสืบพิสูจน์ย่อมตกอยู่แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าตนมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมและไม่มีผู้ดำเนินการแทน
ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งว่าเรือนพิพาทที่โจทก์ยึดฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้ร้อง ต่อมาปรากฏว่าผู้ร้องได้ถึงแก่มรณะและตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้อง ดังนี้ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกเสียจากสารบบความศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีขัดทรัพย์: ผู้อ้างทรัพย์เป็นของตนต้องนำสืบก่อน
คดีร้องขัดทรัพย์ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบก่อน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 / 2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 / 2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ต้องนำสืบก่อนหากอ้างทรัพย์เป็นของตนเอง แม้โจทก์อ้างเป็นของจำเลย
คดีร้องขัดทรัพย์ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลยดังนี้ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบก่อน(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในคดีบังคับคดี: ผู้มิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิ
ผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยโดยผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในคดีหนึ่ง ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะมาร้องขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งได้นำยึดไว้เพื่อบังคับคดีของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้และผู้ร้องจะไปร้องในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ขอยึดหรืออายัดทรัพย์ดังกล่าวนี้ก่อนคำพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ก็ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290
คู่ความที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้นที่จะร้องขอขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ได้เมื่อผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดี ก็ไม่อาจจะขอให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาการขายทอดตลาดเพื่อให้โอกาสผู้ร้องเข้าขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ขายนั้นได้
การขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ1หมวด 1 นั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะผู้ที่เป็นคู่ความในคดีนั้น
คู่ความที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้นที่จะร้องขอขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ได้เมื่อผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดี ก็ไม่อาจจะขอให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาการขายทอดตลาดเพื่อให้โอกาสผู้ร้องเข้าขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ขายนั้นได้
การขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ1หมวด 1 นั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะผู้ที่เป็นคู่ความในคดีนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมและสิทธิการยึดทรัพย์: การยึดส่วนของจำเลยในที่ดินกรรมสิทธิ์ร่วม ผู้ร้องไม่มีสิทธิคัดค้านหนี้ระหว่างโจทก์จำเลย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าที่พิพาท ผู้ร้องกับจำเลยและนางยะถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันโจทก์ก็มีสิทธินำยึดส่วนของจำเลยได้ที่ผู้ร้องอ้างว่าหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นหนี้ที่สมยอมกันนั้นจะจริงหรือไม่ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียด้วยจึงไม่มีสิทธิจะยกขึ้นคัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอเฉลี่ยหนี้จากการขายทอดตลาด: ผู้ร้องต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก่อน
เมื่อผู้ร้องยังมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงยังไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้กักเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นนำยึด ไว้เฉลี่ยให้ผู้ร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเลิกการล้มละลายก่อนมีคำพิพากษา: ไม่มีสถานะล้มละลาย จึงยกเลิกไม่ได้
ลูกหนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แล้วแต่ศาลยังมิได้พิพากษาให้ล้มละลายนั้น จะร้องขอให้สั่งยกเลิกการล้มละลายเสียตาม มาตรา 135(2) โดยอ้างเหตุว่าไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลายนั้นไม่ได้ เพราะยังไม่มีการล้มละลายอย่างใดที่จะยกเลิก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลาง: ศาลมีอำนาจสั่งคืนของกลางให้ผู้ร้องได้หากมีเหตุผลสนับสนุน แม้มีคำพิพากษาไปแล้ว ไม่ถือเป็นการแก้คำพิพากษา
ศาลมีคำพิพากษาให้ริบของกลางต่อมามีผู้มาร้องว่าของกลางนั้น เป็นของผู้ร้องเมื่อศาลเชื่อว่าของกลางเป็นของผู้ร้องจริงศาลก็อาจสั่งคืนให้ผู้ร้องได้ไม่เป็นการแก้คำพิพากษา