คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 670 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5523/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การมอบอำนาจโดยปราศหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลอุทธรณ์พิจารณาจากข้อเท็จจริงจากการสืบพยานได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินโดยอ้างว่ามอบให้จำเลยเป็นตัวแทนและให้ลงชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดแทนโจทก์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์กับจำเลยไม่ได้ทำข้อตกลงเป็นหนังสือกันไว้ ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน้อยนั้น มิใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวนและนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะเป็นการยกข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการสืบพยานของทั้งสองฝ่ายว่าโจทก์กับจำเลยไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือกันไว้จริงเพื่อเป็นเหตุผลชี้ให้เห็นว่าโจทก์มิได้มอบให้จำเลยเป็นตัวแทนและลงชื่อจำเลยไว้ในโฉนดที่ดินพิพาทแทนโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4246/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การห้ามอุทธรณ์ประเด็นใหม่ & การชั่งน้ำหนักพยาน
แม้จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่ประเด็นที่จำเลยที่ 2 กล่าวในอุทธรณ์ไม่ตรงกับที่เคยให้การไว้ ปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2ข้อนี้จึงมิใช่ข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น และมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงชอบแล้ว
การวินิจฉัยพยานหลักฐานในทางแพ่งเป็นการชั่งน้ำหนักพยานทั้งสองฝ่ายว่าฝ่ายใดมีนำหนักให้เชื่อฟังมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจึงชี้ขาดให้ฝ่ายนั้นชนะคดี โจทก์มี ด.เจ้าหน้าที่ของโจทก์มาเบิกความเป็นพยานประกอบเอกสารได้ความสอดคล้องตรงกันแม้โจทก์ไม่ได้ตัวลูกค้าของโจทก์มาเบิกความเป็นพยาน ก็มีน้ำหนักน่าเชื่อว่าฝ่ายจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่มีพยานมานำสืบแต่ประการใดเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยาน, หลักฐานน้อย, สงสัยว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
พยานโจทก์แม้จะไม่เคยมีสาเหตุอะไรกับจำเลยมาก่อน แต่ก็เป็นพนักงานของห้องอาหารที่เกิดเหตุซึ่งก่อนหน้านี้จำเลยเคยก่อเหตุมาแล้ว และข้อเท็จจริงได้ความจาก จ. พยานโจทก์ว่าขณะไฟฟ้าเปิดสว่างนั้น มีแขกโต๊ะอื่นยังรับประทานอาหารอยู่ 2 โต๊ะ แสดงว่าแขกดังกล่าวย่อมจะเห็นเหตุการณ์แน่นอนซึ่งถือเป็นพยานกลางพนักงานสอบสวนน่าจะสอบไว้เป็นพยานบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏ ส่วนร้อยตำรวจตรี จ. สิบตำรวจโท ว.และสิบตำรวจตรีท. แม้จะได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคดีนี้และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเห็นจำเลยเมาสุราและอยู่ห่างโต๊ะที่อาวุธปืนของกลางวางอยู่ประมาณ 1 เมตรก็ตามแต่ก็ไม่ได้เห็นขณะจำเลยถืออาวุธปืนของกลาง ทั้งร้อยตำรวจตรี จ.ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุกับจำเลยมาก่อน พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักน้อย ยังมีความสงสัยตามควรว่าพยานโจทก์เห็นจำเลยเป็นผู้ถืออาวุธปืนของกลางเข้าไปวางบนโต๊ะอาหารในห้องอาหารที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยาน: 'พยานคนก่อน' หมายถึงพยานฝ่ายเดียวกันเท่านั้น
คำว่า "พยานคนก่อน" ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 114 หมายความถึงเฉพาะพยานฝ่ายของตนเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าส. พยานจำเลยที่ 2 นั่งฟังพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 1ก่อนเข้าเบิกความ จึงมิใช่การเบิกความโดยได้ฟังคำพยานคนก่อนคำเบิกความของ ส. ไม่เป็นการผิดระเบียบและรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอนาจารและบุกรุกที่ขาดหลักฐานพยานสนับสนุนและข้อเท็จจริงไม่สอดคล้อง
ความผิดฐานกระทำอนาจาร โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความจึงไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยได้กระทำอนาจารผู้เสียหายพยานโจทก์ปากอื่นเพียงเห็นจำเลยกับผู้เสียหายยืนอยู่ใกล้ประตูเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุพร้อมสามีผู้เสียหายเห็นผู้เสียหายเปิดประตูด้านหน้าออกมาพร้อมกับจำเลย ขณะนั้นผู้เสียหายนุ่งผ้ากระโจมอก นอกจากนี้ มีดคัทเตอร์ ที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยใช้เป็นอาวุธขู่บังคับผู้เสียหายให้ถอดเสื้อผ้าก็ไม่พบพยานหลักฐานโจทก์เพียงบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ให้การว่าผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดคัทเตอร์ บังคับให้ถอดเสื้อผ้าและใช้ผ้ามัดปากมัดมือผู้เสียหายไขว้หลังให้นอนคว่ำหน้าบนเตียงนอนจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยฐานอนาจารได้ จำเลยรู้จักกับผู้เสียหาย และจำเลยเข้าไปในอาคารที่เกิดเหตุโดยผู้เสียหายยินยอม จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า ใบมีดโกน ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ศาลย่อมไม่มีอำนาจริบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและผลต่อการนำสืบพยาน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คำเบิกความของจำเลยที่อ้างตนเองเป็นพยาน เป็นเพียงเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานโจทก์ มิได้ก่อให้เกิดประเด็นแห่งคดีในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2169/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความพยาน, เช็คไม่มีวันที่, และขอบเขตอำนาจศาลในการพิจารณาคดี
การเป็นพยานในศาลจะต้องสาบานตนหรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามสัตย์จริงเสียก่อนเบิกความ และในการเบิกความศาลมีอำนาจที่จะซักถามพยานและคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งชอบที่จะถามค้านพยานได้ แม้พยานจะพูดภาษาไทยไม่ได้ก็สามารถใช้ล่ามแปลได้ การที่ตัวโจทก์เป็นชาวจีนฮ่องกงก็ไม่เป็นข้อขัดข้องที่จะมาเป็นพยาน ดังนั้นการที่ตัวโจทก์ไม่มาเป็นพยานในศาลจึงทำให้พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน้อยและเป็นข้อพิรุธ
จำเลยที่ 2 ออกเช็คโดยไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่าย ย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำความผิด แม้ต่อมาจะมีการประทับตรายางวันที่ตามข้อตกลงอันมีต่อกันระหว่างคู่กรณีก็ตาม ก็มีผลเพียงให้เช็คพิพาทนั้นสมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 แม้จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวฎีกา จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาด้วยก็ตาม แต่เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาให้มิต้องถูกรับโทษด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด และการรับฟังพยานที่ไม่สามารถมาให้การได้
นางสาว ข. พยานโจทก์มาเบิกความตอบคำซักถามของโจทก์แล้วไม่มาให้จำเลยถามค้านแต่โจทก์ส่งคำให้การ ของนางสาว ข. ต่อศาล โดยมีพนักงานสอบสวนเบิกความรับรองว่านางสาว ข. ให้การไว้เช่นนั้นจริง ทั้งตามคำให้การชั้นสอบสวนของนางสาว ข. ดังกล่าวสอดคล้องกับที่เบิกความตอบคำซักถามของโจทก์ จึงนำคำเบิกความของนางสาว ข. ที่ตอบคำซักถามของโจทก์มารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้ จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงาน การที่จำเลยร่วมกับพวกซึ่งเป็น เจ้าพนักงานกระทำความผิด จำเลยย่อมมีความผิดฐานสนับสนุน เจ้าพนักงานในการกระทำผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่นำสืบพยานที่รู้เห็นตั้งแต่ต้นในชั้นฎีกาถือเป็นความบกพร่องของจำเลย ศาลไม่รับฟังพยานเพิ่มเติม
พยานที่จำเลยจะขอสืบในชั้นฎีกาเป็นพยานที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นผู้รู้เห็น อาจนำมาสืบได้แต่ตอนต้นเมื่อไม่นำมาสืบในตอนนั้นนับได้ว่าเป็นความบกพร่องของจำเลยเอง ถ้าให้จำเลยนำสืบได้ก็จะไม่เกิดความเป็นธรรมแก่คู่ความอีกฝ่าย จึงไม่มีเหตุที่จะให้จำเลยนำสืบอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นหลักฐานสำคัญ ศาลพิจารณาความสอดคล้องกับลายมือชื่อในเอกสารอื่นประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
ผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อจำเลยมีความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้พิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้ตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในการตรวจพิสูจน์เป็นข้อแพ้ชนะแล้ว แม้ความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่ก็มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องรับฟังตามนั้นเสมอไปเมื่อปรากฏว่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในใบรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องมีลักษณะการเขียนและขนาดของตัวหนังสือคล้ายคลึงกันกับลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในสัญญากู้พิพาท ศาลย่อมฟังว่าจำเลยที่ 2กู้ยืมเงินไปจากโจทก์ได้.
of 67