คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยายามฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 869 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นในความผิดพยายามฆ่าและโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
ศาลเยาวชนและครอบครัวพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมจำคุก 7 ปี เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยฐานพาอาวุธไปในเมืองปรับ 100 บาท ยกฟ้องข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แสดงว่าความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นศาลอุทธรณ์พิพากษายืน มิได้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปี จึงห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 124 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีเยาวชนเมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดฐานพยายามฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมจำคุก 7 ปี เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลามีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 4 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ฐานพาอาวุธไปในเมือง ปรับ 100 บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แสดงว่าในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลามีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 4 ปี มิได้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน5 ปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. 2534 มาตรา 124 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่า คำเบิกความของพยานโจทก์ขัดกันในสาระสำคัญและขาดเหตุผล ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นรับฎีกาจำเลยมาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าเมื่ออาวุธปืนไม่สามารถใช้งานได้จริง การกำหนดโทษตาม ป.อ.มาตรา 81
อาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นอาวุธปืนแก๊ปยาว โดยปกติการใช้อาวุธปืนดังกล่าว ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กระสุนปืนลั่นออกได้คือแก๊ปสำหรับจุดระเบิดหากไม่มีการใส่แก๊ปก็ไม่สามารถทำให้กระสุนปืนลั่นออกได้เลย แม้จำเลยจะได้ใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า อาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงมีการใส่แก๊ปปืนไว้แล้ว ดังนี้กระสุนปืนจึงไม่อาจลั่นออกได้อย่างแน่นอนการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ.มาตรา 288ประกอบมาตรา 81 วรรคหนึ่ง
ป.อ.มาตรา 81 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288 ซึ่งกำหนดโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี การคำนวณโทษกึ่งหนึ่งของโทษประหารชีวิตหรือโทษจำคุกตลอดชีวิต กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้จึงต้องนำ ป.อ.มาตรา 52 (2) และ 53 มาใช้เป็นหลักในการกำหนดโทษ เมื่อคำนวณแล้วย่อมมากกว่าโทษกึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี ส่วนโทษกึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี ก็คือโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี 6 เดือนถึง 10 ปี ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยก่อนลดโทษตาม ป.อ.มาตรา 78จำคุก 2 ปี เป็นการลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้ ตาม ป.อ.มาตรา288 ประกอบด้วยมาตรา 81 วรรคหนึ่ง หาใช่ว่าจะต้องกำหนดโทษจำคุกจำเลยไม่ต่ำกว่า 7 ปี 6 เดือนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่า: การที่อาวุธปืนแก๊ปยาวไม่ลั่นเนื่องจากไม่มีแก๊ป เป็นเหตุให้การกระทำไม่บรรลุผล
อาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นอาวุธปืนแก๊ปยาว โดยปกติการใช้อาวุธปืนดังกล่าว ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กระสุนปืนลั่นออกได้คือแก๊ปสำหรับจุดระเบิดหากไม่มีการใส่แก๊ปก็ไม่สามารถทำให้กระสุนปืนลั่นออกได้เลย แม้จำเลยจะได้ใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า อาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงมีการใส่แก๊ปปืนไว้แล้ว ดังนี้กระสุนปืนจึงไม่อาจลั่นออกได้อย่างแน่นอนการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งกำหนดโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี การคำนวณโทษกึ่งหนึ่งของโทษประหารชีวิตหรือโทษจำคุกตลอดชีวิต กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้จึงต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52(2) และ 53 มาใช้เป็นหลักในการกำหนดโทษ เมื่อคำนวณแล้วย่อมมากกว่าโทษกึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี ส่วนโทษกึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตั้งแต่15 ปี ถึง 20 ปี ก็คือโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี 6 เดือน ถึง 10 ปีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยก่อนลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 2 ปี เป็นการลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81 วรรคหนึ่ง หาใช่ว่าจะต้องกำหนดโทษจำคุกจำเลยไม่ต่ำกว่า7 ปี 6 เดือนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่า: การขาดปัจจัยสำคัญ (แก๊ป) ทำให้การกระทำไม่บรรลุผลทางอาญา
อาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นอาวุธปืนแก๊ปยาวโดยปกติการใช้อาวุธปืนดังกล่าวปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กระสุนปืนลั่นออกได้คือแก๊ปสำหรับจุดระเบิดหากไม่มีการใส่แก๊ปก็ไม่สามารถทำให้กระสุนปืนลั่นออกได้เลยแม้จำเลยจะได้ใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงมีการใส่แก๊ปปืนไว้แล้วดังนี้กระสุนปืนจึงไม่อาจลั่นออกได้อย่างแน่นอนการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ประกอบมาตรา81วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา81วรรคหนึ่งกำหนดให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ซึ่งกำหนดโทษประหารชีวิตจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่15ปีถึง20ปีการคำนวณโทษกึ่งหนึ่งของโทษประหารชีวิตหรือโทษจำคุกตลอดชีวิตกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้จึงต้องนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา52(2)และ53มาใช้เป็นหลักในการกำหนดโทษเมื่อคำนวณแล้วย่อมมากกว่าโทษกึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตั้งแต่15ปีถึง20ปีส่วนโทษกึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตั้งแต่15ปีถึง20ปีก็คือโทษจำคุกตั้งแต่7ปี6เดือนถึง10ปีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยก่อนลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78จำคุก2ปีเป็นการลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ประกอบด้วยมาตรา81วรรคหนึ่งหาใช่ว่าจะต้องกำหนดโทษจำคุกจำเลยไม่ต่ำกว่า7ปี6เดือนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดในคดีพยายามฆ่า ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนบ้านที่เกิดเหตุไม่ได้เปิดไฟฟ้าไว้ต้องอาศัยแสงสว่างของไฟฟ้าจากบ้านที่อยู่ใกล้เคียงแต่ไม่ปรากฏว่าสามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้ไกลเพียงใดสำหรับไฟฟ้าที่เปิดอยู่ที่ปั๊มน้ำมันก็อยู่ห่างออกไปถึง50เมตรไม่น่าจะมีความสว่างพอให้มองเห็นคนร้ายได้ชัดเมื่อคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วได้รีบวิ่งหลบหนีไปในทันที ผู้เสียหายย่อมไม่มีโอกาสได้สังเกตและจดจำหน้าคนร้ายได้ที่ผู้เสียหายได้เบิกความว่าระหว่างที่จำเลยวิ่งหลบหนีไปได้หันหน้ามามองผู้เสียหายจำได้ว่าเป็นจำเลยนั้นไม่น่าเชื่อและไม่สมเหตุผลผู้เสียหายเป็นคนพิการขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้ค้ำยันเมื่อได้ยินเสียงปืนดังไม่น่าจะลุกได้ทันท่วงทีและเดินไปที่หน้าต่างได้ทันและมองเห็นจำเลยในขณะที่วิ่งหลบหนีหลังเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้ระบุตัวคนร้ายในทันทีทันใดพยานโจทก์นอกจากนี้ไม่ได้รู้เห็นจำเลยกระทำผิดเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมก็จับจำเลยตามคำบอกเล่าของผู้เสียหายไม่อาจฟังประกอบคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักขึ้นได้ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำของเจ้าพนักงานที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่และการป้องกันตัวโดยบันดาลโทสะในคดีพยายามฆ่า
ผู้เสียหายเป็นนายอำเภอท้องที่ที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายมีคำสั่งให้สถานบริการอาหารและเครื่องดื่มที่มีดนตรีบรรเลงและสถานที่เล่นสนุกเกอร์ของจำเลยหยุดบริการ เพราะเปิดเกินเวลาและให้พนักงานของจำเลยไปตามจำเลยมาเพื่อรับทราบคำสั่ง ซึ่งทางราชการได้สั่งให้สถานบริการในท้องที่ที่เกิดเหตุต้องหยุดให้บริการในเวลา 1 นาฬิกา โดยขณะที่ผู้เสียหายออกคำสั่งดังกล่าวก่อนเวลา 1 นาฬิกาที่จำเลยจะต้องปิดสถานบริการตามคำสั่งของทางราชการเป็นอันมากคำสั่งของผู้เสียหายที่ให้จำเลยปิดสถานบริการจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยคำสั่งทางราชการ ดังนี้ การใช้อำนาจเจ้าพนักงานบังคับผู้อื่นซึ่งไม่ใช่ผู้อยู่ในความปกครองหรือสั่งการย่อมเป็นการผิดวิสัย เว้นแต่จะขอร้องกันเป็นการส่วนตัววิธีปฏิบัติที่ผู้เสียหายทำไปบ่งชัดว่าไม่ใช่การสั่งการในฐานะเจ้าพนักงาน การกระทำของผู้เสียหายดังกล่าวมาทั้งหมดจึงมิใช่การกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2) การที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งนายอำเภอผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้ออกคำสั่งให้จำเลยผู้เป็นราษฎรในเขตท้องที่ที่ตนดูแลอยู่ให้ปิดสถานบริการก่อนเวลาที่ทางราชการกำหนดอันเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ และปฏิเสธการขอร้องของจำเลยที่จะอนุญาตให้เปิดสถานบริการต่อตามกำหนดเวลาของทางราชการ ตลอดจนการที่ผู้เสียหายผลักจำเลยให้พ้นทางของตนโดยไม่ยอมรับฟังจำเลยต่อไปนั้น เป็นการข่มเหงจำเลยราษฎรในความปกครองของตนอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายผู้ข่มเหงตนในขณะนั้น จึงถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดไปโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะจากความขัดแย้งกับนายอำเภอ ศาลลดโทษและไม่รอการลงโทษ
การที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งนายอำเภอผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบได้ออกคำสั่งให้จำเลยผู้เป็นราษฎรในเขตท้องที่ที่ตนดูแลอยู่ให้ปิดสถานบริการก่อนเวลาที่ทางราชการกำหนดอันเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่และปฏิเสธการขอร้องของจำเลยที่จะอนุญาตให้เปิดสถานบริการต่อตามกำหนดเวลาของทางราชการตลอดจนการผลักจำเลยให้พ้นทางของตนโดยไม่ยอมรับฟังจำเลยต่อไปนั้นเป็นการข่มเหงจำเลยราษฎรในความปกครองของตนอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเมื่อจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเสียหายผู้ข่มเหงตนในขณะนั้นจึงถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดไปโดยบันดาลโทสะ จำเลยกระทำความผิดไปเพราะถูกบีบคั้นเกี่ยวกับการประกอบอาชีพอาวุธปืนที่ใช้ยิงก็เป็นของจำเลยและได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายสถานที่ที่จำเลยจำเลยพกอาวุธปืนติดตัวไปก็อยู่ในบริเวณสถานประกอบการค้าของจำเลยแต่จำเลยกระทำความผิดตอบโต้รุนแรงเกินไปตำแหน่งที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงก็เป็นอวัยวะสำคัญของผู้เสียหายอันควรแสดงถึงเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายแม้ผู้เสียหายนั่งอยู่ในรถและจำเลยยืนอยู่จำเลยก็มีความอิสระตามสมควรที่จะเล็งปืนไปที่อวัยวะไม่สำคัญของผู้เสียหายและยิงสู่เบื้องต่ำได้แต่จำเลยหาได้ทำไม่พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยจึงยังไม่มีเหตุสมควรให้รอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยขว้างระเบิด, ครอบครองวัตถุระเบิดผิดกฎหมาย, กรรมเดียวผิดหลายบท
หลังจากจำเลยทะเลาะกับผู้เสียหายที่ 1 แล้ว จำเลยเดินเข้าไปหยิบลูกระเบิดในกระท่อม และจำเลยได้ใช้ลูกระเบิดดังกล่าวขว้างใส่ผู้เสียหายที่ 1 โดยเล็งเห็นผลว่าลูกระเบิดที่ขว้างไปดังกล่าวสามารถทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นการขว้างไปโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 1 แต่การกระทำของจำเลยกระทำไปไม่ตลอดเพราะสะเก็ดระเบิดไม่ถูกอวัยวะสำคัญของผู้เสียหายที่ 1 ผู้เสียหายที่ 1 จึงไม่ตายสมดังเจตนาของจำเลย จึงเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 และเมื่อสะเก็ดระเบิดพลาดไปถูกผู้เสียหายที่ 2 ทำให้ผู้เสียหายที่ 2ได้รับบาดเจ็บ จึงถือได้ว่าเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2 ด้วย กรณีเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288, 80 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และการที่จำเลยมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองและใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปกระทำความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288 ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวแต่มีความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 78วรรคสาม ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ตาม ป.อ.มาตรา 90
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2540)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การขว้างระเบิดพยายามฆ่าและมีวัตถุระเบิด
การที่จำเลยมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองและใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว แต่มีความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 78 วรรคสาม ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
of 87