พบผลลัพธ์ทั้งหมด 198 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาถึงแก่ความตาย ศาลลดโทษจากพฤติการณ์ภรรยาและคำรับสารภาพ
ภรรยาประพฤติตัวไม่ดี ชอบเล่นการพะนัน และไปค้างตามโรงแรม,สามีว่ากล่าวตักเตือน ก็ไม่เชื่อฟัง กลับทุบตีวิ วาทกับสามี ๆ จึงใช้มีดฟันภรรยามีบาดแผล 11 แห่ง ภรรยาถึงแต่ความตายและจำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนมีประ โยชน์แก่การพิจารณา ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยสมควรได้รับความปราณี ลดโทษตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง.
การที่ฝ่ายหนึ่งตบหน้า อีกฝ่ายหนึ่งก็เอามีดฟัน พฤติการณ์ทั้งนี้เป็นเรื่องวิวาท จะอ้างว่าป้องกันหรือถูกยั่วโทษะไม่
ได้./
การที่ฝ่ายหนึ่งตบหน้า อีกฝ่ายหนึ่งก็เอามีดฟัน พฤติการณ์ทั้งนี้เป็นเรื่องวิวาท จะอ้างว่าป้องกันหรือถูกยั่วโทษะไม่
ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภรรยาทำสัญญาเงินกู้โดยสามีไม่ยินยอม สามีไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ส่วนตัว
ภรรยาตั้งร้านค้ารับจ้างตัดเสื้อโดยสามีรู้เห็นภรรยากู้เงินโดยไม่ได้รับอนุญาตของสามีสามีไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้เป็นส่วนตัวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการอยู่อาศัยของผู้ที่อยู่ร่วมกันฉันท์ภรรยาในบ้านเช่าหลังผู้เช่าเสียชีวิต แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
หญิงที่เป็นภรรยาผู้เช่าบ้านและอยู่กับผู้เช่าในบ้านเช่ามาช้านานในฐานะเป็นภรรยาผู้เช่า ทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้านแม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็นอันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น 'ผู้หนึ่งในครอบครัว' ของผู้เช่าตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลงภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาถึงบาดเจ็บเป็นเหตุให้หย่าได้
สามีใช้กำปั้น ใช้เท้าเตะ และใช้ไม้โตเท่าผลส้มเขียวหวานตีภรรยา มีบาดแผลบวมช้ำเขียว รวม 23 แห่งด้วยกัน ต้องรักษาตัวอยู่รวม 20 กว่าวัน มีนายแพทย์มาเบิกความประกอบว่า ภรรยต้องรักษาตัวอยู่ที่ศุขศาลา 17 วัน มีอาการเจ็บที่อก ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บและเป็นเหตุให้ภริยาฟ้องขอหย่าจากสามีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาเป็นเหตุให้หย่าได้
สามีใช้กำปั้นตีใช้เท้าเตะและใช้ไม้โตเท่าผลส้มเขียวหวานตีภรรยามีบาดแผลบวมช้ำเขียว รวม 23 แห่งด้วยกัน ต้องรักษาตัวอยู่รวม 20 กว่าวัน มีนายแพทย์มาเบิกความประกอบว่าภรรยาต้องรักษาตัวอยู่ที่สุขศาลา 17 วัน มีอาการเจ็บที่อก ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บและเป็นเหตุให้ภริยาฟ้องขอหย่าจากสามีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างนิติกรรมซื้อขายสินสมรสที่ภรรยาทำไปโดยโจทก์ทราบภายหลังและปล่อยเวลาผ่านไปนาน จึงขาดสิทธิ
ที่ดินมีชื่อภรรยาผู้เดียวภรรยาได้เอาที่ดินนั้นไปจำนองต่อบุคคลอื่นหลายครั้งหลายหนตลอดจนโอนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง แล้วขอซื้อกลับคืนมาและขายให้แก่ผู้มีชื่อไปผู้ซื้อรับซื้อไว้โดยสุจริต ซื้อขายกันแล้ว ภรรยาได้เช่าที่ดินบ้านเรือนรายพิพาทอยู่ร่วมกับสามีนานถึง 5 ปี สามีจึงเพิ่งบอกล้างนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทนี้ดังนี้ เป็นการบอกล้างเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่ง นับแต่เวลาที่จะอาจให้สัตยาบันได้จึงต้องห้ามมิให้บอกล้างตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 143
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเกี่ยวข้องกับของกลาง: ภรรยาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงไม่มีความผิด
ตำรวจตรวจค้นได้เครื่องรับส่งวิทยุและเครื่องอุปกรณ์ อยู่บนบ้าน ขณะค้นเจ้าของบ้านไม่อยู่ คงอยู่แต่ภรรยาเจ้าของบ้านโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแต่อย่างใดเลยว่า ภรรยาเจ้าของบ้านได้เกี่ยวข้องกับวิทยุของกลาง นอกจากคำของภรรยายเจ้าของบ้านเองว่ามีคนอื่นมาเช่าห้องเล็กชั้นบนนั้น โดยบอกว่าได้พูดตกลงกับสามีแล้ว แล้วก็ชนของกลางมา รูปคดีเพียงเท่านี้จะเอาผิดแก่ภรรยาฐานมีวิทยุของกลางไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1902/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้จากสินบริคณห์ของภรรยา: เจ้าหนี้ต้องขอแยกส่วนก่อนยึด
ตามมาตรา 41 หญิงมีสามีจะทำการผูกพันถึงสินบริคณห์ได้ก็แต่เฉพาะที่เป็นส่วนของตนเท่านั้น ฉะนั้นถ้าหนี้ที่หญิงมีสามีก่อขึ้น ไม่เป็นหนี้ร่วมตามที่ระบุไว้ในป.ม.แพ่งฯมาตรา 1482 แล้ว เจ้าหนี้ของหญิงมีสามีจะยึดสินบริคณห์มาชำระหนี้ตนไม่ได้ จำต้องร้องขอแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของหญิงมีสามีก่อน เพื่อเอาชำระหนี้แก่ตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตายเข้าข่ายฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้จะอ้างว่าไม่มีเจตนา
จำเลยใช้พานท้ายปืนตีถูกศีร์ษะภรรยาถึง 3 ทีจนภรรยาล้มลงไปแล้วจำเลยยังตีซ้ำถูกตรงกระดูกสันหลังอีกครั้งหนึ่ง ภรรยาลุกขึ้นได้ก็มีอาการเดินคอเอียงไปดังนี้ เป็นการรุนแรงมากจำเลยอาจแลเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ว่าภรรยาอาจถึงแก่ความตายและเมื่อภรรยาได้ตายลงในเวลาปัจจุบันจากการทำร้ายของจำเลยนั้น จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตาย มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้พานท้ายปืนตีถูกศีรษะภรรยาถึง 3 ทีจนภรรยาล้มลงไปแล้วจำเลยยังตีซ้ำถูกตรงกระดูกสันหลังอีกครั้งหนึ่ง ภรรยาลุกขึ้นได้ก็มีอาการเดินคอเอียงไป ดังนี้ เป็นการรุนแรงมาก จำเลยอาจแลเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ว่าภรรยาอาจถึงแก่ความตาย และเมื่อภรรยาได้ตายลงในเวลาปัจจุบันจากการทำร้ายของจำเลยนั้น จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา