คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยิง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: จำเลยยิงผู้ตายขณะวิ่งหนีหลังชักปืน แต่ไม่มีท่าทีหันกลับมาต่อสู้
จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16-17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงเพื่อประทับความผิด ชี้เจตนาพยายามฆ่า แม้ถูกเพียงขา
จำเลยปักใจเชื่อว่าผู้เสียหายฆ่าหลายชายจำเลย จึงวางแผนฆ่าผู้เสียหาย โดยให้น้องชายไปแจ้งตำรวจให้จับผู้เสียหายที่บ้านผู้มีชื่อและจำเลยไปรออยู่ใกล้บ้านนั้น เมื่อตำรวจมาถึงจำเลยรับอาสานำตำรวจไปจับผู้เสียหาย แล้วจำเลยเดินลุยน้ำไปยิงผู้เสียหายทันทีขณะผู้เสียหายนั่งอยู่บนบ้านนั้น กระสุนปืนถูกขาผู้เสียหาย จำเลยยิงแล้วหลบหนีไป เมื่อตำรวจจับได้ก็แก้ตัวว่ายิงเพื่อป้องกันตำรวจเช่นนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิจารณาจากพฤติการณ์การยิงและการไม่มีสาเหตุโกรธเคืองเพื่อวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่พยายามฆ่า
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายได้ชักปืนลูกซองสั้นขึ้นยิงผู้เสียหายในระดับเอวของจำเลย ในระยะห่างเพียง 1 วาเศษ กระสุนถูกใต้ขาพับของผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า แต่มีเจตนาเพียงทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น เพราะหากมีเจตนาฆ่าแล้ว ย่อมมีโอกาสยิงถูกร่างกายผู้เสียหายในที่สำคัญได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่เจตนาฆ่า ลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายได้ชักปืนลูกซองสั้นขึ้นยิงผู้เสียหายในระดับเอวของจำเลย ในระยะห่างเพียง 1 วาเศษ กระสุนถูกใต้ขาพับของผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า แต่มีเจตนาเพียงทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น เพราะหากมีเจตนาฆ่าแล้ว ย่อมมีโอกาสยิงถูกร่างกายผู้เสียหายในที่สำคัญได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการร่วมทะเลาะวิวาท
ผู้เสียหายและพี่สาวจำเลยด่าท้าทายและจะทำร้ายกัน จำเลยซึ่งเห็นเหตุการณ์ตลอด ได้ถือปืนบรรจุกระสุนพร้อมไปยืนคุมเชิงห่างผู้เสียหายเพียง 3 วา พฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้เป็นการแสดงเจตนาให้เห็นว่าจำเลยเข้าร่วมเป็นฝ่ายกับพี่สาวจำเลยในการทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายและเป็นเชิงท้าทาย เมื่อผู้เสียหายชักเหล็กแหลมยาว 1 คืบ เดินเข้าไปห่างจำเลย 2 วา จำเลยก็เอาปืนยิงผู้เสียหายทันที ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่
เมื่อกระสุนที่จำเลยยิงพลาดไปถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: เหตุการณ์ต่อเนื่องจากการทำร้ายร่างกาย
จำเลยกับผู้ตายและคนอื่นอีก 2 คน ร่วมดื่มสุรากันในร้านจนต่างมึนเมาเกิดทะเลาะวิวาทกัน จำเลยถูกตีศีรษะโลหิตไหล และจำเลยก็ตีผู้ตายแล้ววิ่งหนีออกจากร้านไปได้ 6 - 7 เมตร แล้วหันกลับมาใช้ปืนยิงผู้ตายซึ่งถือขวดโซดาตามออกมาที่หน้าร้าน การที่จำเลยยิงผู้ตายเช่นนี้จะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวไม่ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการสมัครใจทำร้ายกันในร้าน ยังไม่ขาดตอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวต้องไม่ต่อเนื่องจากการทำร้ายซึ่งกันและกัน การยิงหลังจากการทะเลาะวิวาทไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยกับผู้ตายและคนอื่นอีก 2 คน ร่วมดื่มสุรากันในร้านจนต่างมึนเมาเกิดทะเลาะวิวาทกัน จำเลยถูกตีศรีษะโลหิตไหลและจำเลยก็ตีผู้ตายแล้ววิ่งหนีออกจากร้านไปได้ 6-7 เมตร แล้วหันกลับมาใช้ปืนยิงผู้ตายซึ่งขวดโซดาตามออกมาที่หน้าร้านการที่จำเลยยิงผู้ตายเช่นนี้จะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวไม่ได้เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการสมัครใจทำร้ายกันในร้านยังไม่ขาดตอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า vs. พยายามฆ่า: การยิงโดยมีผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
ถ้อยคำที่จำเลยต่อว่าและท้าทายผู้เสียหายว่า 'อ้ายพงษ์ลื้อจะเอากับหลงจู๊เอากับอั้วไหม' และพฤติการณ์ที่จำเลยยกปืน ซึ่งขึ้นนกแล้วและนิ้วอยู่ในโกร่งไกปืนจ้องเล็งไปยังหน้าอกผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ห่างเพียง 3 เมตรแล้วปืนลั่นขึ้นถูกผู้เสียหายนั้น ถือว่าจำเลยยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่ในขณะที่จำเลยยิง มีผู้อื่นกดมือจำเลยต่ำลง กระสุนพลาดไปถูกโคนขาผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายนั้น การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและการป้องกันสิทธิ: การยิงโดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนร้าย
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจ กลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบ. และคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีก จึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลย โดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลย จำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้น กระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตาย เห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไป จำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้าย: การยิงเพื่อป้องกันสิทธิเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจกลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบและคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีกจึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลยโดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลยจำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้นกระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตายเห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไปจำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ
of 20