คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ริบของกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 468 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีป่าไม้ และการริบของกลางตามกฎหมาย
จำเลยถูกพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องในข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ รวมสองคดี คือ คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ของศาลชั้นต้นและโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจำเลยอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยให้เบาลงโดยไม่รอการลงโทษจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำความผิดสองคดีและศาลลงโทษจำคุกทั้งสองคดี จึงสมควรนับโทษจำเลยต่อตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และมีคำขอให้ริบของกลาง ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด แต่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคำขอดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เฉพาะไม้สักแปรรูป 180 ชิ้น ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดซึ่งศาลจะต้องริบ ศาลฎีกาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และแก้ไขเสียให้ถูกต้อง โดยให้ริบไม้สักแปรรูปของกลางดังกล่าวเสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษและการริบของกลางในคดีความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยถูกพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯรวมสองคดีคือคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536ของศาลชั้นต้นและโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจำเลยอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยให้เบาลงโดยไม่รอการลงโทษจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้วดังนั้นเมื่อจำเลยกระทำความผิดสองคดีและศาลลงโทษจำคุกทั้งสองคดีจึงสมควรนับโทษจำเลยต่อตามฟ้อง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้และมีคำขอให้ริบของกลางซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดแต่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคำขอดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบเฉพาะไม้สักแปรรูป180ชิ้นซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดซึ่งศาลจะต้องริบศาลฎีกาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225และแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ริบไม้สักแปรรูปของกลางดังกล่าวเสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7019/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์ร่วมที่อาศัยฟ้องของอัยการ และการริบของกลางที่ไม่ชอบตามกฎหมาย
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง โดยอาศัยสิทธิ ตามฟ้องของพนักงานอัยการ เมื่อคำฟ้องของพนักงานอัยการไม่มีคำขอให้ริบของกลางโจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องนี้และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบของกลาง จึงไม่ชอบ แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6980/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางในความผิด พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปฯ ต้องพิจารณาว่าเทปเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนและจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการในรูปของค่าธรรมเนียมสมาชิกจากลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนต่อ พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ฯ มาตรา 6 สาระสำคัญในการกระทำผิดอยู่ที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 20 เทปของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ศาลจึงไม่มีอำนาจริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6753/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบกิจการเทป/วีดีโอโดยไม่ได้รับอนุญาต และการริบของกลาง ศาลฎีกาตัดสินว่าการละเว้นการขออนุญาตเป็นความผิด ไม่ใช่การมีไว้เพื่อกระทำความผิด
จำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายด้วยประการใด ๆ ซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนดังบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6,34 เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยที่เป็นความผิดคือการที่จำเลยละเว้นไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ม้วนวีดีโอเทปหรือวัสดุโทรทัศน์จึงมิใช่เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดหรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดจึงไม่มีเหตุที่จะริบของกลาง ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์พ.ศ. 2530 มาตรา 10,36 เป็นความผิดที่บัญญัติลงโทษแก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 6 ที่มีไว้ในครอบครองซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ ซึ่งมิได้มีการแสดงตราหมายเลขรหัสและรายละเอียดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เมื่อจำเลยมิใช่เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 6 แม้จำเลยจะมีไว้ในครอบครองซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ซึ่งมิได้มีการแสดงตราหมายเลขรหัสและรายละเอียดไว้ในกฎกระทรวงจำเลยก็ไม่มีความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6600/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานครอบครองเฮโรอีน ไม่สามารถลงโทษฐานเสพ หรือริบของกลาง
เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพียงกระทงเดียวไม่มีทางที่จำเลยจะมีความผิดฐานเสพเฮโรอีนหรือเสพกัญชา เพราะไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ จึงไม่อาจฟังได้ว่าบ้องกัญชาของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดศาลย่อมไม่มีอำนาจริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6600/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางต้องเชื่อมโยงกับความผิดที่ฟ้อง การมีบ้องกัญชาไม่เกี่ยวกับการครอบครองเฮโรอีน ศาลไม่มีอำนาจริบ
เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพียงกระทงเดียวไม่มีทางที่จำเลยจะมีความผิดฐานเสพเฮโรอีนหรือเสพกัญชา เพราะไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ จึงไม่อาจฟังได้ว่าบ้องกัญชาของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดศาลย่อมไม่มีอำนาจริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6339/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบกิจการเช่าเทปโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เป็นความผิดหลายกรรม และของกลางไม่เข้าข่ายริบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนและจำหน่ายซึ่งเทปและวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และไม่มีเหตุได้รับการยกเว้นใด ๆ ตามกฎหมาย การกระทำผิดของจำเลยเกิดจากไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เทปของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดจึงไม่มีเหตุที่จะริบของกลาง
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 287 กับความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6, 34 มิใช่ความผิดที่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันตาม ป.อ. มาตรา 91 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6339/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางในความผิดประกอบกิจการเทปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเทปไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนและจำหน่ายซึ่งเทปและวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนและไม่มีเหตุได้รับการยกเว้นใด ๆ ตามกฎหมาย การกระทำผิดของจำเลยเกิดจากไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เทปของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่จะริบของกลาง ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 กับความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6,34 มิใช่ความผิดที่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5976/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงทหาร-ตำรวจไม่ใช่กฎหมาย การสอบสวนไม่เสีย แม้ผิดข้อตกลง ริบของกลางซ้ำไม่ได้
ข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ. 2498ข้อ 26 ทวิ มิใช่กฎหมาย แม้มีการปฏิบัติผิดข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ทำให้การสอบสวนเสียไป
of 47