พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7164/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษและรอการลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดอายุน้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษที่ไม่เหมาะสมตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขอให้รอการลงโทษ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เหมาะสม ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7164/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุผู้กระทำความผิดและดุลยพินิจศาลในการลงโทษ การลดโทษและการรอการลงโทษ
จำเลยจะมิได้ฎีกาขอให้รอการลงโทษ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เหมาะสม ย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดโดยรอการลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7013/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดียาเสพติด: ศาลอุทธรณ์ลดโทษไม่สอดคล้องกับพฤติการณ์และคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมแต่ชั้นพิจารณาให้การปฏิเสธต่อสู้คดีตลอดมา ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดมาจนถึงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกแล้วลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามและลดโทษให้จำเลยที่ 3กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 โจทก์และจำเลยที่ 1อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 พอใจในผลของคำพิพากษามิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกจำเลยทั้งสามแต่กลับลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 3หนึ่งในสาม ทั้งที่จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีคงให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเท่านั้น และจำเลยที่ 2 ก็พอใจในผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยมิได้อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 3 นั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดถึงชั้นพิจารณาของศาล ศาลชั้นต้นลดโทษให้กึ่งหนึ่ง แต่ศาลอุทธรณ์กลับลดโทษให้หนึ่งในสามและให้จำคุกจำเลยที่ 3 เกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดโดยที่โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 3 แต่อย่างใดกรณีดังกล่าว ศาลอุทธรณ์มิได้ให้เหตุผลว่าใช้บทกฎหมายหรือดุลพินิจอย่างไรในการลดโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ผิดแผกแตกต่างไปจากลักษณะปกติโดยทั่วไป ดังนั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนนี้จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6632/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษทางอาญา: ลดโทษรายกระทงก่อนแล้วค่อยรวมโทษ เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มโทษโดยไม่สมเหตุผล
ฎีกาของจำเลยที่ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีเพียง 2 เม็ด จำเลยมิได้นำมาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น เป็นฎีกาที่ขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลล่างทั้งสองรวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองกระทงก่อนแล้วจึงลดโทษนั้นไม่ถูกต้อง เพราะหากลดโทษให้แต่ละกระทงก่อนจะเหลือโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทั้งสองกระทงเข้าด้วยกันแล้วนำโทษจำคุกเฉพาะ 6 เดือน มารวมกันเป็น 1 ปีย่อมจะทำให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้น เนื่องจากโทษจำคุก 12 เดือนคำนวณได้ 360 วัน แต่โทษจำคุก 1 ปี จะมีถึง 365 วันหรือ 366 วันแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสองปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
ศาลล่างทั้งสองรวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองกระทงก่อนแล้วจึงลดโทษนั้นไม่ถูกต้อง เพราะหากลดโทษให้แต่ละกระทงก่อนจะเหลือโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทั้งสองกระทงเข้าด้วยกันแล้วนำโทษจำคุกเฉพาะ 6 เดือน มารวมกันเป็น 1 ปีย่อมจะทำให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้น เนื่องจากโทษจำคุก 12 เดือนคำนวณได้ 360 วัน แต่โทษจำคุก 1 ปี จะมีถึง 365 วันหรือ 366 วันแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสองปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6396/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษปรับในคดีศุลกากร และการลดโทษจำคุกเป็นรายกระทงตามกฎหมายอาญา
การลงโทษปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วตามที่พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ บัญญัติไว้นั้นค่าอากรดังกล่าวย่อมหมายถึงค่าอากรในทางศุลกากรเท่านั้น ไม่รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มอันเป็นภาษีฝ่ายสรรพากรด้วย และเนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นกรณีจำเลยทั้งสองกระทำความผิดร่วมกันและศาลจะต้องพิพากษาลงโทษปรับจำเลยทั้งสองรวมกัน เป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว อันถือว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้ไขโทษปรับตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 และ 225
การรวมโทษจำคุกของแต่ละกระทงที่กำหนดเป็นเดือนเข้าด้วยกันแล้วจึงลดโทษนั้น การนำโทษส่วนที่เกิน 12 เดือน มาคิดคำนวณเป็น 1 ปี มีผลทำให้จำเลยต้องรับโทษจำคุกในปีสุดท้ายนานขึ้น 5 วัน หรือ 6 วัน หากตรงกับปีอธิกสุรทิน จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสอง ซึ่งที่ถูกต้องจะต้องลดโทษให้จำเลยเป็นรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษ
พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7 และมาตรา 8 กำหนดให้จ่ายสินบนและรางวัลจากเงินที่ได้จากการขายของกลางซึ่งศาลสั่งริบเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว หากของกลางที่ศาลสั่งริบไม่อาจขายได้ จึงให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระต่อศาล ดังนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าไม่อาจขายเลื่อยยนต์ของกลางได้ ศาลจึงสั่งให้จ่ายจากเงินค่าปรับไม่ได้
การรวมโทษจำคุกของแต่ละกระทงที่กำหนดเป็นเดือนเข้าด้วยกันแล้วจึงลดโทษนั้น การนำโทษส่วนที่เกิน 12 เดือน มาคิดคำนวณเป็น 1 ปี มีผลทำให้จำเลยต้องรับโทษจำคุกในปีสุดท้ายนานขึ้น 5 วัน หรือ 6 วัน หากตรงกับปีอธิกสุรทิน จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสอง ซึ่งที่ถูกต้องจะต้องลดโทษให้จำเลยเป็นรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษ
พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7 และมาตรา 8 กำหนดให้จ่ายสินบนและรางวัลจากเงินที่ได้จากการขายของกลางซึ่งศาลสั่งริบเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว หากของกลางที่ศาลสั่งริบไม่อาจขายได้ จึงให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระต่อศาล ดังนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าไม่อาจขายเลื่อยยนต์ของกลางได้ ศาลจึงสั่งให้จ่ายจากเงินค่าปรับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6355/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมข่มขืนโทรมหญิง พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร ศาลลดโทษตามคำให้การชั้นสอบสวน
การที่จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์พาผู้เสียหายไปบ้านเกิดเหตุเพื่อให้จำเลยที่ 1 กับพวกซึ่งเป็นพวกของจำเลยที่ 2 ข่มขืนกระทำชำเราพฤติการณ์มีลักษณะเป็นการคบคิดกันมาก่อน และในขณะที่จำเลยที่ 1กับพวกกำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอยู่นั้น จำเลยที่ 2 ก็อยู่ร่วมรู้เห็นเหตุการณ์ในห้องที่เกิดเหตุนั้นด้วยโดยตลอด แม้จำเลยที่ 2มิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ 2ก็ถือว่าเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงแล้ว
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารนั้น เมื่อจำเลยที่ 2กับพวกร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร และพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอันไม่สมควรทางเพศ ก็เป็นความผิดสำเร็จฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารกรรมหนึ่งแล้ว ส่วนการที่จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหลังจากนั้นโดยจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมด้วย จึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง ซึ่งต่างกรรมต่างวาระกัน การกระทำของจำเลยที่ 2กับพวกจึงเป็นความผิดหลายกรรม
ในความผิดฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งสองหนักเกินไปย่อมกำหนดโทษจำเลยทั้งสองเสียใหม่ให้เบาลง เพื่อให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ฎีกาแต่จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา แต่การกระทำความผิดข้อหานี้ร่วมกันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้โทษตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบกับมาตรา 225
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารนั้น เมื่อจำเลยที่ 2กับพวกร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร และพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอันไม่สมควรทางเพศ ก็เป็นความผิดสำเร็จฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารกรรมหนึ่งแล้ว ส่วนการที่จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหลังจากนั้นโดยจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมด้วย จึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง ซึ่งต่างกรรมต่างวาระกัน การกระทำของจำเลยที่ 2กับพวกจึงเป็นความผิดหลายกรรม
ในความผิดฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งสองหนักเกินไปย่อมกำหนดโทษจำเลยทั้งสองเสียใหม่ให้เบาลง เพื่อให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ฎีกาแต่จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา แต่การกระทำความผิดข้อหานี้ร่วมกันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้โทษตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบกับมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5876/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ต้องลดโทษรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษ ไม่ใช่ลดโทษรวมทั้งหมด
ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 1 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 3 ปี และลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน แทนที่จะลดโทษแต่ละกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษจำคุกที่ลดแล้ว แต่ละกระทงเข้าด้วยกันนั้นไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายทีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 คงจำคุกจำเลย 18 เดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5793/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนโดยใช้อาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืนไม่เข้าข่ายอาวุธปืนตามกฎหมาย ลดโทษฐานข่มขืน
สิ่งเทียมอาวุธปืนพกอัดลมชนิดใช้ยิงกับลูกกระสุนพลาสติกทรงกลมขนาด 6 มม. มิใช่อาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯการที่จำเลยใช้วัตถุดังกล่าวในการขู่เข็ญข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4367/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแม้ปืนชำรุด, ความผิดพกพาอาวุธปืน, ศาลลดโทษรอการลงโทษ
จำเลยมีเจตนาฆ่าพวกผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนเล็งยิงผู้เสียหายทั้งสี่ในระยะกระชั้นชิดแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า แต่อาวุธปืนนั้นมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้ จึงไม่สามารถใช้ยิงพวกผู้เสียหายทั้งสี่ให้ถึงแก่ความตายได้ กรณีต้องปรับด้วย ป.อ. มาตรา 81
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง กฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องใช้ยิงได้จึงเป็นความผิด และตามความคาดคิดของบุคคลทั่วไป หากไม่ล่วงรู้มาก่อนย่อมต้องนึกว่าอาวุธปืนดังกล่าวสามารถประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายได้ แม้อาวุธปืนนั้นไม่อาจใช้ยิงได้ คนร้ายก็อาจนำไปใช้ประกอบอาชญากรรมทั่วไปได้ หากจะแปลว่าต้องใช้บังคับเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ยิงได้เท่านั้น ผู้มีเจตนาร้ายอาจอาศัยช่องว่างของกฎหมายแยกชิ้นส่วนปืนออกแล้วพกพานำไปประกอบเข้าด้วยกันในภายหลัง โดยถือว่าการพาไปเช่นนั้นไม่เป็นความผิดความประสงค์ของบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวก็จะไร้ผล ดังนั้น เมื่ออาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธตามความหมายของกฎหมายและจำเลยพาติดตัวไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดแล้ว แม้อาวุธปืนนั้นใช้ยิงไม่ได้ก็ถือว่าจำเลยกระทำความผิดแล้ว
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง กฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องใช้ยิงได้จึงเป็นความผิด และตามความคาดคิดของบุคคลทั่วไป หากไม่ล่วงรู้มาก่อนย่อมต้องนึกว่าอาวุธปืนดังกล่าวสามารถประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายได้ แม้อาวุธปืนนั้นไม่อาจใช้ยิงได้ คนร้ายก็อาจนำไปใช้ประกอบอาชญากรรมทั่วไปได้ หากจะแปลว่าต้องใช้บังคับเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ยิงได้เท่านั้น ผู้มีเจตนาร้ายอาจอาศัยช่องว่างของกฎหมายแยกชิ้นส่วนปืนออกแล้วพกพานำไปประกอบเข้าด้วยกันในภายหลัง โดยถือว่าการพาไปเช่นนั้นไม่เป็นความผิดความประสงค์ของบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวก็จะไร้ผล ดังนั้น เมื่ออาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธตามความหมายของกฎหมายและจำเลยพาติดตัวไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดแล้ว แม้อาวุธปืนนั้นใช้ยิงไม่ได้ก็ถือว่าจำเลยกระทำความผิดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2770/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะหลังถูกดูหมิ่น: ลดโทษจากทำร้ายร่างกายเป็นปรับ
ผู้เสียหายตะโกนด่าถึงมารดาจำเลยว่ามารดาจำเลยเป็นโสเภณีและถึงแก่กรรมด้วยโรคเอดส์ เป็นการกล่าวหาว่ามารดาจำเลยสำส่อนทางเพศ ถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม การที่จำเลยตบหน้าผู้เสียหาย2 ครั้ง ในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ซึ่งศาลฎีกาลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้ายประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225