พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8653/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพของผู้ต้องหาในคดียาเสพติด: ศาลต้องรับฟังหากไม่ใช่คดีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ
คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง เมื่อข้อหาความผิดตามที่โจทก์ฟ้องมิใช่ข้อหาความผิดซึ่งกฎหมายบังคับให้ศาลฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง เพราะมีโทษจำคุกขั้นต่ำ 1 ปี มิใช่โทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำรับสารภาพของจำเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนอยู่ในกระบอกเข็มฉีดยาของกลางไว้ในครอบครองจริง แม้เฮโรอีนดังกล่าวจะมีปริมาณจำนวนเล็กน้อยไม่สามารถชั่งหรือคำนวณหนักได้ ก็ไม่มีกฎหมายยกเว้นว่าการมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในปริมาณดังกล่าวไม่เป็นความผิด จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8574/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและประเด็นการนับโทษที่ศาลล่างวินิจฉัยคลาดเคลื่อน
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 4 บัญญัติว่า จำหน่าย หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ ที่จำเลยที่ 3 อ้างว่า ยังไม่มีการส่งมอบเงินที่ใช้ล่อซื้อแก่จำเลยที่ 2 การซื้อขายยังไม่สำเร็จนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนแก่สายลับแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นควมผิดสำเร็จแล้ว
โจทก์มิได้ระบุรายละเอียดว่าศาลจังหวัดสมุทรสาครพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 หรือไม่ อย่างไร จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏแก่ศาลให้รับฟังได้ว่าศาลจังหวัดสมุทรสาครพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ดังนั้น จึงไม่อาจนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวได้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
โจทก์มิได้ระบุรายละเอียดว่าศาลจังหวัดสมุทรสาครพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 หรือไม่ อย่างไร จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏแก่ศาลให้รับฟังได้ว่าศาลจังหวัดสมุทรสาครพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ดังนั้น จึงไม่อาจนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวได้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8572/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามกำหนดระยะเวลาการชำระค่าขึ้นศาล ส่งผลให้คำสั่งศาลถึงที่สุด แม้จะอ้างเหตุสุดวิสัย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี จำเลยที่ 2 ได้ยื่นอุทธรณ์พร้อมกับลงลายมือชื่อไว้ในอุทธรณ์ว่าจะมาฟังคำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันยื่นอุทธรณ์ หากไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มภายใน 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง แต่จำเลยที่ 2 ไม่เสียภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ในกรณีเช่นนี้หากจำเลยที่ 2 ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้น ก็ต้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายในกำหนด 15 วัน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้แจ้งคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ทราบโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2545 แต่จำเลยที่ 2 มิได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งแต่อย่างใด คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ย่อมเป็นอันถึงที่สุด การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอวางเงิน ค่าขึ้นศาลเพิ่มเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2545 ซึ่งพ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดและสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 แล้วก็ดี และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต จำเลยที่ 2 จึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มพร้อมกับสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 โดยอ้างเหตุว่ามิได้จงใจที่จะไม่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มก็ดี ก็หามีผลลบล้างคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถึงที่สุดดังกล่าวแล้วไม่ ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ในครั้งหลังนี้ ก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 2 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเกี่ยวกับเรื่องเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และขอให้สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8329/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุมัติรับฟ้องแย้งและผลกระทบต่อสิทธิในการเรียกร้องทางศาล
คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นให้ส่งสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา โดยมิได้งดการพิจารณา ทั้งศาลอุทธรณ์ก็มิได้ทำคำสั่งให้ศาลชั้นต้นงดการพิจารณาไว้ในระหว่างอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 228 จนกระทั่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีเดิม ต่อมาศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้งโดยพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ดังนี้ เมื่อจำเลยฎีกา จึงไม่มีเหตุที่จะให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งและรื้อฟื้นพิจารณาพิพากษาประเด็นตามฟ้องแย้งใหม่ หากจำเลยเห็นว่ามีสิทธิตามฟ้องแย้งก็ชอบที่จะฟ้องเป็นคดีใหม่ได้เพราะคำพิพากษาดังกล่าวไม่ตัดสิทธิของจำเลยที่จะเรียกร้องตามสิทธิของตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7903/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายความไม่ถูกต้องตามกระบวนการ แต่ศาลไม่จำเป็นต้องแก้ไขเมื่อมีการแต่งตั้งทนายภายหลัง
การที่ ธ.ลงลายมือชื่อในช่องผู้อุทธรณ์ในฐานะทนายจำเลยโดยไม่ปรากฏว่ามีใบแต่งทนายความในสำนวน คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (7) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยส่งขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 ต้องถือว่าศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225 แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้แต่งตั้ง ธ. เป็นทนายจำเลยให้มีอำนาจอุทธรณ์และฎีกาแทนจำเลยก่อนยื่นฎีกาฉบับนี้ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องสั่งแก้ไขและถือว่าจำเลยยื่นคำฟ้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยชอบแล้ว และเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทรธรณ์ภาค 4 พิจารณาพิพากษาใหม่เพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออุทธรณ์คดีอย่างคนอนาถา: พยานหลักฐานไม่ใหม่ & เหตุผลไม่ฟังขึ้น
ในชั้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์คดีอย่างคนอนาถา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นบัญชีระบุพยานรวม 5 ฉบับ อันดับที่ 5 ได้แก่หนังสือสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกัน ซึ่งเป็นพยานหลักฐานเดียวกันกับคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติม จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ยื่นพยานดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นในชั้นไต่สวนคำร้อง และจำเลยที่ 1 ได้อ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนเบิกความว่า บ้านและที่ดินของจำเลยติดจำนองกับสหกรณ์ออมทรัพย์ ค. ประมาณ 600,000 บาท และภริยาของจำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพครู มีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แสดงว่าพยานหลักฐานที่จำเลยขออนุญาตเพิ่มเติมนั้นก็ไม่เป็นพยานหลักฐานใหม่ประกอบทั้งศาลล่างยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา เนื่องจากจำเลยที่ 1 เคยประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมันและทำไม้ แต่กิจการขาดทุน ส่วนภริยารับราชการครู เงินเดือนเดือนละ 20,000 บาท และบุตรมีอาชีพทนายความ จำเลยที่ 1 มีบ้านและที่ดินเป็นของตนเองแต่จำเลยอ้างหนังสือสัญญากู้และค้ำประกันเพิ่มเติมสนับสนุนว่าบ้านและที่ดินติดจำนองนั้นก็เห็นได้ว่าศาลล่างยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาด้วยเหตุผลหลายประการ พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 ขออนุญาตเพิ่มเติมนั้นไม่เป็นประโยชน์ที่จะฟังว่าจำเลยที่ 1 ยากจน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7546/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนที่ศาลชั้นต้นกำหนด และการพิจารณาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยแต่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมีกำหนดขั้นต่ำ 4 ปี ขั้นสูงไม่เกิน 6 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 121 (2) แต่จำเลยมีสิทธิขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวอนุญาตให้อุทธรณ์ตามมาตรา 122 ซึ่งจำเลยได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวอนุญาตแล้ว การที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวมีคำสั่งว่า คดีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ไม่จำต้องขออนุญาตให้ยกคำร้องแล้วมีคำสั่งรับอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ถูกต้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 แผนกคดีคดีเยาวชนและครอบครัวจึงไม่ชอบ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาจึงให้ยกฎีกา ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว และยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ของจำเลยและสำนวนคดีให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิจารณา แล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7506/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการบังคับคดี: ผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิร้องขอต่อศาลที่มีอำนาจในคดีที่เกี่ยวข้อง
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ผู้ที่ร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีต้องร้องขอให้คดีที่มีการบังคับคดีนั้น การที่โจทก์ร้องขอในคดีนี้ให้เพิกถอนการบังคับคดีของคดีหมายเลขแดงที่ 10188/2541 ของศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว และบทบัญญัติดังกล่าวเปิดช่องให้ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีในคดีนั้นได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคู่ความในคดีนั้นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7483/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเป็นผู้ปกครองของผู้เยาว์กรณีมีการร้องสอด และการพิจารณาคำร้องของผู้เยาว์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านผู้คัดค้านที่ 1 และขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ แม้ตามคำร้องของผู้คัดค้านที่ 2 จะใช้ข้อความว่า ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมโดยได้รับความยินยอมของโจทก์ (ผู้ร้อง) นั้น ก็เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านที่ 2 ร้องสอดใช้สิทธิของตนเองเพื่อโต้แย้งกับผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นการร้องขอเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) มิใช่มาตรา 57 (2) จึงสามารถใช้สิทธิเสมือนว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามมาตรา 58 แม้ต่อมาผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 จะได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องและคำคัดค้านและศาลจะได้สั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 จากสารบบความก็คงมีผลเฉพาะคดีของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ไม่มีคำร้องและคำคัดค้านเดิมตามลำดับที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น หามีผลให้คำร้องขอของผู้คัดค้านที่ 2 ตกไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7269/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้อง: เอกสารท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง ศาลไม่ถือว่าพิพากษาเกินเลยหากคำพิพากษาอ้างอิงถึงรายละเอียดในเอกสารดังกล่าว
เอกสารท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง แม้คำฟ้องของโจทก์จะระบุเพียงว่าจำเลยค้างค่าน้ำประปาเป็นเงิน 660 บาท และค่าโทรศัพท์เป็นเงิน 1,100 บาท แต่ในตารางการคำนวณอัตราดอกเบี้ยและทุนทรัพย์เอกสารท้ายฟ้องระบุว่า ค่าน้ำประปารวมถึงค่ารักษามาตร และค่าโทรศัพท์รวมถึงค่ารักษาคู่สายโทรศัพท์ภายใน ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระค่ารักษามาตรวัดน้ำประปาและค่ารักษาคู่สายโทรศัพท์ภายในจึงมิได้เป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น