พบผลลัพธ์ทั้งหมด 292 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2172/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิจารณาจากลักษณะอาวุธและบาดแผลของผู้ตาย
จำเลยใช้ ไม้ไผ่ตัน ขนาดยาว 63 เซนติเมตรวัดโดยรอบ 9 เซนติเมตรตีผู้ตายหลายที รวมทั้งตีที่ศีรษะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายจนกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยบริเวณด้านล่าง ของสมองแตก ผู้ตายหมดสติหลังถูกทำร้ายไม่นานนักและถึง แก่ความตายในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่า มีเจตนาฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สัญชาติไทยต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียมก่อน จึงมีสิทธิขอให้ศาลพิจารณา
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57 ได้บัญญัติถึงขั้นตอนของการร้องขอพิสูจน์การมีสัญชาติไทยไว้ว่า ผู้ที่จะขอพิสูจน์ว่าตนมีสัญชาติไทย จะต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเสียค่าธรรมเนียมเสียก่อนต่อเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งประการใดแล้ว ผู้นั้นไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่จะร้องขอให้ศาลพิจารณาก็ได้ ผู้ร้องซึ่งประสงค์จะขอพิสูจน์สัญชาติไทย จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวเสียก่อน เมื่อผู้ร้องไม่เคยยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียม ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สัญชาติไทยต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจะสามารถขอให้ศาลพิจารณาได้
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57 ได้บัญญัติถึงขั้นตอนของการร้องขอพิสูจน์การมีสัญชาติไทยไว้ว่า ผู้ที่จะขอพิสูจน์ว่าตนมีสัญชาติไทย จะต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียมเสียก่อนต่อเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งประการใดแล้วผู้นั้นไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่จะร้องขอให้ศาลพิจารณาก็ได้ผู้ร้องซึ่งประสงค์จะขอพิสูจน์สัญชาติไทย จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวเสียก่อนเมื่อผู้ร้องไม่เคยยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าธรรมเนียมผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3394/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย ศาลต้องพิจารณาเหตุผลอันสมควร และมิอาจถือว่าจำเลยจงใจขาดนัด
ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าป่วย มีใบรับรองแพทย์เสนอต่อศาลและเป็นการขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก โจทก์ไม่คัดค้าน ถือว่ามีเหตุผลอันสมควรในการเลื่อนคดี
บัญชีระบุพยานของจำเลยในช่องหมายเหตุระบุว่า "หมาย/นำ" ซึ่งหมายความว่าจำเลยอาจขอหมายเรียกพยานหรือนำพยานมาศาลก็ได้ ดังนั้นการที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยและไม่ได้ขอหมายเรียกพยานหรือนำพยานมาศาล ก็คงเป็นเพราะเห็นว่าทนายจำเลยป่วย ศาลย่อมจะต้องให้เลื่อนคดีจึงมิใช่จำเลยจงใจไม่มาศาลและไม่จัดการนำพยานมาศาล แต่อย่างใด
บัญชีระบุพยานของจำเลยในช่องหมายเหตุระบุว่า "หมาย/นำ" ซึ่งหมายความว่าจำเลยอาจขอหมายเรียกพยานหรือนำพยานมาศาลก็ได้ ดังนั้นการที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยและไม่ได้ขอหมายเรียกพยานหรือนำพยานมาศาล ก็คงเป็นเพราะเห็นว่าทนายจำเลยป่วย ศาลย่อมจะต้องให้เลื่อนคดีจึงมิใช่จำเลยจงใจไม่มาศาลและไม่จัดการนำพยานมาศาล แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3024/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดทางอาญาและการลดโทษเนื่องจากอาการทางจิต: ศาลพิจารณาอาการผิดปกติทางจิตของผู้กระทำผิดเพื่อลดโทษ
ตามประวัติอาการป่วยของจำเลยเคยมีอาการทางประสาทได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก่อนเกิดเหตุจำเลยเกิดความหวาดกลัวว่าจะถูกเพื่อนยิง จึงปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้องมา 4 วันโดยอดอาหารและไม่ได้หลับนอนมาตลอด ขณะเกิดเหตุจำเลยเห็นภาพหลอนมี ปากกระบอกปืน มาจ้องตามช่องไม้แตกมีเสียงดังแช็ก ๆ จึงได้จุดไฟเผาสิ่งของในห้องให้บังเกิดควันตลบแล้วจำเลยกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่างข้อเท็จจริงเพียงแค่นี้แม้ยังไม่เป็นการชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำความผิดในขณะ ไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ อันจะทำให้ไม่ต้อง รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคแรกก็จริง แต่ก็แสดงว่าจำเลยมีอาการผิดปกติทางจิตใจหรือจิตบกพร่องอยู่บ้างซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น เพียงใดก็ได้ตามมาตรา 65 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด: ศาลพิจารณาเหตุผลเพียงพอหรือไม่
ผู้ร้องขอให้นำทรัพย์ที่โจทก์ยึดไว้ออกขายทอดตลาด ศาลอนุญาตและประกาศขายทอดตลาด ถึงวันขายโจทก์ผู้นำยึดยื่นคำร้องว่าผู้ร้องทำการฉ้อฉลเพื่อให้มีการขายทอดตลาดศาลให้งดการขาย และนัดไต่สวนคำร้อง ในวันที่โจทก์ยื่นคำร้องศาลสอบถามโจทก์จำเลยและผู้ร้อง แล้วสั่งว่าเหตุผลของโจทก์ยังไม่พอฟังที่จะให้งดการขายทอดตลาดได้ เช่นนี้แสดงว่าได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการพิจารณาคำขออนาถาใหม่: เน้นพยานหลักฐานเหตุผลอุทธรณ์ ไม่ใช่พิจารณาเหตุผลอุทธรณ์ซ้ำ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ บัญญัติเฉพาะ เพื่ออนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมในประเด็นว่า ผู้ขอเป็นคนยากจนเท่านั้น หาได้ให้สิทธิแก่ผู้ขอที่จะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ในประเด็นว่า คดีของผู้ขอมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานหลังวันนัดสืบพยาน: ศาลพิจารณาเหตุผลประกอบและไม่ถือว่าจงใจล่าช้า
โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ยื่นคำร้องขอระบุพยานในวันนัดสืบพยานโจทก์อ้างว่า ตัวโจทก์ขอสำนวนไปดูแล้วเพิ่งจะส่งคืนในวันนั้น ก่อนหน้านี้ทนายโจทก์ไม่ทราบว่า มีบุคคลใดและพยานเอกสารใดพอจะอ้างเป็นพยานได้ จำเลยคัดค้านว่าไม่สมควรอนุญาติแต่มิได้คัดค้านเหตุที่โจทก์อ้าง จึงฟังได้ตามคำร้องเมื่อไม่ปรากฏตัวโจทก์ทราบว่าทนายโจทก์ต้องใช้สำนวนในการยื่นบัญชีระบุพยานจะถือว่าโจทก์จงใจไม่ยื่นบัญชีระบุพยาน ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันมิได้ คดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน การรับระบุพยานของโจทก์ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ จึงมีเหตุผลสมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยาน และถือว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยาน ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไป คำสั่งตอนที่ว่า ถือว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยานต่อไป เป็นผลของข้อความตอนต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน เป็นคำสั่งฉบับเดียวกัน เมื่อโจทก์โต้แย้งคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ดระบุพยาน จึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งทั้งฉบับ โจทก์มีสิทธิ์อุทธรณ์ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยาน และถือว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยาน ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไป คำสั่งตอนที่ว่า ถือว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยานต่อไป เป็นผลของข้อความตอนต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน เป็นคำสั่งฉบับเดียวกัน เมื่อโจทก์โต้แย้งคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ดระบุพยาน จึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งทั้งฉบับ โจทก์มีสิทธิ์อุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกเอกสารจากบุคคลภายนอก: ศาลมีสิทธิพิจารณาคำร้องก่อนออกคำสั่งเรียกเอกสาร
คำร้องให้เรียกเอกสารจากคนภายนอก ศาลพิจารณาคำร้องก่อนศาลสั่งให้ผู้อ้างติดต่อกับคนภายนอกก่อนได้ ไม่ใช่ต้องสั่งให้เรียกมาทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้จากการจ้างทำของในคดีล้มละลาย ศาลพิจารณาเหตุไม่สมควรให้ล้มละลายได้ แม้จำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้
จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำการโฆษณาสินค้าและภาพยนตร์ซึ่งเป็นการจ้างทำของ หนี้รายนี้จึงมีอายุความให้ฟ้องร้องได้ภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(1) เมื่อนับจากวันที่หนี้รายนี้เกิดขึ้นถึงวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเนื่องจากค้างชำระสินจ้างดังกล่าวเป็นเวลาเกินสองปีแล้ว หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงขาดอายุความ
คดีล้มละลายจำเลยไม่จำต้องให้การสู้คดีเช่นคดีแพ่งสามัญจึงไม่มีประเด็นอย่างใดเกิดขึ้น. การพิจารณาคดีล้มละลายผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญ เพราะพระราชบัญญัติล้มละลายเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีผลในทางตัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ศาลจึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ว่าคดีมีเหตุที่ควรหรือไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่ฉะนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าหนี้ตามฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ จึงเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 94(1) ถือได้ว่าเป็นเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายตามมาตรา 14 ดังกล่าวศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
คดีล้มละลายจำเลยไม่จำต้องให้การสู้คดีเช่นคดีแพ่งสามัญจึงไม่มีประเด็นอย่างใดเกิดขึ้น. การพิจารณาคดีล้มละลายผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญ เพราะพระราชบัญญัติล้มละลายเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีผลในทางตัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ศาลจึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ว่าคดีมีเหตุที่ควรหรือไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่ฉะนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าหนี้ตามฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ จึงเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 94(1) ถือได้ว่าเป็นเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายตามมาตรา 14 ดังกล่าวศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้