พบผลลัพธ์ทั้งหมด 275 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การเรียกร้องดอกเบี้ยจากเงินมรดกที่เคยฟ้องไปแล้ว ศาลยกฟ้อง
จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของพ.ได้นำเงินค่าขายที่ดินมรดกบางส่วนไปฝากประจำไว้ที่ธนาคารในนามของกองมรดกโดยไม่แบ่งให้โจทก์ จนเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนโจทก์ทราบดีว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้นำเงินค่าขายที่ดินมรดกอันเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ไปฝากธนาคาร ตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนโจทก์ชอบ ที่จะเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบดอกเบี้ยของเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์เสียในคราวเดียวกันได้ แต่กลับมาฟ้องเรียกร้อง เป็นคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871-1872/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นการรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทซ้ำกับคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลยกฟ้อง
ศาลฎีกาได้พิพากษาให้โจทก์แบ่งที่ดินในโฉนดให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ในสำนวนแรกและแบ่งให้แก่นาง พ. มารดาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในสำนวนหลัง ต่อมาโจทก์และจำเลย ได้พิพาทกันในชั้นบังคับคดี เกี่ยวกับการรังวัดแบ่งแยกที่ดินในโฉนดดังกล่าว ว่ารังวัด แบ่งแยกถูกต้องตรงตามคำพิพากษาฎีกาหรือไม่ศาลชั้นต้นได้นัด พร้อมทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าตรงที่พิพาทด้านเหนือให้ เจ้าพนักงานรังวัด แบ่งให้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสองสำนวน นี้เพียงแค่ติดสวนของโจทก์ เมื่อช่างแผนที่ไปรังวัด แบ่งแยกเสร็จแล้วโจทก์ไม่รับรองศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่ารูปแผนที่แบ่งแยกซึ่งช่างแผนที่ทำมานั้นถูกต้องตรงกับข้อตกลงของโจทก์ จำเลยแล้ว มีคำสั่งให้แบ่งแยกที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองสำนวน ตามรูปแผนที่แบ่งแยกดังกล่าวคดีถึงที่สุดฉะนั้นที่โจทก์ฟ้องคดี ทั้งสองสำนวนนี้ว่า จำเลยทั้งสองสำนวนได้สมคบกันออกรูปแผนที่ หลังโฉนดซึ่ง เป็นที่พิพาทกันในคดีก่อนขัดกับคำพิพากษาฎีกา เป็นเหตุให้ ที่ดินของโจทก์ขาดไป. จึงเป็นการโต้เถียงว่า การรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทไม่ถูกต้องตรงตามคำพิพากษาฎีกาอัน เป็นประเด็นเดียวกัน กับประเด็นที่โจทก์จำเลยพิพาทกันใน ชั้นบังคับคดี ซึ่งได้มีคำพิพากษา หรือคำสั่งถึงที่สุดดังกล่าว แล้ว ฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาในกรณีเมาสุราและยิงปืนโดยไม่มีเจตนาทำร้ายผู้อื่น ศาลยกฟ้อง
จำเลยเสพสุราจนเมามากครองสติไม่ได้ ไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายหรือผู้ใดในบริเวณที่เกิดเหตุเมื่อเดินออกมาที่ลานบ้านผู้เสียหายจำเลยกดไกปืน ทำให้ปืนลั่นโดยมิได้เจตนาจะยิงทำร้ายผู้ใดแต่เนื่องจากปืนของกลางเป็นปืนยิงเร็วและยิงกระสุนเป็นชุด จำเลยไม่สามารถบังคับทิศทางของกระสุนปืนได้ กระสุนปืนบางนัดจึงถูกบ้านผู้เสียหายหาใช่เจตนายิงใส่บ้านผู้เสียหายไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายกับพวกที่อยู่ในบ้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดกรรมเดียวกัน แม้ผู้เสียหายเสียชีวิตภายหลัง ศาลยกฟ้องตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์เคยฟ้องจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แม้ต่อมาผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้าย โจทก์จะฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาซึ่งเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวกันในขณะที่คดีก่อนอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์อีกไม่ได้ เพราะถือว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
(ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3792/2524)
(ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3792/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องจำเลยอ้างคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนไม่ได้
เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นศาลฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิด และคงเหลือแต่คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในชั้นสอบสวนเท่านั้นจึงรับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อว่าพยานโจทก์ที่มีอยู่ 2 ปากจะจำคนร้ายได้ ข้อเท็จจริงที่วินิจฉัยดังกล่าวจึงอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อว่าพยานโจทก์ที่มีอยู่ 2 ปากจะจำคนร้ายได้ ข้อเท็จจริงที่วินิจฉัยดังกล่าวจึงอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3792/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวกัน ฟ้องซ้ำไม่ได้: ศาลยกฟ้องฐานปลอมเอกสาร หลังเคยตัดสินลงโทษฐานฉ้อโกงแล้ว
ความผิดในคดีก่อนกับความผิดในคดีนี้เป็นความผิดกรรมเดียวกันแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบทเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีก่อนเฉพาะความผิดฐานฉ้อโกงและโกงเจ้าหนี้และศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงไปแล้ว ถือได้ว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว โจทก์จะนำความผิดเดียวกันนั้นมาฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดสำคัญ ศาลยกฟ้องและไม่รับอุทธรณ์ความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานรีดเอาทรัพย์และฉ้อโกง โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกรวม 4 คนได้ข่มขืนใจโจทก์ให้ยอมให้หรือยอมจะให้ ธนาคารกสิกรไทยจำกัด สาขาน่าน ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่ว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยการขู่และหลอกลวงดังกล่าวทำให้โจทก์จำต้องทำเอกสารสิทธิคือหนังสือรับสภาพหนี้ 1 ฉบับ รับว่าจะชำระเงินให้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาน่าน จำนวน 80,000 บาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าว ความลับซึ่งการเปิดเผยจะทำให้โจทก์เสียหายนั้นเป็นความลับเรื่องใดหาปรากฏไม่ และที่กล่าวหาว่าจำเลยฉ้อโกง หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งนั้น ข้อความใดเป็นความเท็จและความจริงเป็นอย่างไรก็มิได้ปรากฏในคำบรรยายฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมไม่บรรยายมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
การอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ด้วย
การอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์ต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หากฟ้องไม่ชัดเจน ศาลยกฟ้อง
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวของโจทก์ แล้วจำเลยทำให้ทรัพย์สิ่งของของโจทก์ที่อยู่ในตึกแถวเสียหาย โดยมิได้บรรยายชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำการใดแก่ทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ให้เสียหาย ลำพังจำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวดังกล่าวย่อมไม่ทำให้เห็นได้ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ทำลายหรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์แก่ทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ ความเสียหายของแบตเตอรี่และอาคารบูดเน่านั้นเป็นไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ ดังนี้ ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในมูลคดีเดียวกัน แม้เปลี่ยนฝ่ายฟ้อง ศาลยกฟ้องตามมาตรา 144
คดีก่อนจำเลยที่ 1 ฟ้องสิบตำรวจโท ส. กับโจทก์ให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถของโจทก์ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยในข้อที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในคดีนั้นว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ ขณะคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ได้ฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหายอันเกิดจากรถชนกันในกรณีรายเดียวกันนี้ ประเด็นแห่งคดีทั้งสองคดีจึงมีประเด็นอย่างเดียวกันว่า เหตุที่รถชนกันนั้นเป็นความผิดของฝ่ายใด ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนิน กระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2973/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งรายการค่าใช้จ่ายเลือกตั้งเป็นเท็จ – โจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่ารายการเป็นเท็จ ศาลยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 34, 87แต่ตามคำบรรยายฟ้องเป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยซึ่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเท็จ และยืนยันความจริงว่าจำเลยมิได้ใช้จ่ายไปตามรายการที่แจ้งไว้เลยเพราะจำเลยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินมาแสดงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตามที่กฎหมายบังคับ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในฐานที่จำเลยยื่นรายการค่าใช้จ่ายเป็นเท็จเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมรับว่ารายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ยื่นนั้นเป็นเท็จ และโจทก์ไม่นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงไม่พอฟังว่ารายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จำเลยยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเป็นเท็จ