พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา: การพิสูจน์เจตนาใช้ให้กู้เงินเพื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสำคัญ
หนี้ที่เกิดระหว่างเป็นสามีภริยากันมีบางอย่างเท่านั้นที่เป็นหนี้ ร่วม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482 เดิม โจทก์ฟ้องว่าว่าจำเลยซึ่งเป็นสามีภริยารู้เห็นยินยอมให้ภริยาออกเช็คแก่โจทก์ แล้วสามีกลับปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น โจทก์นำสืบว่าสามีรับรองว่าจะใช้หนี้ เป็นเรื่องนอกฟ้อง ฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้เยาว์ ไม่เข้าข่ายพรากผู้เยาว์หรืออนาจาร
หญิงอายุ 15 ปี หนีออกจากบ้านแล้วเรียกจำเลยอายุ 27 ปียังไม่มีภรรยามาพบ จำเลยพาหญิงไปตามที่ต่างๆ เพื่ออยู่กินเป็นสามีภริยา ไม่เป็นการพรากผู้เยาว์ และไม่เป็นการพาไปเพื่อการอนาจาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมของเด็กอายุ 14 ปี กับการอยู่กินฉันสามีภริยา ไม่เป็นความผิด
เด็กหญิงอายุ 14 ปี เต็มใจไปอยู่กับจำเลยเพื่อเป็นสามีภริยาจำเลยไม่มีภริยา ไม่เป็นการอนาจาร ไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกตกแก่โจทก์ แม้แต่งงานไม่จดทะเบียน สามีภริยาไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดก
ทรัพย์พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ แม้โจทก์จะได้รับมรดกในระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลยก็ตาม แต่เมื่อการอยู่กินฉันสามีภริยานั้นไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย จำเลยก็ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับโจทก์ เพราะการที่โจทก์ได้รับมรดกย่อมไม่ใช่ทรัพย์ที่โจทก์และจำเลยร่วมหากันมา
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1128/2506)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1128/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1743-1744/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสและการเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายในกรณีไม่มีกฎหมายจดทะเบียน
คนจีนแต่งงานกันในประเทศจีน ซึ่งในขณะนั้นไม่มีกฎหมายให้จดทะเบียนสมรส เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย บุตรที่เกิดจากสามีภริยานี้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายสินเดิมของสามีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยาและผลกระทบต่อการแบ่งสินสมรส
สามีจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์สินเดิมของตนอันเป็นสินบริคณห์ระหว่างสามีภรรยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462 ด้วยการยกให้โดยเสน่หา ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากภริยาตามมาตรา 1473 และ 1476 ประกอบด้วยมาตรา 525 และ 456
คดีมีประเด็นว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายได้ยินยอมให้ผู้ตายยกอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ตายให้แก่ผู้อื่นโดยเสน่หาหรือไม่ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือทั้งคดีไม่มีประเด็นว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคม หรือเป็นการจำหน่ายเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวหรือไม่ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้ความยินยอม และพิพากษาให้แบ่งสินสมรสระหว่างผู้ตายและจำเลยที่ 1 โดยไม่ต้องชักสินสมรสไปใช้สินเดิมดังกล่าวของผู้ตายก่อน
การแบ่งสินสมรสระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625(1) จะไม่ได้บัญญัติให้นำมาตรา 1476 มาใช้ด้วยแต่มาตรา 1476 เป็นบทบังคับในเรื่องแบบของความยินยอม อันจะนำไปสู่บทบัญญัติเรื่องจะนำสินสมรสใช้คืนสินเดิมของคู่สมรสที่หย่าขาดจากกันได้หรือไม่เพียงใด ศาลย่อมยกขึ้นปรับกับคดีได้ หาเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 1625(1)ไม่
คดีมีประเด็นว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายได้ยินยอมให้ผู้ตายยกอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ตายให้แก่ผู้อื่นโดยเสน่หาหรือไม่ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือทั้งคดีไม่มีประเด็นว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคม หรือเป็นการจำหน่ายเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวหรือไม่ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้ความยินยอม และพิพากษาให้แบ่งสินสมรสระหว่างผู้ตายและจำเลยที่ 1 โดยไม่ต้องชักสินสมรสไปใช้สินเดิมดังกล่าวของผู้ตายก่อน
การแบ่งสินสมรสระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625(1) จะไม่ได้บัญญัติให้นำมาตรา 1476 มาใช้ด้วยแต่มาตรา 1476 เป็นบทบังคับในเรื่องแบบของความยินยอม อันจะนำไปสู่บทบัญญัติเรื่องจะนำสินสมรสใช้คืนสินเดิมของคู่สมรสที่หย่าขาดจากกันได้หรือไม่เพียงใด ศาลย่อมยกขึ้นปรับกับคดีได้ หาเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 1625(1)ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: จำเลยต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว แม้ไม่มีอำนาจบอกล้างนิติกรรม
จำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมให้ภรรยาของตนกู้เงินโจทก์เพื่อใช้หนี้ค่าสร้างบ้านและลงทุนการค้าเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว หนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภริยาซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวด้วยจำเลยที่1 ไม่มีอำนาจบอกล้างนิติกรรมกู้ยืมนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาจากกิจการร่วมกัน และการกันส่วนของสินสมรสในชั้นบังคับคดี
ภริยากู้เงินโจทก์ ศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ 6,500 บาทตามยอม เป็นหนี้ซึ่งสามีมากับภริยาเมื่อมากู้เงินด้วยเพื่อนำไปใช้ในการขับรถรับจ้างบรรทุกของ ถือว่าเกิดจากการงานที่สามีภริยาทำด้วยกันเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา1482(3) สามีขอให้กันส่วนของตนในสินสมรสที่โจทก์บังคับคดีไม่ได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอให้กันส่วนของสามีในสินบริคณห์ในชั้นบังคับคดี เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอให้กันส่วนของสามีในสินบริคณห์ในชั้นบังคับคดี เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการแบ่งทรัพย์สินจากการเช่าร่วมกันของสามีภริยาไม่จดทะเบียน และประเด็นฟ้องเคลือบคลุม
สิทธิการเช่าซึ่งสามีภริยาไม่จดทะเบียนมีอยู่ร่วมกัน แม้ภริยาไม่ได้เป็นผู้เช่าจากเจ้าของตึก ภริยาก็มีบุคคลสิทธิระหว่างกันที่จะขอแบ่งได้เสมอ และตีราคาแบ่งเป็นเงินได้
ภริยาโดยไม่จดทะเบียนฟ้องสามีขอแบ่งสินค้าในร้านซึ่งมีราคา 80,000 บาทเป็นของโจทก์กึ่งหนึ่ง ไม่บรรยายว่าสินค้ามีอะไรบ้างขณะที่เลิกร้างกัน เป็นข้อที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ภริยาโดยไม่จดทะเบียนฟ้องสามีขอแบ่งสินค้าในร้านซึ่งมีราคา 80,000 บาทเป็นของโจทก์กึ่งหนึ่ง ไม่บรรยายว่าสินค้ามีอะไรบ้างขณะที่เลิกร้างกัน เป็นข้อที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การย้ายที่อยู่ของสามีและการเลี้ยงดูบุตร ไม่ถือเป็นการทิ้งร้าง หรือกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
การที่จำเลย(สามี) ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะถูกทางราชการย้ายไป และโจทก์(ภรรยา) มิได้ตามไปอยู่ด้วยเพราะมีภาระที่จะต้องดูแลบุตร บ้าน และทำการค้าขาย จะถือว่าจำเลยจงใจจะทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้ และแม้หากจะฟังว่าจำเลยไม่เสียกับหญิงอื่น และได้พาหญิงอื่นไปไหว้มารดาจำเลยซึ่งอยู่บ้านเดียวกันกับโจทก์ ก็ยังไม่เป็นพฤติการณ์เพียงพอที่จะถือว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าได้