พบผลลัพธ์ทั้งหมด 169 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นมรดก แต่การโอนหรือขายต้องมีผู้ให้เช่ายินยอม ส่วนแบ่งสิทธิการเช่าเป็นไปตามสัดส่วน
จ.และจำเลยมีสิทธิการเช่าห้องพิพาทร่วมกัน เมื่อ จ.ตายสัญญาเช่าของ จ.ย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท (คือโจทก์) ที่จะมีสิทธิการเช่าร่วมกับจำเลย แต่ที่โจทก์จะให้นำสิทธิการเช่าดังกล่าวไปโอนให้บุคคลอื่นหรือขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาแบ่งกันระหว่างจำเลยกับทายาทของจ.นั้น ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลนอกคดีต้องยินยอมด้วย กรณีไม่อาจบังคับตามคำขอได้
เมื่อสิทธิการเช่ามีราคา 95,000 บาท โจทก์ขอแบ่งสิทธิการเช่าที่เหลืออยู่ 12 ปี สิทธิการเช่าจึงมีราคา 76,000 บาท โจทก์มีสิทธิกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 38,000 บาท ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 38,000 บาท แก่โจทก์
เมื่อสิทธิการเช่ามีราคา 95,000 บาท โจทก์ขอแบ่งสิทธิการเช่าที่เหลืออยู่ 12 ปี สิทธิการเช่าจึงมีราคา 76,000 บาท โจทก์มีสิทธิกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 38,000 บาท ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 38,000 บาท แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาเดิมก่อนพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา ใช้บังคับ สิทธิการเช่ายังคงอยู่ แม้มีการโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์ทำสัญญาเช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับ เมื่อสัญญานี้ยังไม่ระงับ และเป็นสัญญาที่มีกำหนดเวลาต่ำกว่า 6 ปี จึงมีผลให้การเช่ามีกำหนดเวลา 6 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ
การโอนกรรมสิทธิ์นาที่ให้เช่าหาทำให้สัญญาเช่าระงับไปไม่ ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอน
การโอนกรรมสิทธิ์นาที่ให้เช่าหาทำให้สัญญาเช่าระงับไปไม่ ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานะโจทก์หลังมีคำพิพากษา: สิทธิการเช่าสิ้นสุด, การบังคับคดีสิ้นผล
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนผนังตึกที่สร้างรุกล้ำและขนย้ายและออกไปให้พ้นเขตที่ดินที่โจทก์มีสิทธิการเช่า ต่อมาในชิ้นที่โจทก์ขอบังคบคดีปรากฏว่าเจ้าของที่พิพาทได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ และได้ให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้ว ฐานะในคดีของโจทก์จึงเปลี่ยนไปว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะใช้ที่พิพาทต่อไป และจำเลยคงอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าโดยตรงจากเจ้าของ รูปคดีไม่มีประโยชน์ต่อโจทก์ที่จะบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าที่ดินธรณีสงฆ์: สัญญาซื้อฝากไม่ผูกพันจำเลย ผู้รับซื้อฝากไม่เกิดสิทธิเช่า
โจทก์รับซื้อฝากบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ไว้จาก ฉ. มีกำหนด 1 ปี โดยมีข้อสัญญาด้วยว่า ถ้าฉ.ไม่ไถ่บ้านคืนภายใน 1 ปี ฉ.ยอมโอนสิทธิการเช่าที่ธรณีสงฆ์ให้โจทก์ ครั้นครบ 1 ปีบ้านหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ ฉ.กลับยื่นคำร้องต่อจำเลย ซึ่งเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ที่ธรณีสงฆ์ขอโอนสิทธิการเช่าให้แก่ ท. ด. เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้รายงานเท็จต่อคณะกรรมการจัดผลประโยชน์ของจำเลยว่าไม่มีบ้านปลูกอยู่ในที่ดิน คณะกรรมการจึงอนุญาตให้ ท. เป็นผู้เช่าแทน ฉ.ได้ ดังนี้แม้ในทางปฏิบัติจะมีความเห็นของเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ใดเป็นเจ้าของบ้านผู้นั้นควรได้รับเช่าที่ดินก็ตาม แต่ก็มิใช่ข้อบังคับเด็ดขาดว่า จำเลยต้องเช่าเสมอไป การที่มีข้อสัญญาระหว่าง ฉ.กับโจทก์นั้นจำเลยก็มิได้เป็นคู่สัญญาด้วย ข้อตกลงดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลย ฉะนั้น การที่โจทก์รับซื้อฝากบ้านจนหลุดเป็นสิทธิไม่ก่อให้เกิดสิทธิการเช่าที่ดิน และจำเลยไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องให้โจทก์เช่าที่พิพาท การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยทำรายงานเท็จก็เป็นเรื่องทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนส่วนหนึ่งต่างหาก หาใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้โจทก์ไม่ได้เช่าที่พิพาทไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายฝากไม่ผูกพันจำเลยในการเช่าที่ดินธรณีสงฆ์ สิทธิการเช่าไม่ตามกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง
โจทก์รับซื้อฝากบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ไว้จาก ฉ. มีกำหนด1 ปี โดยมีข้อสัญญาด้วยว่า ถ้า ฉ.ไม่ไถ่บ้านคืนภายใน1ปี ฉ. ยอมโอนสิทธิการเช่าที่ธรณีสงฆ์ให้โจทก์ ครั้นครบ 1 ปี บ้านหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ ฉ. กลับยื่นคำร้องต่อจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ที่ธรณีสงฆ์ขอโอนสิทธิการเช่าให้แก่ ท. ด. เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้รายงานเท็จต่อคณะกรรมการจัดผลประโยชน์ของจำเลยว่าไม่มีบ้านปลูกอยู่ในที่ดินคณะกรรมการจึงอนุญาตให้ ท.เป็นผู้เช่าแทน ฉ. ได้ ดังนี้แม้ในทางปฏิบัติจะมีความเห็นของเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ใดเป็นเจ้าของบ้านผู้นั้นควรได้รับเช่าที่ดินก็ตาม แต่ก็มิใช่ข้อบังคับเด็ดขาดว่า จำเลยต้องให้เช่าเสมอไปการที่มีข้อสัญญาระหว่าง ฉ. กับโจทก์นั้นจำเลยก็มิได้เป็นคู่สัญญาด้วยข้อตกลงดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลย ฉะนั้น การที่โจทก์รับซื้อฝากบ้านจนหลุดเป็นสิทธิไม่ก่อให้เกิดสิทธิการเช่าที่ดิน และจำเลยไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องให้โจทก์เช่าที่พิพาทการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยทำรายงานเท็จก็เป็นเรื่องทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนส่วนหนึ่งต่างหาก หาใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้โจทก์ไม่ได้เช่าที่พิพาทไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่า, การโอนสิทธิ, สัญญาต่างตอบแทน, การผิดสัญญา, อำนาจฟ้อง
โจทก์ทำสัญญาจดทะเบียนเช่าตึกแถวพิพาทมาจากเจ้าของ แล้วตกลงโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้จำเลย โดยจำเลยให้ค่าตอบแทนเป็นเงินผ่อนชำระเป็น 3 งวดดังนี้ การที่จำเลยยอมเข้าทำสัญญารับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทกับโจทก์ เป็นการยอมรับนับถือสิทธิของโจทก์เหนือตึกพิพาทจำเลยจึงไม่อาจโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเหนือตึกพิพาทที่จะฟ้องจำเลยได้ ถึงแม้โจทก์จะได้รับการบอกเลิกการเช่าจากเจ้าของตึกพิพาทในภายหลัง ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับเจ้าของตึก หาเป็นเหตุให้ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งมีมาแต่เดิมระงับไปไม่ จำเลยยังคงผูกพันอยู่กับโจทก์ตามสัญญาดังกล่าว ทั้งการที่จำเลยเข้าใช้สิทธิในตึกพิพาทก็โดยอาศัยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย และสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อจำเลยมิได้ชำระเงินให้โจทก์ตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยก็ไม่ปฏิบัติตามจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์บอกเลิกสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่า, การโอนสิทธิ, สัญญาต่างตอบแทน, การผิดสัญญา, อำนาจฟ้อง
โจทก์ทำสัญญาจดทะเบียนเช่าตึกแถวพิพาทมาจากเจ้าของ แล้วตกลงโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้จำเลย โดยจำเลยให้ค่าตอบแทนเป็นเงินผ่อนชำระ เป็น 3 งวด ดังนี้ การที่จำเลยยอมเข้าทำสัญญารับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทกับโจทก์ เป็นการยอมรับนับถือสิทธิของโจทก์เหนือตึกพิพาทจำเลยจึงไม่อาจโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเหนือตึกพิพาทที่จะฟ้องจำเลยได้ ถึงแม้โจทก์จะได้รับการบอกเลิกการเช่าจากเจ้าของตึกพิพาทในภายหลัง ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับเจ้าของตึก หาเป็นเหตุให้ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งมีมาแต่เดิมระงับไปไม่ จำเลยยังคงผูกพันอยู่กับโจทก์ตามสัญญาดังกล่าวทั้งการที่จำเลยเข้าใช้สิทธิในตึกพิพาท ก็โดยอาศัยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยและสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อจำเลยมิได้ชำระเงินให้โจทก์ตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยก็ไม่ปฏิบัติตามจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการแบ่งทรัพย์สินจากการเช่าร่วมกันของสามีภริยาไม่จดทะเบียน และประเด็นฟ้องเคลือบคลุม
สิทธิการเช่าซึ่งสามีภริยาไม่จดทะเบียนมีอยู่ร่วมกัน แม้ภริยาไม่ได้เป็นผู้เช่าจากเจ้าของตึก ภริยาก็มีบุคคลสิทธิระหว่างกันที่จะขอแบ่งได้เสมอ และตีราคาแบ่งเป็นเงินได้
ภริยาโดยไม่จดทะเบียนฟ้องสามีขอแบ่งสินค้าในร้านซึ่งมีราคา 80,000 บาทเป็นของโจทก์กึ่งหนึ่ง ไม่บรรยายว่าสินค้ามีอะไรบ้างขณะที่เลิกร้างกัน เป็นข้อที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ภริยาโดยไม่จดทะเบียนฟ้องสามีขอแบ่งสินค้าในร้านซึ่งมีราคา 80,000 บาทเป็นของโจทก์กึ่งหนึ่ง ไม่บรรยายว่าสินค้ามีอะไรบ้างขณะที่เลิกร้างกัน เป็นข้อที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 675/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่และเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีหลักฐานการครอบครองและสิทธิการเช่าที่ชัดเจน
ป. และจำเลยที่ 2 ที่ 3 กับพวกรวม 8 คน เข้าหุ้นส่วนทำการขายอาหารในภัตตาคารน.โดยเช่าภัตตาคาร น. มาจากบริษัท น.ต่อมาผู้เป็นหุ้นส่วนดังกล่าวได้ก่อตั้งบริษัทโจทก์ขึ้นโดย ป. กับจำเลยที่2 ที่ 3เป็นผู้เริ่มก่อการในการประชุมตั้งบริษัทโจทก์ครั้งแรกที่ประชุมได้มีมติให้ถือเอาสัญญาเช่าที่ ป. และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้เริ่มก่อการทำไว้กับบริษัท น. เป็นสัญญาเช่าที่ผูกพันบริษัทโจทก์และต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1กับพวกเข้าแย่งดำเนินกิจการภัตตาคาร น. บริษัท น. ก็ได้แจ้งให้บริษัทโจทก์ทราบว่าการบุกรุกและยึดกิจการภัตตาคาร น. เป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 เท่านั้นไม่เกี่ยวกับบริษัท น. ให้บริษัทโจทก์เข้าดำเนินกิจการภัตตาคารต่อไปดุจเดิม ข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ จึงน่าเชื่อว่าบริษัทโจทก์เข้าครอบครองภัตตาคาร น. โดยสวมสิทธิการเช่าจากห้างหุ้นส่วนผู้เช่าเดิมบริษัทโจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งบุกรุกเข้าแย่งการครอบครองและเรียกค่าเสียหายได้ แม้โจทก์จะไม่มีหนังสือสัญญาเช่ากับบริษัท น. ต่อกันไว้ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลย เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับคดีเกี่ยวกับสัญญาเช่าภัตตาคาร น. แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว โอนสิทธิการเช่าต้องมีข้อตกลง/ยินยอมจากผู้ให้เช่า บุคคลภายนอกแม้เป็นญาติก็ไม่มีสิทธิ
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าเท่านั้น จะโอนจะแบ่งตามกฎหมายครอบครัวหรือมรดกหรือตามนิติกรรมก็ดี ถ้าไม่มีข้อตกลงกันไว้ในสัญญาเช่า หรือมิได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่าแล้วจะโอนจะแบ่งไปยังบุคคลภายนอกแม้จะเป็นสามีภริยาหรือแม้แต่ทายาทของผู้เช่าหาได้ไม่หรือนัยหนึ่งสิทธิการเช่าเป็นสิทธิตามสัญญาซึ่งคนอื่นนอกจากคู่สัญญาเช่าจะเข้าไปมีสิทธิตามสัญญาด้วยไม่ได้ เมื่อโจทก์เป็นผู้เช่าตึกพิพาทตามสัญญาเช่าแต่ผู้เดียว จำเลยไม่ใช่คู่สัญญาด้วย. ย่อมไม่อาจอ้างได้ว่าจำเลยมีสิทธิตามสัญญาที่จะได้รับชำระหนี้ คือการเข้าอยู่ในตึกเช่ารายพิพาทได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 888/2511)
ข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์สัญญาจะโอนสิทธิการเช่าให้จำเลยด้วยวาจานั้น ไม่มีผลในกฎหมายที่จะผูกพันบังคับกันได้
โจทก์ฎีกาเกี่ยวกับค่าเสียหายมาด้วย แต่ไม่มีคำขอให้ใช้ค่าเสียหายศาลฎีกาย่อมไม่พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์สัญญาจะโอนสิทธิการเช่าให้จำเลยด้วยวาจานั้น ไม่มีผลในกฎหมายที่จะผูกพันบังคับกันได้
โจทก์ฎีกาเกี่ยวกับค่าเสียหายมาด้วย แต่ไม่มีคำขอให้ใช้ค่าเสียหายศาลฎีกาย่อมไม่พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์