คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิเรียกร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้หลังอายุความขาดแล้วไม่ถือเป็นการรับสภาพหนี้ ทำให้สิทธิเรียกร้องไม่กลับคืน
การรับสภาพหนี้ด้วยการชำระหนี้ให้บางส่วนที่จะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงต้องกระทำก่อนที่หนี้จะขาดอายุความ จำเลยชำระหนี้ภายหลังขาดอายุความแล้วจึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) แต่มีผลเพียงแต่ทำให้ลูกหนี้เรียกร้องเงินที่ชำระไปคืนไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/28 วรรคหนึ่ง เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการ: สิทธิเรียกร้องที่มีข้อต่อสู้ไม่อาจนำมาหักกลบลบหนี้ได้
แม้แผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้มิได้มีข้อกำหนดห้ามมิให้มีการหักกลบลบหนี้ในหนี้ของเจ้าหนี้ ผู้บริหารแผนชอบที่จะใช้สิทธิแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ระหว่างหนี้ที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้ต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดยมูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันได้ก็ตาม แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในคดีฟื้นฟูกิจการของเจ้าหนี้ ลูกหนี้คดีนี้โดยผู้บริหารแผนได้นำมูลหนี้ที่ขอหักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้ดังกล่าวไปขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ได้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ล้มละลายฯ ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ในหนี้ดังกล่าวจึงยังมีข้อต่อสู้อยู่ หาอาจจะเอามาหักกลบลบหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 344 ได้ไม่
แม้เจ้าหนี้เพิ่งหยิบยกปัญหานี้ขึ้นอ้างในชั้นพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง โดยมิได้กล่าวอ้างมาก่อนในชั้นไต่สวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ตาม แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ต้องพิจารณาให้ได้ความจริงถึงสิทธิในการขอหักกลบลบหนี้ของผู้บริหารแผนว่าอาจจะกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฏอยู่ในสำนวนคดีและกระบวนการดำเนินการชั้นฟื้นฟูกิจการของทั้งสองฝ่ายแล้ว การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้หยิบยกข้อเท็จจริงถึงการเป็นหนี้ของลูกหนี้ที่ยังมีข้อต่อสู้ขึ้นมาวินิจฉัย จึงเป็นการไม่ชอบและศาลชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128-1129/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักษณะสัญญาจ้างแรงงาน vs. จ้างทำของ: สิทธิเรียกร้องของลูกจ้าง
จำเลยประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวจัดให้มีการท่องเที่ยวทางเรือสำราญ เมื่อมีลูกค้าจะลงท่องเที่ยวเรือสำราญจำเลยจะแจ้งโจทก์ทราบโจทก์มีสิทธิที่จะให้บริการหรือปฏิเสธที่จะไม่ให้บริการแก่ลูกค้าได้หากโจทก์รับให้บริการแก่ลูกค้าบนเรือสำราญจะได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน เมื่อเรือสำราญต้องเข้าฝั่งโจทก์จะหมดหน้าที่เป็นคราวไปการจ้างงานระหว่างโจทก์กับจำเลยมุ่งถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ ไม่ใช่การจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 แต่เป็นการจ้างทำของตามมาตรา 587โจทก์จึงไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลย
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ยอมทำงาน เพราะเมื่อมีลูกค้าลงเรือสำราญจำเลยจะแจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าถือเป็นวันทำงานปกติ เป็นการกำหนดวันทำงานในรอบสัปดาห์ไม่ใช่เป็นงานที่หมดหน้าที่เป็นคราว ๆ ไปและไม่ได้มุ่งถึงความสำเร็จของงาน อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าโจทก์ทำงานให้จำเลยโดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน ถือได้ว่าโจทก์ทำงานให้จำเลยเพื่อรับค่าจ้าง ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นการจ้างแรงงาน เป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงเพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่างไปจากศาลแรงงานกลาง เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า สัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์มีลักษณะเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 54 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097-1098/2547 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการรับคืนเงินประกันทุเลาการบังคับคดีเมื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา และระยะเวลาการเรียกร้อง
เงินที่โจทก์ที่ 1 วางเป็นหลักประกันเพื่อขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์โดยทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2538 ว่า หากโจทก์ทั้งสามแพ้คดีและไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา ยินยอมให้บังคับเอากับเงินที่นำมาเป็นหลักประกันได้ แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้โจทก์ที่ 1 แพ้คดี และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่โจทก์ที่ 1 ยังไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาก็ยังไม่มีสิทธิขอรับเงินที่วางไว้ดังกล่าวคืน โจทก์ที่ 1 จะมีสิทธิร้องขอคืนได้ต่อเมื่อนำเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว เมื่อโจทก์ที่ 1 นำเงินจำนวนใหม่มาวางชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544 โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิเรียกร้องขอรับเงินที่วางเป็นหลักประกันคืนได้ตั้งแต่วันดังกล่าวหาใช่นับแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่ เมื่อโจทก์ที่ 1 ขอรับเงินคืนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 ยังไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่มีสิทธิเรียกร้องเงินที่วางประกันจึงยังไม่ตกเป็นของแผ่นดินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097-1098/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องเงินประกันทุเลาการบังคับคดี: สิทธิเกิดขึ้นเมื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ไม่ใช่เมื่อคดีถึงที่สุด
โจทก์ที่ 1 วางเงิน 15,887.50 บาท ต่อศาล เพื่อขอทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์ โดยทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลไว้เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2534 ว่า หากโจทก์ทั้งสามแพ้คดีและไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษายินยอมให้บังคับเอากับเงินที่นำมาวางเป็นหลักประกันได้ แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้โจทก์ที่ 1 แพ้คดี และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่โจทก์ที่ 1 ยังไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาก็ยังไม่มีสิทธิขอรับเงินที่วางไว้ดังกล่าวคืน โจทก์ที่ 1 จะมีสิทธิขอคืนได้ต่อเมื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ดังนั้น เมื่อโจทก์ที่ 1 นำเงินจำนวนใหม่มาวางชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544 โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิเรียกร้องขอรับเงินที่วางเป็นหลักประกันคืนตั้งแต่วันดังกล่าว หาใช่นับแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ โจทก์ที่ 1 ขอรับเงินคืนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 ยังไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่มีสิทธิเรียกร้อง เงินนั้นไม่ตกเป็นของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 โจทก์จึงมีสิทธิขอรับเงินจำนวน 15,887.50 บาท ดังกล่าวคืนไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097-1098/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอคืนเงินประกันทุเลาการบังคับคดี: เริ่มนับเมื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ไม่ใช่นับจากวันที่คดีถึงที่สุด
โจทก์วางเงินประกัน 15,887.50 บาท เพื่อขอทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์โดยทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2534 ว่า หากโจทก์แพ้คดีและไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา ยินยอมให้บังคับเอากับเงินที่นำมาเป็นหลักประกันได้แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้โจทก์แพ้คดี และคดีถึงที่สุดแล้วแต่ตราบใดที่โจทก์ยังไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาก็ยังไม่มีสิทธิขอรับเงินที่วางไว้คืน โจทก์จะมีสิทธิร้องขอคืนได้ต่อเมื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ดังนั้น เมื่อโจทก์นำเงินจำนวนใหม่มาวางชำระหนี้ให้แก่จำเลยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องขอรับเงินที่วางเป็นหลักประกันคืนตั้งแต่วันดังกล่าวหาใช่นับแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่ โจทก์ขอรับเงินคืนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544ยังไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่มีสิทธิเรียกร้อง เงินนั้นจึงไม่ตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 โจทก์มีสิทธิขอรับเงินคืนไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินค้า: การยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความในคดีบังคับคดีและการวินิจฉัยของศาล
โจทก์ขอให้อายัดสิทธิเรียกร้องในการชำระราคาสินค้าของจำเลยซึ่งมีต่อผู้คัดค้านโดยอ้างเพียงประการเดียวว่าเงินที่ขออายัดเป็นเงินที่ผู้คัดค้านค้างชำระราคาสินค้าซึ่งผู้คัดค้านซื้อจากจำเลย ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์กล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านมีภาระต้องชดใช้ราคาสินค้าดังกล่าวแก่จำเลยแต่จำเลยก็มิได้ฟ้องร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ดังกล่าวแก่จำเลยภายในเวลา 2 ปี นับแต่จำเลยส่งมอบสินค้า สิทธิเรียกร้องของจำเลยจึงขาดอายุความแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินดังกล่าวจากผู้คัดค้าน คำคัดค้านของผู้คัดค้านเป็นการตั้งประเด็นเสมือนเป็นคำให้การต่อสู้คดีและเป็นคำให้การที่ชัดแจ้ง และแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความว่าเป็นเรื่องใดและขาดอายุความเพราะเหตุใด ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเล่นแชร์ไม่ผิดกฎหมายหากนายวงแชร์เป็นบุคคลธรรมดา และเช็คที่ออกให้เป็นเช็คสั่งจ่ายตามปกติ ผู้รับเช็คมีสิทธิเรียกร้องได้
รายชื่อสมาชิกวงแชร์ ระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. เป็นนายวงแชร์ แต่ในการชำระค่าแชร์ จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังโดยมิได้ปรากฏข้อความว่ากระทำการแทนนิติบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด จึงเป็นการเล่นแชร์ในฐานะส่วนตัวของจำเลยที่ 2 มิใช่ในฐานะนิติบุคคลไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ฯ มาตรา 5 แม้ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ฯ มาตรา 6บัญญัติห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (4) ของมาตราดังกล่าวก็ตาม แต่มาตรา 7ก็ได้บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์ที่จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 6 ได้การเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่งอันเกิดจากการตกลงกันระหว่างผู้เล่น บังคับกันได้ตามกฎหมาย ไม่ตกเป็นโมฆะเมื่อโจทก์เป็นผู้ประมูลแชร์ได้รับเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและมีจำเลยที่ 2 นายวงแชร์เป็นผู้สลักหลังเช็คฉบับดังกล่าวเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้ถือจึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7354/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องจากสัญญาบัตรเครดิต: การชำระหนี้หลังขาดอายุความไม่ทำให้สะดุดอายุความ
จำเลยทำสัญญาเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ โดยจำเลยสามารถนำบัตรเครดิตไปใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการต่าง ๆ ตลอดจนเบิกเงินสดจากตู้เบิกเงินอัตโนมัติซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย โดยโจทก์จะออกเงินทดรองไปก่อนแล้วมาเรียกเก็บจากจำเลยในภายหลัง สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี เมื่อจำเลยได้นำบัตรเครดิตไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการหลายครั้ง โจทก์แจ้งยอดรายการใช้จ่ายบัตรเครดิตให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีชำระหนี้จำนวนน้อยซึ่งไม่เพียงพอชำระหนี้ เป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์บอกเลิกสัญญาใช้บัตรเครดิตเมื่อเดือนตุลาคม 2540 อายุความจึงเริ่มนับแต่นั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2544 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
การที่จำเลยได้ชำระหนี้จำนวน 500 บาท แก่โจทก์ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2542 ภายหลังจากหนี้ขาดอายุความแล้วก็เป็นเพียงกรณีจำเลยไม่สามารถเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/28 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ไม่ถือเป็นการรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความที่ขาดไปแล้วสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) ทั้งมิใช่กรณีที่จำเลยสละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/24
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2546)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5203/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมอบงานที่มีข้อบกพร่องและสิทธิเรียกร้องค่าจ้าง
วันที่โจทก์ส่งมอบงานอาจไม่ใช่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ เพราะงานที่ส่งมอบอาจมีข้อบกพร่องอันจะต้องแก้ไขเสียก่อน โจทก์จึงอาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันที่จำเลยรับมอบงานเป็นต้นไป
of 174