พบผลลัพธ์ทั้งหมด 200 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2016/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องขับไล่หลังสัญญาเช่าเดิมสิ้นสุด: กรณีผู้เช่าช่วง
โจทก์เช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ปลูกห้องแถวที่พิพาท แล้วโจทก์ให้จำเลยเช่าห้องแถวที่พิพาท ถึงแม้ต่อมาสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับกรมธนารักษ์จะสิ้นสุดลง โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ที่จะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าให้แก่กรมธนารักษ์ตามสัญญาเช่า เมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นกำหนดระยะเวลาแล้ว โจทก์จึงยังมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากสถานที่เช่าและเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสมาชิกภาพสภาเทศบาลจากคำพิพากษาจำคุกและการมีลักษณะต้องห้าม
พระราชบัญญัติเทศบาล มาตรา 19(4) บัญญัติว่าสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลย่อมสิ้นสุดลงเมื่อขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล มาตรา 21(9) บัญญัติว่าผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งนั้น เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ผู้คัดค้านถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลในขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล ผู้คัดค้านจึงขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลตามนัยกฎหมายดังกล่าว
พระราชบัญญัติเทศบาล มาตรา 71 วรรคแรก บัญญัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลเทศบาลในจังหวัดนั้น เมื่อผู้คัดค้านซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลได้
พระราชบัญญัติเทศบาล มาตรา 71 วรรคแรก บัญญัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลเทศบาลในจังหวัดนั้น เมื่อผู้คัดค้านซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดการสมรสด้วยการตาย และสิทธิฟ้องเพิกถอนการสมรสที่สิ้นสุดแล้ว
เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตายตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 คดีไม่มีความจำเป็นที่โจทก์จะมาฟ้องร้องขอให้เพิกถอนการสมรสนั้นอีกศาลพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีสิ้นสุดแล้ว ศาลไม่อาจพิจารณาข้อตกลงแบ่งแยกที่ดินเพิ่มเติมได้
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยไปจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินโฉนดพิพาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยให้โจทก์มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางแถบคลองเป็นจำนวน 100 ส่วนใน 780 ส่วนของเนื้อที่ทั้งหมดตามโฉนดที่ดินดังกล่าวและเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนสิทธิให้โจทก์เรียบร้อยแล้ว การบังคับคดีจึงสิ้นสุดลง การที่โจทก์จำเลยมาตกลงจะแบ่งแยกที่ดินกันอีกจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำพิพากษา ไม่อาจที่จะนำมาพิจารณาและบังคับในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนด & สิทธิเช่า: การพิสูจน์กรรมสิทธิ์เดิมและการสิ้นสุดสิทธิเช่า
ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินมีโฉนด ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานว่าโจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินดังกล่าวเมื่อจำเลยรับว่าเช่าที่ดินพิพาทอันเป็นที่ดินบางส่วนของโฉนดดังกล่าวจากโจทก์โจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทได้ ที่จำเลยจะขอนำสืบข้อเท็จจริงที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งแห่งที่ธรณีสงฆ์วัด ต. (ร้าง) ซึ่งเป็นบุคคลที่สามจึงไม่จำเป็นเพราะที่ดินพิพาทจะเป็นส่วนหนึ่งแห่งที่ธรณีสงฆ์หรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบุคคลผู้มีอำนาจดูแลที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2579-2580/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์สิ้นสุดเมื่อศาลตัดสินว่ากรรมสิทธิ์ยังเป็นของเดิม การนับระยะเวลาใหม่เริ่มจากวันตัดสิน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยกับพวกขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืน ผลแห่งคำพิพากษาก็คือโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ที่ดินพิพาทจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ โจทก์ยังขืนอยู่ในที่ดินของจำเลยทั้งๆ ที่โจทก์แพ้คดีทั้งสามศาล จึงเป็นการอยู่ในที่ดินของผู้อื่นโดยละเมิด หากจะนับเวลาครอบครองปรปักษ์ก็ต้องนับตั้งแต่ศาลฎีกาพิพากษายังไม่ถึง 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดตามกำหนด สิทธิการฟ้องขับไล่เมื่อหมดสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวโจทก์ 11 ปี จึงเป็นสัญญาเช่าที่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดแน่นอน กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564 ซึ่งบัญญัติให้สัญญาเช่าระงับไปเมื่อสิ้นกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้มิพักต้องบอกกล่าวก่อน การที่โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทก่อนสิ้นอายุสัญญาโดยให้ออกไปภายใน1 เดือน นับแต่วันที่ลงในหนังสือบอกกล่าวซึ่งเป็นกำหนดวันภายหลังจากวันครบกำหนดเวลาสิ้นสุดตามสัญญาแล้ว จึงเป็นเพียงการแจ้งให้จำเลยทราบว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเนื่องจากการทิ้งร้างและการครอบครองของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2506-2507 ถึงปัจจุบัน และฝ่ายจำเลยบางคนเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกผักมา 8-9 ปีแล้ว เช่นนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์ยอมออกจากที่พิพาทโดยเชื่อคำบอกกล่าวของเจ้าพนักงานว่า เป็นที่สาธารณะตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีนี้เป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ ตามมาตรา 1377 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า กรณีนี้ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาใช้บังคับนั้นโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน ที่สวนตามกฎหมายดังกล่าว กรณีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนอันจะอยู่ในบังคับของกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2785/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบคนอนาถา เนื่องจากเป็นคำสั่งที่สิ้นสุดตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ จำเลยเป็นคนยากจน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมและคดีในชั้นอุทธรณ์เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลไม่มากจึงอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยยกเว้นค่าธรรมเนียมเงินวางศาล ดังนี้ โจทก์จะฎีกาว่าคดีชั้นอุทธรณ์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ศาลอุทธรณ์ยกเว้นค่าธรรมเนียมเงินวางศาลโดยเห็นว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่ถูกต้องนั้น เป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นวินิจฉัยในการใช้ดุลพินิจยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลตามคำสั่ง อนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์ อย่างคนอนาถาซึ่งคำสั่งเช่นว่านี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 บัญญัติให้เป็นที่สุด ต้องด้วยข้อยกเว้นมิให้ฎีกาตาม มาตรา 247, 223
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระงับสิ้นสุด สิทธิการครอบครองที่ดินย่อมสิ้นสุดตามไปด้วย การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไม่เกินคำขอ
ฎีกาของจำเลยที่มิได้คัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบอย่างไรนั้นเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากห้องพิพาทของโจทก์และปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ แม้ฟังว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลย แต่ห้องนั้นก็อยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ เมื่อสัญญาเช่าระงับไปแล้วจำเลยก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆ ซึ่งอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่า จำเลยต้องเอาออกไปจากที่ดินด้วย ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนห้องพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย จึงไม่เป็นการเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากห้องพิพาทของโจทก์และปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ แม้ฟังว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลย แต่ห้องนั้นก็อยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ เมื่อสัญญาเช่าระงับไปแล้วจำเลยก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆ ซึ่งอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่า จำเลยต้องเอาออกไปจากที่ดินด้วย ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนห้องพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย จึงไม่เป็นการเกินคำขอ