พบผลลัพธ์ทั้งหมด 297 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีหลังลักทรัพย์สำเร็จแล้ว ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยเข้าไปเอาทรัพย์สินซึ่งเก็บรักษาอยู่ในบ้านได้แล้วออกจากบ้านวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพวกที่จอดรอดอยู่หลบหนีไปเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้วจึงหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2396/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกันเมื่อจำเลยหลบหนีและกลายเป็นผู้ก่อการร้าย ศาลยืนค่าปรับ
จำเลยซึห่งได้รับการปล่อยชั่วคราวหลบหนีไปเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ศาลจึงมีคำสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาประกันครั้นปี พ.ศ. 2524 จำเลยก็เข้ามอบตัวต่อทางราชการ โดยผู้ประกันทราบดีว่าจำเลยพักอยู่ที่ใด แต่ผู้ประกันก็มิได้ขวนขวายที่จะนำตัวจำเลยมาส่งศาลหรือร้องขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับจำเลยส่งศาล จนกระทั่งจำเลยถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2527 ผู้ประกันจึงมาร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งปรับผู้ประกันหรือลดค่าปรับ ดังนี้จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะลดค่าปรับให้ผู้ประกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2396/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกันเมื่อจำเลยหลบหนีและผิดสัญญาประกัน แม้จำเลยจะเสียชีวิตในภายหลัง
จำเลยซึห่งได้รับการปล่อยชั่วคราวหลบหนีไปเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ศาลจึงมีคำสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาประกันครั้นปี พ.ศ. 2524 จำเลยก็เข้ามอบตัวต่อทางราชการ โดยผู้ประกันทราบดีว่าจำเลยพักอยู่ที่ใด แต่ผู้ประกันก็มิได้ขวนขวายที่จะนำตัวจำเลยมาส่งศาลหรือร้องขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับจำเลยส่งศาล จนกระทั่งจำเลยถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2527 ผู้ประกันจึงมาร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งปรับผู้ประกันหรือลดค่าปรับ ดังนี้จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะลดค่าปรับให้ผู้ประกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีหลังปล้นทรัพย์ และการริบของกลาง
ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์สวนทางกับจำเลย แล้วผู้เสียหายถูกพวกของจำเลย 2 คนใช้อาวุธปืนจี้บังคับเอาทรัพย์ ขณะที่มีการค้นตัวผู้เสียหายจำเลยขับรถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาจอดห่างผู้เสียหายประมาณ 1 วา แต่มิได้ลงจากรถ เมื่อพวกของจำเลยได้ทรัพย์จากผู้เสียหายแล้ว จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและพวกของจำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซ้อนท้ายตามไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำความผิดแต่การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับพวก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายซึ่งออกติดตามพวกของจำเลยไป ไม่สามารถติดตามได้ทัน ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แล้ว
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33 (1) เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33 (1) เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และการหลบหนี
ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์สวนทางกับจำเลย แล้วผู้เสียหายถูกพวกของจำเลย 2 คนใช้อาวุธปืนจี้บังคับเอาทรัพย์ ขณะที่มีการค้นตัวผู้เสียหายจำเลยขับรถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาจอดห่างผู้เสียหายประมาณ 1 วา แต่มิได้ลงจากรถ เมื่อพวกของจำเลยได้ทรัพย์จากผู้เสียหายแล้ว จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและพวกของจำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซ้อนท้ายตามไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำความผิดแต่การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับพวก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายซึ่งออกติดตามพวกของจำเลยไป ไม่สามารถติดตามได้ทัน ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แล้ว
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33(1)เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้.
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ระวางโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 340 ตรี แล้ว โดยระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 กึ่งหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยขับมายังที่เกิดเหตุและขับออกไปจากที่เกิดเหตุ แม้จะเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี แต่การจะริบได้หรือไม่นั้น จะต้องเป็นทรัพย์ซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดมาตรา 33(1)เมื่อของกลางมิใช่ทรัพย์ซึ่งได้ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้
โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว พยานอื่นเป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีถือได้ว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ชอบที่ศาลจะลดโทษให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกับการฆ่าผู้ตาย แม้ไม่มีพยานตรง พบจำเลยอยู่กับผู้ตายก่อนเกิดเหตุและหลบหนีหลังเกิดเหตุ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแต่โจทก์มีพยานพฤติเหตุแวดล้อม กรณีเชื่อได้ว่าก่อนเกิดเหตุเล็กน้อยและในขณะเกิดเหตุยิงกันจำเลยอยู่กับผู้ตายเพียงสองคนที่บ้านของจำเลย หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไปทันที ชั้นสอบสวนจำเลยยอมรับว่าหลบหนีไปเพราะจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันรับฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับผู้ประกันเนื่องจากจำเลยหลบหนี: ศาลยืนตามคำสั่งเดิม แม้ผู้ประกันแจ้งจับจำเลยในคดีอื่น
จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วหลบหนี ศาลมีคำสั่งปรับผู้ประกัน ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ในคดีอื่นผู้ประกันจึงแจ้งให้ศาลทราบ กรณียังถือไม่ได้ว่าผู้ประกันมีส่วนในการจับกุมจำเลยอันเป็นเหตุที่จะลดหย่อนค่าปรับให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลบหนีของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวและผลกระทบต่อค่าปรับ ผู้ประกันไม่มีส่วนในการจับกุม
จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วหลบหนี ศาลมีคำสั่งปรับผู้ประกัน ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ในคดีอื่นผู้ประกันจึงแจ้งให้ศาลทราบ กรณียังถือไม่ได้ว่าผู้ประกันมีส่วนในการจับกุมจำเลยอันเป็นเหตุที่จะลดหย่อนค่าปรับให้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมพยายามฆ่า: พฤติการณ์หลบหนีหลังเกิดเหตุเป็นหลักฐานสำคัญบ่งชี้เจตนา
ส.กับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย แม้จำเลยจะมิใช่ผู้ยิงก็ตาม แต่จำเลยเป็นบิดาของ ส. และอยู่ด้วยในขณะที่ส. ยิงผู้เสียหาย ตรงที่เกิดเหตุเป็นป่า โดยปกติจะไม่มีผู้สัญจรไปมาและเมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยกับพวกก็วิ่งหนีไปกับ ส. ดังนี้พฤติการณ์ของจำเลยเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับ ส. กระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น: พฤติการณ์พาผู้ต้องหาหลบหนีหลังก่อเหตุบ่งชี้เจตนาตั้งแต่ต้น
การที่ ศ.ซึ่งเป็นคนร้ายได้ยิงผู้อื่นแล้ววิ่งหนีมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางคันที่จำเลยที่ 2 นั่งคร่อมในที่นั่งคนขับและจอดไว้ข้างที่เกิดเหตุศ.กับคนร้ายที่อยู่ในรถยนต์ปิคอัพยิงต่อสู้กับร้อยตำรวจเอก ว.ที่วิ่งไล่ตามเพื่อจับกุม เมื่อ ศ.ถูกยิงล้มลงจำเลยที่ 2 ทิ้งรถจักรยานยนต์ของกลางทันทีวิ่งไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพหลบหนีไปนั้น แม้จำเลยที่ 2 มิได้ลงมือกระทำการยิงผู้อื่นด้วย แต่ตามพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 แสดงว่าจำเลยที่ 2 กับพวกคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไปได้ร่วมกันวางแผนกระทำการฆ่าผู้อื่นมาแต่ต้นโดยตลอด โดยจำเลยที่ 2 รับหน้าที่คอยพาคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายหลบหนีไป หลังจากที่กระทำการฆ่าผู้อื่นบรรลุผลสำเร็จแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83